“สือซ่วน เจ้ามาทำอะไรที่นี่” ลู่ม่านเดินไปถามอย่างแปลกใจ
เฉินสือซ่วนที่กำลังนั่งยองๆ อยู่ก็แข็งทื่อไปทันที จากนั้นก็รีบใช้มือเช็ดน้ำตาทิ้ง แล้วรีบลุกขึ้นมาทักทาย “น้าสาม”
“เจ้าร้องไห้อยู่เหรอ” ลู่ม่านถามด้วยความตกใจ ในความทรงจำของนาง เฉินสือซ่วนเป็นเด็กนิ่งสงบมาตลอด หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับจ้าวซื่อครั้งที่แล้ว ทำให้ลู่ม่านสังเกตเห็นเขา
เด็กคนนี้ถ้าได้รับการเลี้ยงดูดีๆ ในอนาคตเขาจะต้องเป็นคนที่ซื่อตรงและใจดีมีเมตตาแน่นอน แต่น่าเสียดาย ถ้าให้สองเฒ่าตระกูลเฉิน ลู่หม่านคิดว่าคงจะมีโอกาสเป็นไปได้น้อยมาก
“น้าสาม ข้าไม่เป็นไร” เขาปาดน้ำตาและฝืนยิ้มออกมา
ลู่ม่านนั่งลงให้ส่วนสูงเท่ากันแล้วมองดูเขา “ไม่เป็นไร เจ้ายังเป็นเด็ก เป็นเรื่องปกติที่จะร้องไห้ตอนที่เสียใจ”
เฉินสือซ่วนเริ่มอยากจะร้องไห้อีกครั้ง “แต่ข้าโตแล้ว”
โตบ้าอะไร! ลู่ม่านมองไปที่เด็กชายตัวเล็กตรงหน้าที่เพิ่งสูงแค่เอวของนาง ถ้าในยุคปัจจุบัน เด็กคนนี้คงเพิ่งเรียนชั้นประถมศึกษาอยู่เลย แต่ในสมัยโบราณกลับต้องเติบโตก่อนวัย
“ไม่หรอก ตราบใดที่เจ้ายังไม่แต่งงาน เจ้าก็ยังไม่โต น้าสามเป็นผู้ใหญ่ ถ้าเจ้ารู้สึกเสียใจก็ร้องไห้ออกมา น้าสามจะไม่บอกคนอื่นเด็ดขาด”
ในที่สุดเฉินสือซ่วนก็ปลดปล่อยอารมณ์ของเขาและร้องไห้ออกมา
“น้าสาม ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่ต้องการข้าแล้วใช่ไหม”
เพราะแบบนี้ ถึงได้บอกว่า ถึงแม้จะพยายามแสร้งทำตัวเป็นอย่างสุดความสามารถแค่ไหน แต่ก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี
“ไม่หรอก พวกเขาแค่มีเรื่องต้องไปจัดการ” ลู่ม่านกล่าว “ตอนนี้ เจ้าเป็นผู้ชายคนเดียวที่เหลืออยู่ในบ้าน เจ้าต้องช่วยป้ารองดูแลบ้านให้ดี”
เฉินสือซ่วนพยักหน้า แล้วมองไปที่น้าสามที่พูดจาอ่อนโยนตรงหน้า นางสวยมาก และนิสัยก็ดีมากด้วย ไม่เหมือนท่านแม่ที่คอยแต่จะทะเลาะกับท่านพ่อทุกวัน และไม่เหมือนท่านย่าที่ด่าทอคนอื่นไปเรื่อย
มีครั้งหนึ่ง ตอนที่เขาไปในตำบลกับท่านพ่อ เห็นคนกำลังเล่าเรื่อง คุณหนูตระกูลใหญ่ในเรื่อง มีความรู้ สุภาพและอ่อนโยน ในตอนนั้นเฉินสือซ่วนไม่เข้าใจความหมายของมัน แต่ในตอนนี้คำพวกนั้นก็แวบเข้ามาในหัวของเขา
ถ้อยคำที่ไพเราะเช่นนี้ นำมาพรรณนาถึงน้าสามผู้นี้ มันเหมาะสมมาก
ในขณะที่กำลังครุ่นคิด ลู่ม่านก็ยกยิ้มแล้วพูดว่า “สือซ่วน? เจ้ายังไม่เคยกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในโรงงานเลยใช่ไหม น้าสามจะพาเจ้าไปลองชิมดู”
“ไม่ล่ะขอรับ!” เฉินสือซ่วนรีบส่ายหน้า “ข้าไปโรงงานของน้าสามไม่ได้”
“ทำไมล่ะ” ลู่ม่านเอ่ยถามอย่างสงสัย
“ข้า…” เฉินสือซ่วนเปิดปากจะพูดแต่พูดไม่ออก หลังจากผ่านไปสักพักถึงได้พูดออกมา “แม่ของข้า...”
ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้นี่เอง เฉินสือซ่วนกังวลเรื่องที่จ้าวซื่อเคยแอบขโมยสูตรของลู่ม่านเรื่องนั้น เพราะมารดาทำผิดพลาด กลับส่งผลกระทบต่อเด็กให้ต้องแบกรับความกดดันมากถึงขนาดนี้
จ้าวซื่อช่างไม่ใช่มารดาที่ดีเลยจริงๆ
“ไม่เป็นไร น้าสามเป็นคนแยกแยะออก เรื่องนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า น้าสามไม่โทษเจ้าหรอก”
“แต่ข้าเป็นลูกของท่านแม่” เฉินสือซ่วนหนักแน่นมาก
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ควรทำอะไรบ้าง เพื่อชดเชยความผิดของแม่เจ้า ไม่ใช่ปิดกั้นตัวเองแบบนี้ ไม่ใช่หรือไง”
พอเฉินสือซ่วนได้ยินแบบนี้ ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย ราวกับได้เห็นแสงสว่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เป็นพอ.ที่กลับกรอก เป็นที่พึ่งไม่ได้เลย ยอกจะออกจากครอบครัวเลวๆนี่ไม่จริงอีก ภาระของนางเอก ถ่วงแข้งถ่วงขาจริงๆ...
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...