ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 141

กับความรู้สึกที่ช้าของเฉินจื่ออาน ในใจลู่ม่านบ่นด่าอย่างที่สุด

เมื่อก่อนเคยเห็นในทีวียุคปัจจุบัน มีคนโบราณมากมายที่ปลอมตัวเป็นผู้ชายและร่วมสาบานเป็นพี่น้องกัน กระทั่งมีมู่หลานที่เป็นทหารด้วย ตอนนั้น นางมักรู้สึกว่าปลอมอย่างมาก

เป็นไปได้ยังไงที่หญิงแต่งเป็นชายแล้วดูไม่ออก? แต่ตอนนี้ดูแล้ว สายตาชายแท้นั้นซื่อจริงๆ

เฉกเช่นสาว ๆ ในยุคปัจจุบันที่แต่งหน้านู้ด ๆ ชายแท้มักจะคิดว่าคนอื่นไม่ได้แต่ง

เหอชิงเอาเอกสารทะเบียนออกมาอีกครั้ง พลิกไปถึงหน้าสุดท้าย เขียนไว้ว่าเหอเย่ว

“พี่สาว นี่เป็นชื่อของข้า เหอชิงเป็นพี่ชายของข้า ตอนที่พวกเราอยู่ระหว่างทาง เขาก็หิวตายแล้ว”

เหอเย่วร้องห่มร้องไห้ พร้อมพูดขึ้นว่า “หลังจากพี่ชายตายแล้ว ข้ากับปู่เดินมุ่งหน้ามาทางใต้ เป็นผู้หญิงเดินทางไม่สะดวก จึงแต่งตัวเป็นชาย ตอนที่เจอพี่สาว ข้ากับปู่เข้าตาจนไม่มีทางไปจริงๆ ดูครอบครัวพี่สาวแล้วไม่น่าจะเป็นคนร่ำรวย ยังบอกว่าที่บ้านต้องการคนงาน ข้ากลัวว่าหากพูดความจริง พี่สาวจะไม่เอาข้า พี่สาว ข้าไม่ได้มีความคิดเป็นอื่นเลย”

เหอเย่วพูดอย่างจริงใจ และนางก็ไม่ได้สวมเสื้อผ้าเฉินจื่ออาน ดูแล้วก็เหมือนเป็นคนรู้กาลเทศะ หลังจากลู่ม่านถามชัดเจนแล้ว ก็เรียกนางลุกขึ้นมา

เหอเย่วนึกว่าตนเองจะถูกไล่ออกไปแล้ว จึงร้องไห้พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่สาว หากเก็บข้าไว้ไม่ได้ ก็ให้ข้าออกไปคนเดียว ขอพี่สาวรับปู่ของข้าไว้ ปู่อายุมากแล้ว ทนความยากลำบากไม่ได้อีกแล้ว”

“ใครบอกว่าข้าจะไล่พวกเจ้าไป?” ลู่ม่านหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ที่บ้านข้าไม่เพียงขาดคนงาน ข้ายังขาดผู้ช่วยด้วย เมื่อกี้เห็นเจ้าขับรถได้ไม่เลว มีฝีมือการต่อสู้บ้างไหม?”

เหอเย่วพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ที่นั่นพวกเราถูกแคว้นเพื่อนบ้านคุกคามตลอดทั้งปี ชายหญิงคนแก่เด็กน้อยในหมู่บ้านไม่มากก็น้อย ล้วนฝึกฝีมือการต่อสู้อยู่บ้าง”

“งั้นก็ดี” เดิมลู่ม่านก็อยากได้คนที่ติดตามตนไปทำงานตามปกติ หากหาผู้ชายมา ยังไงก็ไม่สะดวก

ตอนนี้มีหญิงสาวคนนี้ ทุกอย่างสะดวกขึ้นเยอะเลย

“งั้นต่อไป เจ้าคอยติดตามข้าละกัน” ลู่ม่านพูดขึ้น เฉินจื่ออานก็เห็นว่าไม่เลว จึงไม่ห้าม

หลังจากตกลงกันแล้ว ลู่ม่านจึงเอาเสื้อผ้าของตนบางส่วนออกมาให้นาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ครั้งหน้าไปในตำบลแล้วค่อยทำชุดใหม่ให้เจ้า ตอนนี้ก็ใส่พวกนี้แก้ขัดไปก่อน?”

เหอเย่วรีบส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่แก้ขัด ไม่แก้ขัด พี่สาว ขอบคุณม่านมาก”

ค่อยดูเหมือนผู้หญิงหน่อย ลู่ม่านใช้ให้นางไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

……

หลังจากได้เมล็ดถั่วเหลืองมาแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินจื่ออานก็ไปเตรียมดินแล้ว

เดิมลู่ม่านอยากจ้างคนงานมา แต่เฉินจื่ออานพูดว่า เขาอ่านหนังสืออยู่ตลอด ต้องออกกำลังกายบ้าง ผ่อนคลายสมอง ลู่ม่านคิดว่าก็ถูก จึงไม่ห้ามเขา

ลู่ม่านไปในทุ่ง แน่นอนว่าเหอเย่วก็ไม่อยู่บ้านเฉยๆ ตามไปช่วยทำงานด้วย

ตอนที่เห็นถั่วเหลือง เหอเย่วถามขึ้นว่าสงสัยว่า “พี่สาว ที่แท้พวกเจ้าก็ปลูกถั่วเหลืองกันเหลือ? ตอนที่ข้ากับปู่ผ่านมา ยังมีคนพูดว่า ที่พวกเขาอยู่มีถั่วเหลืองมากที่สุด”

ลู่ม่านอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเย่ว ที่เจ้าพูดถึงคือที่ไหน?”

“อยู่ใกล้กับหมู่บ้านเดิมของพวกเรา ตรงที่ติดกับชายแดน ที่ตรงนั้นเป็นภูเขา ไม่มีแหล่งน้ำ ดังนั้นจึงสามารถปลูกถั่วเหลืองที่ไม่ต้องการแหล่งน้ำแบบนี้ คนที่นั่น เอาถั่วเหลืองมาทำเป็นเต้าหู้ ทำขนม....”

“อ้า....” ลู่ม่านแทบจะเห็นเสี่ยวเย่วเป็นเหมือนอย่างดาวช่วยชีวิต นางลืมไปได้อย่างไร บนที่ราบสูงในอดีต มีพืชผลแห้งแล้งมากมาย ที่ดินผืนใหญ่ และทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ในยุคก่อนราชวงศ์ถังนี้ นางกลับลืมไปว่าสิ่งของมากมายที่ไม่มีในหมู่บ้านไป่ฮัว แล้วสถานที่อื่นจะต้องไม่มี

ลู่ม่านคิดว่า ต่อไปหากนางมีเวลา จะต้องออกไปท่องเที่ยวรอบโลก แบบนี้นางก็สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่อาจจะสามารถพัฒนาได้

ดีล่ะ ตอนนี้ไม่กลัวแล้ว

ลู่ม่านคิดอยู่อย่างดีใจว่า ขอเพียงนางสามารถทำซีอิ๊วขึ้นมาได้ แล้วก็ขนส่งข่าวสารจากทางใต้ของพวกนางไปยังทางเหนือ ก็จะสามารถแลกถั่วเหลืองมาได้

วัวไถนาได้ไม่เร็ว เฉินจื่ออานทำงานถึงสี่วันถึงจะสามารถพลิกดินในทุ่งทั้งหมดเสร็จ

จากนั้นก็ปลูกถั่วเหลือง พวกเหยาซื่อก็ยังมีทุ่งร้างหลายไร่ กำลังไม่รู้อยู่ว่าจะปลูกอะไรดี เห็นพวกลู่ม่านปลูกถั่วเหลือง ก็จึงปลูกตามบ้าง

หลังจากปลูกเสร็จทั้งหมดแล้ว สี่เดือนก็ผ่านไปแล้วประมาณครึ่งหนึ่ง พริกของลู่ม่านก็เติบโตมาเกือบจะสูงเท่าตะเกียบแล้ว ต้นใหญ่ๆ เล็กๆ รวมอยู่ด้วยกัน

ลู่ม่านอาศัยช่วงเวลาว่าง พาเสี่ยวเย่วไปย้ายกล้าต้นพริก ปลูกจนเต็มทั่วทั้งสวนดอกไม้ ตอนนี้สวนดอกไม้ของลู่ม่านกลายเป็นสวนพริกไปแล้ว

ลู่ม่านรอคอยน่าจะอีกประมาณหนึ่งเดือน พริกพวกนี้ก็น่าจะออกผลแล้ว นางอยากที่จะให้ผู้คนทั้งหมดในหมู่บ้านไป่ฮัวปลูกพริกกันจริงๆ แต่ความคิดแบบนี้ ทำได้เพียงแค่คิดก่อน

หลังจากจัดการงานในบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดทางด้านผู้ดูแลร้านช่ายก็ส่งข่าวมา หลังจากผู้ดูแลร้านช่ายส่งคนไปยังเมืองหย่งอาน ก็สืบความอยู่ในเมืองหย่งอานหลายวัน แต่ก็ไม่สืบเจอเฉินจื่อฉาย

สุดท้ายในระหว่างทางกลับมา ได้เจอกับเฉินจื่อฉายที่ก็กลับมาพอดี

เขาตัวคนเดียวไม่ได้นั่งรถ เดินไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ อยู่อย่างนั้น แล้วคนของผู้ดูแลร้านช่ายจึงพาเขากลับมา

หลังจากกลับมาแล้ว เขาก็ไม่พูดถึงเรื่องจ้าวซื่อ ถามเขาว่าเถาฮัวไปไหน เขาก็ไม่ยอมบอก ก้มหน้าก้มตาทำงานหนักอย่างเดียว

เฉินสือซ่วนเคยถามถึงเรื่องจ้าวซื่อ เฉินจื่อฉายโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ต่อมาเฉินสือซ่วนก็ไม่กล้าถามแล้ว

ส่วนคนที่บ้านเฉิน ยิ่งไม่สนใจไยดีเลย

หลังจากกลับมาแล้วสามวัน เฉินจื่อฉายมาหาเฉินจื่ออานด้วยตนเอง ประโยคแรกก็พูดขึ้นว่า “จื่ออาน ที่เจ้ามีงานอะไรที่ข้าสามารถทำได้บ้างไหม”

เฉินจื่ออานอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่ ไปเมืองหย่งอานครั้งนี้ เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

“ไม่มีอะไร” เฉินจื่อฉายหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “บอกมาว่ามีงานอะไรที่สามารถทำได้บ้างไหม?”

“หากพี่ชายต้องการทำงาน ก็มีงานอยู่แล้ว แต่นี่ก็ใกล้จะถึงฤดูทำงานในทุ่งแล้ว งานที่บ้านใหญ่ก็มีเยอะมาก.....”

“งานที่บ้านใหญ่ข้าไม่ทำแล้ว” เฉินจื่อฉายพูดขึ้น

คราวนี้เฉินจื่ออานยิ่งรู้สึกว่าผิดปกติ จึงพูดขึ้นว่า “พ่อตกลงแล้วหรือ?” นี่จะเป็นไปได้อย่างไร? เฉินจื่อฟู่เป็นคนขี้เกียจ เฉินจื่อคังก็ไม่ทำงาน เมื่อก่อนงานที่บ้านล้วนเป็นเฉินจื่อฉายกับหลิวซื่อ เขากับตาแก่เฉินทำเท่านั้นเอง

ตอนนี้เฉินจื่อฉายบอกว่าไม่ทำแล้ว ซึ่งเมื่อก่อนพี่ใหญ่เป็นคนที่กตัญญูที่สุด

“พวกตกลงหรือไม่ตกลง ข้าก็ตัดสินใจแล้ว” เฉินจื่อฉายพูดขึ้น

ลู่ม่านเห็นแบบนี้ จึงรีบมาจับเฉินจื่ออาน พร้อมยิ้มหัวเราะพูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่คิดอยากที่จะออกมาทำงานเป็นเรื่องที่ดี เรากำลังต้องการคนช่วยขนส่งสินค้าไปยังตำบลพอดี ไปหาคนอื่นเจ้าก็ไม่วางใจ ก็ให้พี่ใหญ่มาช่วยดีไหม?”

“ได้” เฉินจื่อฉายไม่รอเฉินจื่ออานตอบ ก็พยักหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “วันนี้มีไหม? ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

“วันนี้เย็นแล้ว ยังไม่มี มีพรุ่งนี้เช้า” เฉินจื่ออานพูดขึ้น

“งั้นพรุ่งนี้ข้าจะมาแต่เช้า”

หลังจากเฉินจื่อฉายกลับไปแล้ว เฉินจื่ออานมองดูลู่ม่านอย่างเป็นกังวล พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่เป็นอะไรกันแน่?”

ลู่ม่านส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ากลับรู้สึกว่า พี่ใหญ่ไม่เคยมีสติขนาดนี้มาก่อน เจ้าดูสิ เมื่อก่อนเขารู้จักทำงานให้กับที่บ้านเท่านั้น ไม่เคยมีชีวิตเพื่อตนเองมาก่อน ตอนนี้รู้ว่าตนเองอยากทำอะไรแล้ว ไม่ใช่เรื่องดีหรือ?”

เฉินจื่ออานคิดดูแล้วก็ถูก จึงไม่ถามอะไรอีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน