ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 131

สถานการณ์เฉินจื่ออานกับเขาไม่เหมือนกัน ไม่เข้าใจความยินดีของเขา จึงเพียงฉีกยิ้มบางๆ ที่มุมปาก

หลังจากจัดการเสร็จแล้ว ทางด้านตาแก่เฉินก็จ่ายเงินไป ในมือเฉินจื่ออานเหลือเงินประมาณหนึ่งพวงกับห้าร้อยเหวิน เอาให้ลู่ม่านเก็บไว้ เขาค่อยพูดขึ้นว่า

“เรื่องนี้เป็นปัญหาของบ้านเฉิน รบกวนคุณชายจวงตลอดคงไม่ดี เดี๋ยวท่านแม่ข้าจะ...” เฉินจื่ออานนิ่งไป เพราะก่อนหน้านี้บอกว่าจะออกมาจากตระกูล ยังไงในใจเฉินจื่ออานก็รู้สึกขุ่นเคือง

แต่ไม่ช้า เขาก็กลับมาเป็นปกติ พร้อมพูดขึ้นว่า “เราไปหาโรงเตี๊ยมอยู่ก่อน หลังจากแก้ไขปัญหาแล้วเราก็กลับหมู่บ้านไป่ฮัว”

ลู่ม่านรู้ ในใจเฉินจื่ออานทรมาน จึงไม่เถียงอะไร ผงกหัวตาม

เพียงแค่คิดว่า หากต่อไปมีเงินแล้ว จะต้องซื้อบ้านอยู่ที่เมืองหย่งอาน ถึงตอนนั้น เมื่อพวกเขาอยากมาที่นี่ ก็ไม่ต้องกลัวไม่มีที่อยู่

ตอนที่อยู่ยุคปัจจุบัน ลู่ม่านเคยเห็นข่าวว่า มีคนซื้อบ้านตามเมืองใหญ่มากมาย เพื่อไม่ว่าจะไปไหนก็รู้สึกเหมือนอยู่บ้าน

ราคาบ้านในยุคปัจจุบันสูงจนน่ากลัว แต่ยุคก่อนราชวงศ์ถังนี้ยังถือว่าสมเหตุสมผล

มองออกไปบนฟ้า ซึ่งก็ใกล้จะมืดแล้ว ทำงานยุ่งมาทั้งวัน อาศัยตอนที่ฟ้ายังสว่าง ลู่ม่านเตรียมที่จะไปหาโรงเตี๊ยมใกล้ๆ นี้ก่อน แต่เพิ่งลุกขึ้นก็เจอเฉินจื่อฟู่วิ่งมาจากด้านนอก

ร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อ พร้อมพูดขึ้นว่า “จื่ออาน แย่แล้ว”

เฉินจื่ออานขมวดคิ้ว ไม่พูดไม่จา เฉินจื่อฟู่พูดต่อว่า “หลิ่วเอ๋อ หลังจากวิ่งออกไปก็หาไม่เจอแล้ว”

เฉินจื่ออานรีบลุกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “หาไม่เจอได้ยังไง?”

“ข้าก็ไม่รู้” เฉินจื่อฟู่ก็ร้อนใจขึ้นมา ต่อให้ปกติชอบเอารัดเอาเปรียบ แต่ยังไงเฉินหลิ่วเอ๋อก็เป็นน้องสาวของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ตอนกลางคืนห้ามออกนอกเคหสถาน

หากยังตามหาไม่เจอ ค่ำคืนมืดมิด เด็กผู้หญิงคนหนึ่งยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

แน่นอนว่าเฉินจื่ออานก็รู้ จึงไม่กล้าชักช้า พร้อมพูดขึ้นว่า “เรารีบแยกย้ายกันไปตามหา หากตามหาไม่เจอ ก่อนเวลาห้ามออกนอกสถานที่ ให้รีบกลับมาที่โรงหมอนี้”

“ได้” เฉินจื่อฟู่พูดขึ้น

“ใช่ พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ล่ะ?” จู่ๆ ลู่ม่านก็ถามขึ้น

มาที่นี่เกือบหนึ่งวันแล้ว ยังไม่เห็นเฉินจื่อฉายกับจ้าวซื่อเลย แม้แต่เหอฮัวก็ไม่เห็น

“พวกเขา....” สีหน้าเฉินจื่อฟู่ลังเล สุดท้ายก็ไม่พูดออกมา เพียงพูดขึ้นว่า “เรื่องค่อนข้างยาว รอตามหาหลิ่วเอ๋อเจอแล้วค่อยว่ากัน”

พูดเสร็จ เขาก็ออกไปแล้ว

เฉินจื่ออานก็จะออกไปตามหาด้วย ให้ตาแก่เฉินอยู่กับลู่ม่าน แต่ลู่ม่านเห็นว่า นางเป็นลูกสะใภ้ ยังไงดูแลตาแก่เฉินก็ค่อนข้างไม่สะดวก จึงจ่ายเงินจ้างเด็กจัดยามาดูแล

จากนั้นก็ตามเฉินจื่ออานออกไปหาคนด้วย

นางกับเฉินจื่ออานไปทางหนึ่ง เฉินหลี่ซื่อกับเฉินจื่อฟู่ไปทางหนึ่ง ทั้งสี่คนตามหาสอบถามไปทั่วจนสุดถนน ก็ไม่ได้ข่าวของเฉินหลิ่วเอ๋อ

เมื่อมองดู คนในตลาดเริ่มทยอยลดลงแล้ว

พวกเขาก็ไม่กล้าหาต่ออีก จึงจำต้องกลับมาที่ร้านยาฉืออาน

เฉินจื่อฟู่กับเฉินหลี่ซื่อก็กลับมาแล้ว เห็นพวกเขากลับมามือเปล่า ก็โศกเศร้าอย่างมาก เฉินหลี่ซื่อร้องไห้ออกมา

“หลิ่วเอ๋อช่างน่าสงสาร นี่จะทำอย่างไรดี”

เฉินจื่ออานขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้เจ้าออกไปพร้อมกับหลิ่วเอ๋อไม่ใช่หรือ? เห็นไหมว่านางวิ่งไปทางไหน?”

เฉินหลี่ซื่อส่ายหัว แล้วก็กรีดร้องขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ต้องโทษคุณชายจวงคนนั้น หากไม่ใช่เพราะเขาทำให้นางอับอาย นางจะวิ่งหนีออกไปได้อย่างไร? จื่ออาน เจ้าไปหาคุณชายจวงคนนั้น เขามีอำนาจในเมืองหย่งอาน ให้เขาคืนหลิ่วเอ๋อกลับมาให้ข้า”

เฉินหลี่ซื่อเป็นคนที่พูดพัวพันมาตลอด เรื่องเมื่อกี้ทุกคนมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน พวกเขาก็ไม่อยากพูดอะไรมาก แต่คำพูดประโยคนั้นที่เฉินหลี่ซื่อพูด กลับทำให้ในใจเฉินจื่ออานมีความรู้สึกโล่งใจบ้าง

ในที่นี้จวงลี่จ้งคือคนที่สามารถทำอะไรก็ได้จริงๆ มีเขาช่วยออกหน้าจะต้องหาเฉินหลิ่วเอ๋อเจอแน่

เวลานี้ก็ไม่สนใจอะไรอย่างอื่นแล้ว เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความบริสุทธิ์ของหญิงสาว ต่อให้เป็นคนแปลกหน้าเมื่อเห็นแล้วก็ต้องยื่นมือมาช่วย อย่าว่าแต่น้องสาวของตนเอง

เฉินจื่ออานไม่ลังเล อ้างชื่อของท่านอู๋ ผู้ดูแลที่นั่นได้ยินว่าลู่ม่านเป็นเพื่อนของท่านอู๋ก็รีบจัดเตรียมรถม้าให้พวกเข่ยืม

พวกลู่ม่านรีบเดินทางมุ่งหน้าไปจวนตระกูลจวง

จวงลี่จ้งก็เพิ่งกลับมา ได้ยินพวกเขาพูดเช่นนี้ ก็รู้ถึงความร้ายแรง เมื่อถามสถานการณ์ในตอนนั้นอย่างชัดเจน รู้ทิศทางที่เฉินหลิ่วเอ๋อน่าจะสูญหายไป ก็ไม่รู้ช้า รีบสั่งพ่อบ้านไปจัดการทันที

จากนั้น เขาขึ้นรถไปช่วยตามหาด้วยตนเอง

เวลานี้ค่ำมืดแล้ว ช่วงเวลาห้ามออกจากเคหสถานของยุคก่อนราชวงศ์ถังก็ถึงแล้ว

ตามกฎห้ามออกนอกเคหสถาน เวลานี้เป็นเวลาที่ไม่สามารถไปมาบนท้องถนนได้แล้ว เฉินจื่ออานพูดขึ้นอย่างเป็นกังวลว่า “คุณชายจวง เป็นการรบกวนเจ้าไหม?”

จวงลี่จ้งเม้นริมฝีปากบาง สักพักค่อยพูดขึ้นว่า “ที่ข้าช่วย ไม่ใช่เพราะข้ารู้สึกผิดต้องน้องสาว สำหรับนางที่ไม่รู้จักยางอาย ข้าไม่สนใจอยู่แล้ว เป็นเพราะเจ้ากับแม่นางลู่มีความร่วมมือกับตระกูลจวงข้าจึงช่วย ดังนั้นจึงไม่เป็นการรบกวนอะไร”

ช่างไม่ไว้หน้ากันเลยจริงๆ ลู่ม่านคิดว่า หากเฉินจื่ออานเป็นหญิงสาว คงหัวใจแตกสลาย

โชคดีที่เฉินจื่ออานไม่ใช่

ยังไงเขาก็คิดว่าพูดชัดเจนแบบนี้ดีแล้ว ไม่พูดเยิ่นเย้ออืดอาด

“คุณชายจวงพูดถูก”

ไม่ช้า พ่อบ้านจวงลี่จ้งก็มาถึงสถานที่เกิดเหตุ รถม้าจอดอยู่ตรงหน้าปากทางซอยเล็กอันหนึ่ง จวงลี่จ้งลงจากรถก่อน มองไปถึงตรงลึกสุดของซอย

“คนของข้าสืบรู้ว่า เห็นแม่นางเฉินครั้งสุดท้ายที่นี่”

“งั้นเรารีบเข้าไปกันเถอะ” เฉินจื่ออานพูดขึ้น

ลู่ม่านกลับเห็นถึงความผิดปกติ สถานที่นี้หรูหราเกินไป ดูก็รู้ว่าไม่ใช่สถานที่อยู่ของคนชาวบ้านธรรมดา ดูแล้วน่าจะเป็นที่อยู่ของคนมีฐานะมีตำแหน่งไม่ธรรมดา

“จื่ออาน” ลู่ม่านคว้าจับแขนของเขาไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “อย่าใจร้อน”

เฉินจื่ออานถูกสะกิดก็มองเห็นถึงความผิดปกติ ซอยตรงหน้าจุดไฟเต็มไปหมด ตรงสุดซอย บ้านหลังนั้นก็จุดไปสว่าง

มองผ่านแสงน้อยๆ สามารถมองเห็นความสว่างไสวภายในบ้านอย่างรางๆ ล้วนเป็นพืชที่ล้ำค่ามาก

แม้แต่แผ่นป้ายเล็กๆ บนหน้าประตู ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ไม้ธรรมดา เป็นไม้หวางฮวาหลีที่ล้ำค่า

เฉินจื่ออานขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “ที่นี่ที่ไหน?”

จวงลี่จ้งพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “นี่เป็นจวนรองของจวนอ๋องหนิงที่อยู่ด้านนอก”

จวนรองของจวนอ๋องหนิง? พวกลู่ม่านไม่รู้เรื่อง จวงลี่จ้งกลัวพวกเขาเข้าผิดบ้าน จึงพูดขึ้นสั่นๆ

ที่แท้ อ๋องหนิงหลานคนโตของจวนอ๋องหนิง จึงเป็นผู้สืบทอดจวนอ๋องหนิงโดยปริยาย แต่เขายังมีน้องชายคนหนึ่ง ไม่มียศบรรดาศักดิ์ มีชีวิตสำมะเลเทเมา ชื่อเสียงเสื่อมเสีย

ได้ยินมาว่า ในจวนเขาถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีฮูหยิน กลับมีนางสนมยี่สิบกว่าคนแล้ว ยังไม่รวมที่เลี้ยงไว้ด้านนอก

กระทั่งยังมีความรักที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่พวกนี้ก็ยังดี ยังไงทั้งสองฝ่ายต่างก็ยินยอม

แต่คุณชายรองยังมีสิ่งที่ชอบอีกอย่างหนึ่ง นั่งก็คือรังแกผู้ชายเอาเปรียบผู้หญิง ปกติ หากมองแล้วชอบพอใคร คนอื่นไม่ยินยอม ก็จะถูกเขาพามาข่มเหงที่จวน

และจวนนั้น ก็คือจวนที่อยู่ตรงหน้าหลังนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน