ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 123

ลู่ม่านไม่ได้ปลอบเขา และไม่ได้พูดถึงเรื่องของเฉินจื่อคังด้วย แต่ชวนเฉินจื่ออานพูดคุยถึงเรื่องในบ้าน

“ข้าเอาพริกของข้าพวกนั้นมาด้วย ข้าจะปลูกมันในแปลงดอกไม้ตรงประตู เจ้าต้องช่วยข้ารดน้ำมัน”

เฉินจื่ออานตอบกลับเบาๆ “ได้”

“แล้วอีกอย่าง ใกล้ถึงเวลาเพาะปลูกแล้วเช่นกัน นาที่ไม่ค่อยดีนักของเราพรวนดินยาก เจ้าคิดว่าเราควรจ้างคนงานระยะสั้นกลับมาไหม”

เฉินจื่ออานส่ายหน้า “ข้าจะทำเอง”

“งั้นข้าจะช่วยเจ้าทำด้วย!”

ลู่ม่านเอาแขนโอบคอของเฉินจื่ออานไว้อีกครั้ง “ในบ้านเรายังต้องการเจ้าจัดการหลายอย่าง ดังนั้นเจ้าจะย่อท้อไม่ได้”

เฉินจื่ออานเข้าใจทันที สิ่งที่ลู่ม่านพูดมาทั้งหมด ก็เพื่อจะบอกเขาว่า ถึงแม้ที่บ้านเฉิน เจ้าจะถูกเลือก หรือถูกทอดทิ้ง

แต่มันก็ไม่สำคัญเลย เพราะบ้านนี้ต้องการเขา ผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ ต้องการเขา

เฉินจื่ออานรู้สึกซาบซึ้งใจ เขายกแขนขึ้นมาโอบรอบคอของลู่ม่านไว้

“เสี่ยวม่าน เรามีลูกให้เร็วเถอะ” ถ้าเขามีลูก เขาจะไม่ลำเอียง หรือตามใจคนใดคนหนึ่งอย่างแน่นอน เขาจะปฏิบัติต่อลูกทุกคนอย่างยุติธรรม

ลู่ม่านถูกฝังอยู่ในอ้อมกอดของเฉินจื่ออาน ไม่ได้พูดอะไร แต่เฉินจื่ออานรู้ ว่านางเต็มใจ

ยังมีอะไรจะสำคัญไปกว่าความไว้วางใจซึ่งกันและกันอีก? ส่วนเรื่องอื่นๆ มันไม่ควรเอามาครอบงำจิตใจของเขาเลย

เฉินจื่ออานไม่ได้ออกไปอีก พวกตาแก่เฉินกลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเองก็ไม่รู้

ในตอนบ่าย ลู่ม่านเอาเมล็ดพริกออกมาตามที่พูดไว้ ตอนนี้อากาศยังหนาวอยู่เล็กน้อย แต่ลู่ม่านยังคงอยากลองปลูกชุดแรกออกมา นาวหากระดาษน้ำมันออกมา แล้วขอให้เฉินจื่ออานเหลาไม้ไผ่จำนวนมาก เพื่อจะทำเรือนเพาะปลูกเหมือนยุคใหม่

แต่ว่า เรือนเพาะปลูกนี้เล็กนิดเดียว มีพื้นที่เพียงพอให้พริกต้นเล็กๆ เติบโตที่นี่เท่านั้น

เฉินจื่ออานมองไปที่ลู่ม่านอย่างสงสัย “เสี่ยวม่าน นี่คืออะไร?”

ลู่ม่านยกยิ้มแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้อากาศหนาวมากขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นบ้านของพริกสิ”

นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินจื่ออานได้ยินว่ามีคนสร้างบ้านให้พริก ลู่ม่านพยายามอธิบายอีกครั้ง ใช้กระดาษน้ำมันครอบคลุมพื้นที่ให้มิดชิด ความอบอุ่นของโลกสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตของพริกได้

เทียบเท่ากับการจำลองสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของพริก ตอนที่คนอื่นปลูก ต้นพริกของเราก็เติบโตแล้ว

เฉินจื่ออานเข้าใจทันที “แล้วเราสามารถใช้ปลูกพืชผักชนิดอื่นได้ด้วยใช่ไหม”

ฉลาดมาก! ลู่ม่านยกยิ้ม ตาซื่อบื้อคนนี้ในตอนนี้รู้เรื่องหนึ่งก็สามารถอนุมานไปถึงเรื่องอื่นๆ ได้

“แน่นอน! เจ้าอยากปลูกอะไร” ลู่ม่านยกยิ้ม ตาซื่อบื้อคนนี้คงไม่ใช่อยากจะปลูกข้าวหรอกใช่ไหม ถ้าเป็นแบบนี้ก็เป็นเรื่องยากแล้ว

อย่างน้อยในอนาคตช่วงศตวรรษที่ 21 ในเรือนเพาะปลูกสามารถเพาะปลูกผักทุกชนิด แต่ไม่เคยปลูกข้าว

“ปีหน้าเราสามารถปลูกผักได้มากขึ้น เจ้าชอบกินไม่ใช่หรือ” เฉินจื่ออานกล่าว

หัวใจของลู่ม่านอบอุ่นขึ้น ที่แท้ความคิดแรกของตาซื่อบื้อคนนี้ก็เพื่อนาง นางยกยิ้ม “ได้เลย ปลูกผักที่เจ้าชอบกินด้วย”

ในขณะที่พูด ลู่ม่านก็หว่านเมล็ดพริกที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ลงบนดินที่พรวนไว้เรียบร้อย

พริกเป็นพืชที่มีเมล็ดหลายเมล็ด ถึงแม้จะเป็นเมล็ดเล็กๆ ก็สามารถปลูกพริกออกมาได้มากแล้ว ต้นอ่อนที่หว่านไว้ก่อนหน้านี้ก็เติบโตจนเก็บได้แล้ว

หลังจากหว่านเมล็ดเสร็จแล้ว ลู่ม่านก็ค่อยๆ เกลี่ยดินละเอียดมาคลุมไว้ด้านบน จากนั้นจึงราดน้ำลงไปหนึ่งรอบก่อนจะบอกให้เฉินจื่ออานนำกระดาษน้ำมันมาคลุมไว้ด้านบน สุดท้าย ก็อัดดินลงไปจนแน่น

“แบบนี้ก็เสร็จแล้วเหรอ?” เฉินจื่ออานเอ่ยถาม

“เสร็จแล้ว หากไม่มีอันใดผิดพลาด รออีกสามสี่วันก็สามารถออกต้นอ่อนมาได้แล้ว”

เฉินจื่ออานพยักหน้า และเริ่มให้ความสนใจกับมันขึ้นมา

วันต่อมา เฉินจื่ออานได้ยินเหยาซื่อเล่าว่า หลังจากที่เมื่อวานเฉินจื่อฉายกับตาแก่เฉินออกไปจากที่นี่ พวกเขาก็รีบเดินทางไปที่เมืองหย่งอานทันที

ตอนนี้ในบ้านเฉินเหลือไว้เพียงหลิวซื่อและเหอฮัวกับเฉินสือซ่วน

สำหรับเรื่องที่เฉินจื่อฉายไปเมืองหย่งอานทั้งลู่ม่านและเฉินจื่ออานต่างก็ไม่เห็นด้วย ถึงแม้เฉินจื่อฉายจะเป็นคนดี แต่อารมณ์ของเขาร้อนเกินไป จะมีปัญหาได้ง่ายๆ

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อวานเฉินจื่ออานได้วิเคราะห์ทุกอย่างชัดเจนแล้ว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะเฉินจื่อคังผู้เดียว พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่แล้ว ดังนั้นควรให้เขารับผิดเอง

แต่ว่า ในเวลานี้ถึงจะพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ เฉินจื่อฉายไปแล้ว คงได่แค่หวังว่า เขาจะเห็นแก่สือซ่วน ไม่ทำอะไนหุนหันพลันแล่นออกไป

……

เฉินจื่ออานใส่ใจพริกที่ปลูกมากกว่าลู่ม่านเสียอีก ทุกเช้าลู่ม่านยังไม่ตื่น เขาก็ตื่นนอนและไปที่สวนดอกไม้ หลังจากรดน้ำที่แปลงพริกแล้ว เขาถึงจะไปออกกำลังกาย แล้วเริ่มอ่านตำราเรียน

ถึงแม้อาจารย์โจวจะไม่อยู่ชั่วคราว แต่เฉินจื่ออานก็อ่านบทความที่ได้รับมอบหมายจากอาจารย์โจวเสร็จแล้ว และเริ่มบทความใหม่แล้ว

หลังจากผ่านไปสามวัน ต้นอ่อนของพริกก็ยังไม่งอกออกมาเลย

หัวใจของลู่ม่านเริ่มหวาดหวั่น นี่มันเกิดอะไรขึ้น? หรือว่าพริกที่นำเข้าจากภายนอกจะปรับสภาพเข้ากับน้ำและดินของที่นี่ไม่ได้? ไม่น่าจะใช่นี่นา? พริกสามต้นในกระถางก่อนหน้านี้ แคสเคยปลูกได้ไม่ใช่หรือไง?

หรือว่าสภาพอากาศนี้จะไม่เหมาะสม? ระดับการเก็บอุณหภูมิของกระดาษน้ำมันคงไม่ดีเท่าถุงพลาสติกของโลกในอนาคต? ลู่ม่านเริ่มนึกเสียใจ ถ้ารู้ว่านางจะต้องเดินทางข้ามเวลา นางควรจะเรียนวิชาเคมีให้ดี

อย่างน้อยก็เรียนรู้วิธีการทำพลาสติกไว้ก็ยังดี

ไม่สิ ไม่ดีกว่า พลาสติกเป็นขยะประเภทย่อยสลายยาก ไม่เรียนจะดีกว่า อย่าทำให้เกิดมลพิษต่อโลกล่วงหน้าเลย

แต่ตอนนี้ถ้าไม่ทำให้เกิดมลพิษต่อโลก พริกของนางก็จะไม่งอกออกมา ลู่ม่านนิ่งคิดอยู่สักพัก และถือโอกาสตอนที่แสงแดดกำลังดี นางจึงเปิดกระดาษน้ำมันแล้วมองดู เมล็ดข้างในไม่เน่าแต่ไม่ก็ไม่งอกต้นอ่อนออกมา

ลู่ม่านจึงต้องลองทำดู นางรดน้ำลงไป จากนั้นก็ปิดกระดาษน้ำมันอีกครั้ง

สองวันต่อมา มันก็ยังไม่งอกต้นอ่อนออกมา ลู่ม่านจึงต้องยอมแพ้ไป

บางทีอาจเป็นเพราะใจร้อนเกินไป นางควรรอจนกว่าอุณหภูมิจะอบอุ่นขึ้นเล็กน้อยแล้วลองดูอีกครั้ง แต่มานึกเสียใจตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว ที่สำคัญสามต้นที่ลู่ม่านปลูกจนโต ตอนนี้เริ่มเหี่ยวเฉาแล้ว

พืชชนิดนี้มีวงจรการเจริญเติบโต และสามต้นนั้นก็ผ่านช่วงการเจริญเติบโตไปแล้ว ถึงแม้ลู่ม่านจะรักษาอุณหภูมิไว้ดีแค่ไหน แต่ก็ยากที่จะยืดอายุของมันไว้ได้

ปีนี้คงปลูกพริกไม่ได้แล้ว ลู่ม่านถอนหายใจยาว และอารมณ์ไม่ค่อยดี จึงถือโอกาสตอนที่เฉินจื่ออานอ่านตำรา ไปที่โรงงานเพียงลำพัง

จากบ้านของลู่ม่านไปถึงโรงงานมีป่าไผ่ทอดยาวตลอดทาง ที่ดินผืนนี้ลู่ม่านซื้อไว้แล้ว และบริเวณโดยรอบก็ไม่มีใครอยู่ ดังนั้นจึงค่อนข้างปลอดโปร่ง

ลู่ม่านเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ และพอเดินมาใกล้จะถึงโรงงาน นางจึงเห็นเงาเด็กน้อยกำลังนั่งยองๆ อยู่ข้างป่าไผ่ ท่าทางดูเหงามาก

ลู่ม่านค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ พอเดินเข้าไปใกล้ถึงจะเห็นชัดเจน ว่าเป็นเฉินสือซ่วน ลูกชายของเฉินจื่อฉาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน