ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 129

ลู่ม่านไม่สนใจนาง และเดินตามเฉินจื่ออานเข้าไป จิตวิญญาณในการช่วยชีวิตคนและช่วยเหลือผู้บาดเจ็บของร้านยาฉืออานยังคงดำเนินปกติ พอเห็นว่าตาแก่เฉินอยู่ในอาการสาหัส พวกเขาจึงรีบเชิญท่านหมอมาทำการรักษาก่อน

โชคดีที่พามาส่งทันเวลา ไม่นาน ตาแก่เฉินก็อาการทรงตัว

คนงานที่อยู่ข้างหลังเตือนว่า “รบกวนไปจ่ายค่ายาและค่ารักษาด้วย”

ทันทีที่คำพูดจบลง เฉินหลี่ซื่อและคนอื่นๆ ก็ถอยหลังไปทีละคน เฉินจื่ออานเองก็ไม่มีเงินติดตัว ดังนั้นเขาจึงถามได้เพียงพูดเสียงเบาว่า “ท่านแม่ ท่านยังมีเงินเหลืออยู่หรือไม่?”

“ข้ามีเงินที่ไหนกัน” เฉินหลี่ซื่อรีบจับกระเป๋าเงินไว้แน่น และตะโกนปฏิเสธทันที ที่จริงแล้วเฉินหลี่ซื่อยังมีเงินอยู่ ถึงแม้จะลำบาก แต่นางก็ยังมีขี้เหนียวมาก

แต่ว่า นางเห็นเฉินจื่ออานมาแล้ว จึงยิ่งไม่อยากเอามันออกมาใช้

เฉินจื่อฟู่ยังพูดอย่างมีเหตุผล “จื่ออาน เจ้าแต่งตัวดีขนาดนี้ แค่เงินสักสองสามร้อยเหวินคงหาได้ไม่ยากหรอกจริงไหม?”

เฉินจื่ออานสีหน้าลำบากใจขึ้นมาทันที “พี่รอง ข้าบอกไปแล้ว ว่าเรามาอย่างกะทันหัน”

“ไม่เอาน่า อย่าโกหกพี่รองของเจ้าเลย พี่รองไม่ได้คิดจะเกาะเจ้ากินเสียหน่อย” เฉินจื่อฟู่ยกยิ้ม

เฉินจื่ออานตัวแข็งทื่อ แล้วมองไปทางเฉินหลี่ซื่ออย่างร้อนรน “ท่านแม่ ถึงเวลานี้แล้ว ท่านยังคิดว่าข้าโกหกอยู่อีกเหรอ”

เฉินหลี่ซื่อเบือนหน้าหนีไม่สนใจเขา เฉินหลิ่วเอ๋อพูด “พี่สาม ท่านพ่อรักพี่มากตอนที่พี่ยังเด็ก”

ทั้งสามคนผลัดกันตำหนิเพื่อดึงดูดคนรอบข้าง ภายใต้ความแตกต่างที่ชัดเจน พวกเขาทั้งหมดเชื่อคำพูดของเฉินหลี่ซื่อ และโยนความผิดไปให้เฉินจื่ออาน

ในขณะที่กำลังต่อว่า จวงลี่จ้งก็เดินเข้ามาจากประตู

เป็นคนขับรถที่ลู่ม่านเพิ่งขอให้ไปแจ้งข่าวให้เขาทราบ ในขั้ตอนแรก นางแค่หวังว่าจวงลี่จ้งจะให้นางยืมเงินบางส่วนก่อนในกรณีฉุกเฉิน แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาเอง

ในตอนแรกเฉินหลิ่วเอ๋อยังมีอาการหวาดกลัวอยู่บ้างว แต่ทันทีที่เธอเห็นหน้าจวงลี่จ้ง นางก็ตัวอ่อนไปทันที

“พี่สาม แน่นอนข้าเชื่อท่านอยู่แล้ว”

เฉินจื่ออานตกตะลึง และได้ยินเสียงของจวงลี่จ้งดังมาจากข้างหลังเขา “คุณชายเฉิน แม่นางลู่”

เฉินจื่ออานกล่าวทักทายด้วยเสียงทุ้มต่ำ แล้วพูดว่า “คุณชายจวง ข้าของคุยด้วยได้หรือไม่!” สุดท้าย ตาแก่เฉินก็เป็นพ่อของเขา ตอนนี้กำลังป่วย เฉินจื่ออานอยากจะช่วยเขาจริงๆ

จวงลี่จ้งส่ายหน้า “คุณชายเฉินต้องการจะขอยืมเงินจากข้า ข้ารู้ว่าพวกท่านออกมาในวันนี้ไม่ได้พกเงินมาเลย จึงเตรียมที่พักและเสื้อผ้าให้พวกท่านตอนเช้า ข้าอยากจะรู้ว่าคุณชายเฉินต้องการอะไรอีก? ข้าจะได้ให้คนเตรียมไว้ให้”

เฉินจื่ออานส่ายหน้า “ไม่ ไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณชายจวง แค่พ่อของข้าป่วยและต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วน… ข้าจะคืนให้ทัมทีที่กลับไปถึงหมู่บ้านไป่ฮัว”

มีคนจำจวงลี่จ้งได้ และรู้ว่าตระกูลจวงเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง แต่ถึงแม้จะเป็นตระกูลใหญ่ แต่พวกเขาประพฤติดีมาโดยตลอด ก็ไม่เคยกลั่นแกล้งผู้อื่น

ดังนั้นในเวลานี้ พอเห็นจวงลี่จ้งพูดเช่นนี้ บรรดาผู้ที่มีอคติต่อเฉินจื่ออานจึงเปลี่ยนใจไปทีละคน

หลังจากหันหลังกลับมามอง จวงลี่จ้งกล่าวโดยไม่คาดคิดว่า “แน่นอนว่าได้อยู่แล้ว แต่คุณชายเฉินเป็นแขกของตระกูลจวง ค่าใช้จ่ายส่วนตัวทั้งหมดข้าสามารถรับผิดชอบได้ แต่ถ้าเราจะขอยืมเงินก็คงต้องทำให้เป็นหลักการ เราคงต้องไม่รับยืมจากร้านเงินของตระกูลข้าดีไหม?”

เฉินจื่ออานพยักหน้า เขาก็คิดว่ามันเหมาะสมมาก จิตในมนุษย์เป็นสิ่งที่คาดเดายากที่สุดในโลกนี้ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาสร้างปัญหาให้กับตนเองในครั้งนี้มากจริงๆ อีกต่างหาก

“คุณชายเฉินต้องการเท่าไหร่ขอรับ?” คนรับใช้ที่อยู่ข้างหลังเขาถาม “ดอกเบี้ยในเฉียนจวง(*มีลักษณะคล้ายกับธนาคารในยุคปัจจุบัน)ของเราคือวันละหนึ่งร้อยเหวิน”

โอ้ให อัตราดอกเบี้ยสูงเช่นนี้ เงินกู้ดอกเบี้ยสูงเลยหรือไง?

ลู่ม่านเหลือบมอง จวงลี่ที่สงบผิดปกติ ถ้าเจ้าของตัวจริงคิดดอกเบี้ยแบบนี้ เขาคงโดนฟ้องไปนานแล้วจริงไหม? เห็นได้ชัดว่าจวงลี่จ้งจงใจพูดเช่นนี้

ลู่ม่านเหลือบมองไปทางเฉินหลี่ซื่อและคนอื่น ๆ พอพวกเขาได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของพวกเขาก็แสดงท่าทางเสียดายมาก แต่พวกเขากลับไม่พูดอะไร และมองไปที่เฉินจื่ออาน

เฉินจื่ออานขมวดคิ้วและเหลือบมองไปที่ลู่ม่าน ด้วยสายตาขอคำแนะนำ ลู่ม่านยกยิ้มให้เขา เขาจึงหันหลังกลับ “ตกลง!”

พอได้ยินเช่นนี้ เฉินหลี่ซื่อและคนอื่นๆ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ในวินาทีต่อมาจวงลี่จ้งก็ชี้ไปที่เฉินจื่อฟู่ “ถ้าเป็นกรณีนี้ ข้ารบกวนคุณชายเฉินท่านนี้ตามคนรับใช้ของข้าไปทำสัญญาและรับเงินมาด้วย!”

เฉินจื่อฟู่ตกตะลึงไปเล็กน้อย แล้วก้าวถอยหลังหนีทันที “จื่ออานยืมเงิน เหตุใดถึงให้ข้าไปทำสัญญาด้วย?”

จวงลี่จ้งยกยิ้มเบา ๆ “คุณชายเฉินจื่ออานเป็นคนช่วยยืมเงินให้พวกเจ้าไม่ใช่หรือ เท่าที่ข้ารู้มา คุณชายเฉินจื่ออานแยกออกมาสร้างครอบครัวเองแล้ว ตอนนี้พ่อของพวกเจ้าป่วย และพี่น้องของเขาทั้งหมดก็อยู่ที่นี่ ถ้าต้องยืมเงิน ก็ไม่ควรเป็นเขาจริงไหม”

สีหน้าของเฉินจื่อฟู่เปลี่ยนไปทันที “มันก็ขึ้นอยู่กับว่าใครมีเงิน ข้าไม่มี”

ฝูงชนที่กำลังมองดูเริ่มกระซิบคุยกัน “ข้าว่าคนที่บอกจะยืมเงินก่อนหน้านี้ก็ไม่มีเงินนิ แต่ก็เต็มใจที่จะยืมเงินมารักษาพ่อของตัวเอง ทำไมอีกคนถึงไม่ยอมล่ะ”

“ใช่ๆ!”

เฉินจื่อฟู่ไม่กลัวที่จะถูกคนอื่นต่อว่า ถึงยังไขอแค่ไม่ให้เขาต้องจ่ายเงิน ใครจะพูดยังไงเขาก็ไม่สนใจ

พอเห็นแบบนี้ จวงลี่จ้งก็แสดงท่าทางดูถูกเหยียดหยาม พอดีกับที่ เฉินหลิ่วเอ๋อมองเห็นพอดี

เธอก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย และก้มหน้าให้ทุกคน แล้วจงใจพูดเบา ๆ “พี่รอง สิ่งที่คุณชายจวงพูดนั้นก็พูดถูก ตอนนี้ท่านพ่อกำลังไม่สบาย ท่านเป็นคนที่น่าไว้ใจที่สุดในครอบครัว...”

ในวันปกติ นางกับเฉินจื่อคังสนิทสนมกันมากที่สุด ดังนั้นจึงได้เรียนการพูดอย่างมีการศีกษามาบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

เฉินจื่อฟู่ไม่สนใจคำพูดของนาง และตะโกนออกมาทันที “เจ้าพูดสบายแบบนี้ ทำไมไม่ขอให้ท่านแม่เอาเงินออกมาล่ะ เมื่อวานข้ายังเห็นว่าในกระเป๋าเงินของท่านแม่ยังมีเงินอยู่เลย”

ทันทีที่พูดจบ สายตาของทุมก็จับจ้องไปที่เฉินหลี่ซื่อ

เฉินจื่ออานนึกถึงความเย็นชาของครอบครัวนี้ ตอนที่ให้เขายืมเงินดอกเบี้ยสูง จิตใจของเขาจึงหมดหวังไปทันที เขานิ่งเงียบไปไม่ได้พูดอะไรสักคำ

มีคนมองเหตุการณ์ออกจึงพูดออกมา “ดูเหมือนว่าครอบครัวนี้จะร่วมมือกันเพื่อรังแกลูกชายที่ซื่อสัตย์คนนี้?”

“แต่ก็ไม่ควรจะใจร้ายอย่างนี้ ถ้ายืมเงินดอกเบี้ยสูงมา ทั้งชีวิตของเขาคงตกต่ำแน่ๆ”

คนคนนั้นพูดถูก ดอกเบี้ยหนึ่งร้อยเหวินต่อวันสามารถทำให้ครอบครัวที่ร่ำรวยตกต่ำได้เลย แต่ว่า พวกเขาไม่รู้ว่าลู่ม่านมีโรงงานที่สามารถหาเงินได้

สีหน้าของเฉินหลิ่วเอ๋อแดงก่ำด้วยความกระดากอาย และหันไปหาเฉินหลี่ซื่อ เพื่อขอความช่วยเหลือทันที เฉินหลี่ซื่อพูดออกมาตรงๆ “เกี่ยวอะไรกับพวกเจ้าด้วย ยุ่งไม่เข้าเรื่อง ระวังบาป! ตายไปแล้วจะถูกถอนลิ้นออกมาแน่!”

คำพูดของเฉินหลี่ซื่อแรงมาก ทำให้คนที่กระดากอายและปิดปากเดินออกไป

ยังมีผู้กล้าบางคนที่เริ่มตำหนินางเธอกลับ

“ถ้าพวกเราถูกถอนลิ้นทิ้ง ผู้หญิงแบบเจ้าที่คิดแต่จะเอาเปรียบลูกชายของตัวเอง ตายแล้วคงต้องตกลงไปบนกระทะร้อน”

“นางหนังหนาขนาดนั้น เกรงว่าทอดครั้งเดียวคงไม่สุกแน่ๆ!” ใครบางคนพูดล้อเลียนขึ้นมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน