ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 128

เฉินจื่ออานเข้ามาก็ถามออกมาตรงๆ ไม่เหลือที่ว่างให้ตาแก่เฉินได้เตรียมตัวรับมือเลย ตาแก่เฉินตกตะลึงสักพักก่อนจะตอบว่า “ตระกูลจวงเรื่องอะไรกัน?”

พอเห็นหน้าตาที่สับสนของตาแก่เฉินเหมือนว่าเขาไม่รู้เรื่องจริงๆ เฉินจื่ออานรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย เฉินหลี่ซื่อที่อยู่ข้างๆ พูดด่าทออย่างไร้เหตุผล “จื่ออาน เจ้าก็มาที่นี่เพื่อซักถามพ่อของเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าจื่อคังถูกจับไปกว่ายี่สิบวันแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? .”

เอ่ยปากก็พูดถึงแต่เฉินจื่อคัง เฉินจื่ออานขมวดคิ้ว “เรื่องของจื่อคัง จะได้บทสรุปในไม่ช้านี้”

“บทสรุปอะไร?” เฉินหลี่ซื่อพูดขึ้นเสียง “เจ้ามีวิธีช่วยจื่อคังออกมาใช่ไหม”

เฉินจื่ออานส่ายหน้าและบอกตามจริงในสิ่งที่จวงลี่จ้งกล่าวไว้ก่อนจะมาที่นี่ “จื่อคังพูดใส่ร้ายตระกูลจวงตอนอยู่ในคุก และตอนนี้ตระกูลจวงโกรธมาก...”

ขาของเฉินหลี่ซื่ออ่อนลง “แล้วจื่อคังของข้าจะเป็นยังไงล่ะ?”

ตาแก่เฉินยังคงมองไปที่เฉินจื่ออานด้วยดวงตาเบิกกว้าง “จื่ออาน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จื่อคังก็เป็นน้องชายของเจ้า!”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาการป่วยหรือเปล่า แต่ตาแก่เฉินไม่มีความกระตือรือร้นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว คนทั้งคนดูแก่ตัวลงมาก เขาทำได้แค่อ้อนวอนเฉินจื่ออานเท่านั้น “เจ้าเองก็อยากจะสอบบัณฑิตเช่นกัน ถ้าครั้งนี้จื่อคังมีอะไรเกิดขึ้น เจ้าก็จะได้รับผลกระทบด้วยในอนาคตอย่างแน่นอน”

ตาแก่เฉินพยายามพูดเกลี้ยกล่อม เฉินหลี่ซื่อรีบเงยหน้าขึ้นและมองไปทางเฉินจื่ออานอย่างระมัดระวัง “จื่ออาน เจ้าคิดจะสอบบัณฑิตอย่างนั้นหรือ?”

เฉินจื่ออานไม่ได้ตอบอะไร ถือว่ายอมรับแล้ว เฉินหลี่ซื่อขมวดคิ้ว “ไม่ได้ เจ้าจะสอบบัณฑิตไม่ได้ ตอนเจ้ายังเด็ก หมอดูได้ดูดวงชะตาให้เจ้า ชีวิตของเจ้าควรจะเป็นชาวนา มีเพียงจื่อคังเท่านั้นที่มีดวงเป็นบัณฑิต! ถ้าเจ้าเปลี่ยนชะตาตัวเองสวรรค์จะลงโทษ จนญาติพี่น้องต้องถูกลงโทษไปด้วย!”

คำพูดนี้ทำให้ลู่ม่านตกตะลึง นางเคยสงสัยมาตลอดว่าทำไมเฉินจื่ออานที่เป็นลูกของตระกูลเฉินเหมือนกัน แต่เฉินหลี่ซื่อกลับไม่ชอบเขาเลย แม้แต่เฉินจื่อฟู่กับเฉินจื่อฉายยังก็ได้รับความรักมากกว่าเฉินจื่ออานเลย

ที่แท้ ก็มีเรื่องพิศดารแบบนี้อยู่ด้วยนี่เอง

ลู่ม่านเยาะเย้ย “ท่านแม่พูดอย่างนี้มันไร้เหตุผลเกินไปหรือไม่? แค่หมอดูทำนาย ข้าว่า คนที่ทำให้ญาติพี่น้องลำบากไปด้วย คือจื่อคังมากกว่า!”

“เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไร!” เฉินหลี่ซื่อคำรามขึ้นมาทันที “จื่อคังของข้าคือเทพบัณฑิตลงมาเกิด! ต้องเป็นเพราะจื่ออาน อยากจะร่ำเรียนถึงได้ส่งผลกระทบต่อจื่อคังของข้า!”

“หยุดเถียงกันได้แล้ว!” ตาแก่เฉินปวดหัวกับเสียงทะเลาะกันมาก จนตะโกนอย่างหมดความอดทน

เฉินหลี่ซื่อร้องไห้ทันที และนั่งลงบนพื้น “ตาแก่ เจ้ารู้ว่าจื่ออานอยากจะร่ำเรียนทำไมถึงไม่บอกข้า ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้น เจ้าอยากจะฆ่าจื่อคังของข้าใช่ไหม!”

ความสามารถของเฉินหลี่ซื่อในการตะโกนดังนั้นสมคำเล่าลืออย่างยิ่ง เสียงนั้นแทบจะทำให้ทั้งอาคารแทบจะพังทลาย ถึงแม้ตาแก่เฉินจะใช้กำลังทั้งหมดของเขา ก็หยุดนางไม่ได้ และยังทะเลาะกันรุนแรงมากขึ้น

ตาแก่เฉินโกรธมากจนล้มลงไปทันที หลังจากไอออกมาอย่างแรง เปลือกตาของเขาก็ปิดลงและเป็นลมหมดสติไป

เฉินจื่ออานตกใจ ไม่มีเวลาได้คิดว่าไม่มีเงินติดตัว เขารีบอุ้มตาแก่เฉินลงไปข้างล่าง เฉินหลี่ซื่อก็รู้ว่าเขาอาการหนักแน่ๆ

ด้านนอกประตู คนขับที่พ่อบ้านจัดให้ยังรออยู่ พอเห็นเฉินจื่ออานออกมาแบบนี้ เขาก็รีบลงจากรถ “คุณชายเฉิน เกิดอะไรขึ้น”

“ช่วยส่งพ่อของข้าไปที่ร้านยาฉืออานในเมืองหลวงได้ไหม เขาหมดสติไปแล้ว”

“ได้!” คนขับไม่พูดอะไรมาก เขาปล่อยให้ตาแก่เฉินเข้าไปในรถ เฉินจื่อฟู่กับเฉินหลิ่วเอ๋อที่เพิ่งกลับมาจากด้านนอกและเพิ่งเห็นฉากนี้ พวกเขาก็ตกใจและรีบวิ่งตามขึ้นไปด้วย

“ท่านพ่อ นี่มันเกิดอะไรขึ้น”

เฉินหลิ่วเอ๋อเป็นน้องคนสุดท้องในครอบครัว และได้รับความเอาใจจากเฉินหลี่ซื่อกับตาแก่เฉินมาโดยตลอด ถึงแม้ตาแก่เฉินจะพูดไม่เก่ง แต่แต่ตั้งใจทำทุกอย่างด้วยใจ และเอ็นดูลูกสาวคนนี้มาก ถ้าเขามีเงินสองเหวินในกระเป๋า เขาก็จะซื้อผ้ามัดผมลายดอกไม้ให้ลูกสาว

เฉินจื่อฟู่ก็กังวลมากเช่นกัน ไม่น้อยไปกว่าเฉินหลิ่วเอ๋อเลย

เฉินหลี่ซื่อถูดทิ้งไว้คนเดียวจึงทำอะไรไม่ถูก แต่พอนางเห็นลูกทั้งสองคน น้ำตาที่เพิ่งหยุดไหลก็ไหลลงมาอีกครั้ง สองแม่ลูก กอดกันร้องไห้อยู่ในรถม้า เฉินจื่ออานได้ยินแล้วรู้สึกหงุดหงิดมาก จึงอดที่จะดุด้วยเสียงต่ำออกมาไม่ได้

“ท่านพ่อต้องพักผ่อนอย่างสงบ ถ้ายังอยากร้องไห้เสียงดัง ก็กลับไปรอที่โรงเตี๊ยม”

ทันทีที่พูดจบ ทุกคนก็หยุดร้องไห้ พวกเขาอยากจะออกจากโรงแรมที่ทรุดโทรมนั่นนานแล้ว แต่พวกเขาไม่มีเงินเหลือแล้ว ในวันแรกที่มาถึง ก็ทำการแบ่งเงินกันไปซื้อเสื้อผ้าแล้ว

ทุกคนคิดว่าขอแค่เฉินจื่อคังสอบติด พวกเขาก็จะมีชีวิตสุขสบายแล้ว

แต่ใครจะรู้ ว่าเฉินจื่อคังจะถูกจับไป พวกเขาใช้เงินทั้งหมดและจำนำของที่เพิ่งซื้อมาทั้งหมด สุดท้ายก็ต้องย้ายจากที่พักที่สุขสบาย มาอยู่ในสถานที่ทรุดโทรมแห่งนี้

ทุกคนรู้ดีว่าเวลานี้เป็นเวลาที่ดีที่จะออกไปจากที่นี่ จึงไม่มีใครพูดอะไร

มีเพียงเฉินหลี่ซื่อเท่านั้นที่ลังเลอยู่สักพัก และกระซิบที่ข้างหูเฉินจื่อฟู่ “สัมภาระของเรายังอยู่ที่โรงเตี๊ยม”

เฉินจื่อฟู่ไม่มีทางลงจากรถ และพูดว่า “ของสกปรกพวกนั้นยังเก็บไปทำไมอีก ท่านแม่ไม่เห็นเสื้อผ้าของจื่ออานหรือไงกัน?”

เฉินหลี่ซื่อคิดว่า ไม่ว่านางจะไม่ชอบเฉินจื่ออานมากแค่ไหน เฉินจื่ออานก็เป็นลูกชายของนาง นางไม่เชื่อว่าลูกชายของนางจะปล่อยให้นางไม่มีเสื้อผ้าใส่

เฉินหลิ่วเอ๋ออิจฉาเสื้อผ้าของลู่ม่านมาก ในตอนนี้เฉินจื่อฟู่เตือนนาง ทำให้ดวงตาของนางเป็นประกายขึ้นมาเช่นกัน และนางก็อดคิดไม่ได้ รอทุกอย่างเรียบร้อยนางจะขอให้พี่สามซื้อชุดที่ดีกว่าชุดที่ลู่ม่านใส่ให้นาง ไม่สิ นางจะเอาสักหลายชุด...

ยิ่งเยอะยิ่งดี

ทุกคนต่างมีความคิดของตัวเอง และมีเพียงเฉินจื่ออานเท่านั้นที่ยังคงเป็นห่วงตาแก่เฉิน จู่ๆ เขาก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา ถ้าตอนที่ตาแก่เฉินกลับไปขอความช่วยเหลือจากเขา ถ้าเขามาด้วย มันคงไม่เป็นอย่างทุกวันนี้

พอเห็นว่าสีหน้าของเขาไม่ดี ลู่ม่านรู้ว่าเขาต้องคิดมากกว่าอยู่แน่ๆ นางรีบลูบหลังมือของเขา และกระซิบปลอบ “มันไม่ใช่ความผิดของเจ้า”

เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้ทำเองทั้งนั้น?

เฉินจื่ออานพยักหน้า และในไม่ช้าก็มาถึงร้านยาฉืออาน

ร้านยาฉืออานในเมืองหลวงกับร้านยาฉืออานในตำบลชางผิงเป็นร้านค้าในเครือร่วมกัน แต่ร้านร้านยาในเมืองหลวงนั้นดีกว่าร้านในตำบลชางผิง

ได้ข่าวมาว่าป้ายชื่อร้านตรงประตูได้รับพระราชทานมาจากอ๋องหนิง ร้านยาฉืออาน เขียนได้ทรงพลังมาก

ลู่ม่านและคนอื่นๆ ไม่มีเงินติดตัวเลย แต่เฉินจื่ออานยังคงกัดปากอุ้มตาแก่เฉินเข้าไป ลู่ม่านนิางคิดอยู่สักพัก และพูดกับคนขับรถอยู่ข้างหลังว่า “พี่ชาย ช่วยกลับไปบอกคุณชายรองของท่านถึงสถานการณ์นี้ด้วย แล้วฝากคำพูดของข้าไปบอกเขาด้วย”

ก่อนที่ลู่ม่านจะพูดจบ นางก็เห็นเฉินหลิ่วเอ๋อที่อยู่ข้างหลังเขา และกำลังพยายามเงี่ยหูฟัง พอได้ยินคำว่า “คุณชายรอง” นางก็ยิ่งพยายามฟัง เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องวุ่นวาย ลู่ม่านจึงลดเสียงของตัวเองลง คนขับรถฟังจบก็รีบหันหลังกลับไปทันที

ข้างหลังเขา เฉินหลิ่วเอ๋อเบะปาก และมองไปที่ลู่ม่านอย่างไม่พอใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน