ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 147

เพิ่งพูดเสร็จ สายตาผู้ใหญ่บ้านเฉียนก็หันไปมองเฉินจื่อฟู่ทันที

เมื่อกี้เขาเดินผ่านปากทาง ก็มองเห็นเฉินจื่อฟู่ยืนอยู่ตรงนั้นกับคนในหมู่บ้านคนหนึ่งกำลังปล่อยข่าวลือ ดังนั้นเมื่อเขาคิดพิจารณาดูแล้ว ก็วิ่งมาอย่างไม่สนใจความอันตราย

ในละแวกใกล้เคียงนี้มีใครไม่รู้บ้าง ผงเครื่องเทศสิบสามชนิด ผลไม้กวนบะหมี่สำเร็จรูปหมู่บ้านไป่ฮัวของบ้านเฉินจื่ออาน ได้ทำความร่วมมือกับตระกูลแห่งจวงเมืองหย่งอานแล้ว หากได้รับการเกื้อหนุนจากตระกูลจวง อยากที่จะเจริญรุ่งเรืองไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปได้หรือ?

ทันใดนั้น เฉินจื่อฟู่กลายเปลี่ยนเป็นเป้าหมายของทุกคน

พวกผู้อาวุโสหลายคนมองดูเฉินจื่อฟู่ด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร พร้อมพูดขึ้นว่า “จื่อฟู่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“ข้าไม่รู้” เฉินจื่อฟู่ยังทำเป็นไม่รู้เรื่อง แต่ที่ไหนได้ผู้ใหญ่บ้านเฉียนคนนั้น เพื่อยืนยันว่าตนเองถูกต้อง จึงพูดย้ำขึ้นอีกครั้งว่า “เขานั่นแหละ ข้าได้ยินคนอื่นเรียกชื่อของเขา”

“เชอะ” ท่านปู่สี่พูดกับเฉินจื่อฟู่ด้วยเสียงเย็นชาว่า “เจ้าเป็นพี่รองของจื่ออาน เวลาแบบนี้ ไม่รู้จักคิดรักใคร่พี่น้อง ยังจะซ้ำเติม ถึงว่าจู่ๆ ทำไมจื่ออานถึงคิดอยากจะออกจากตระกูล เจ้าทำให้พวกข้าผิดหวังอย่างมาก”

“ข้าเห็นว่า ควรที่จะได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง”

“ใช่ ตามกฎธรรมเนียมเดิม คุกเข่าต่อหน้าป้ายบรรพบุรุษ”

ผู้ใหญ่บ้านโกรธยิ่งกว่าพวกผู้อาวุโสหลายคน เขาคาดหวังที่จะให้เฉินจื่ออานนำพาให้หมู่บ้านนี้เจริญก้าวหน้า ไม่ง่ายกว่าที่จะได้เห็นถึงความหวัง เฉินจื่อฟู่กลับมาบ่อนทำลาย

ดังนั้นเขาก็พยักหัวเห็นด้วย พร้อมพูดขึ้นว่า “ขอให้เป็นไปตามที่พวกผู้อาวุโสต้องการ”

พูดเสร็จ ก็มีคนวัยกลางคนหลายคนในชนตระกูลที่ตามผู้ใหญ่เฉินมา จับตัวเฉินจื่อฟู่ หลิวซื่อตามไปด้วยความเป็นห่วง แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงมองดูเฉินจื่อฟู่ถูกลากไปต่อหน้าต่อตา

ทางด้านผู้ใหญ่บ้านเฉียน ก็ไม่มีวี่แววคิดที่จะกลับไป หลังจากเมื่อกี้ที่ได้เห็นเฉินจื่ออาน เขาก็มองเฉินจื่ออานอย่างมีความหวังอยู่ตลอด ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่าเฉินจื่ออานไม่เลวจริงๆ

เมื่อก่อนยังเห็นว่าเขาเป็นเพียงเกษตรกรธรรมดาคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ดูแล้ว ลักษณะท่าทีแลดูเหมือนคนร่ำเรียนหนังสือ

ทำกิจการค้าได้ดีขนาดนี้ อย่างร่ำเรียนมีความรู้อีกด้วย หากเขาสามารถพากลับไปได้ ไม่เท่ากับเป็นการเหมือนเสือติดปีกหรือ?

พูดเสร็จแล้วก็หันเดินไปหาเฉินจื่ออาน กำลังอยากที่จะพูดอะไร ผู้ใหญ่บ้านเฉินที่อยู่ด้านหลัง ก็พูดแทรกขึ้นว่า

“เฉินหลี่ซื่อไร้คุณธรรมจริยธรรม เขียนใบหย่าตอนนี้เลย”

ตาแก่เฉินร้อนใจ รีบพูดขึ้นว่า “จื่ออาน”

“ช่างเถอะ” เฉินจื่ออานรู้ดีว่า วันนี้พวกเขามาเพื่อกีดขวางเขา เรื่องนี้เห็นทีคงต้องคุยกับพวกผู้อาวุโสกับผู้ใหญ่บ้านเป็นการส่วนตัวอีกที ตอนนี้เขาทำได้เพียงยอมถอยก่อน

“เรื่องออกจากตระกูล เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ ข้าแซ่เฉิน หมู่บ้านไป่ฮัวเป็นบ้านของข้า ข้าจะไม่ไปจากที่นี่ ท่านปู่ท่านลุงทุกท่าน วันนี้ลำบากแล้ว ข้าขอเชิญทุกคนไปทานข้าวที่บ้านข้า เรื่องนี้พอแค่นี้ก่อน”

ท่านปู่เห็นแบบนี้ ก็พูดขึ้นอย่างมีความชอบธรรมว่า “จื่ออาน ไม่ต้องบีบบังคับตนเอง หากมีอะไรไม่สบายใจ ก็พูดออกมาเลย”

“มีอะไรไม่สบายใจ” เฉินจื่ออานพูดขึ้น

“งั้นก็ดี งั้นวันนี้พวกเราไปทานข้าวที่บ้านจื่ออานกัน” พูดเสร็จก็ไม่มีใครสนใจผู้ใหญ่บ้านเฉียนของหมู่บ้านหลิ่วซู่อคนนั้น ปล่อยให้เขาเดินออกไปคนเดียว

ผู้ใหญ่บ้านเฉียนกลับไม่ยอมตัดใจ มองดูพวกเขาเดินไปไกลแล้ว ยังพูดกับเฉินจื่ออานว่า “หากคิดได้แล้ว มาหาข้าเมื่อไหร่ก็ได้นะ”

เฉินจื่ออานไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ต่อให้ตอนนี้เขาเป็นคนที่มีแต่คนแย่งกัน แต่ในสายตาแม่ของตน ยังไงเขาก็ยังสู้เฉินจื่อคังไม่ได้

กลับมาถึงบ้าน เหอเย่วเตรียมอาหารเที่ยงไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้จะมีแค่สี่คน แต่ลู่ม่านเคยบอกว่า อาหารทุกมื้อในบ้าน จะต้องไม่ให้ท้องของตนเองด้อยค่า ดังนั้นเราจึงทำอย่างดี

ลู่ม่านใช้ให้นางทำเพิ่มอีกหลายอย่าง แล้วทุกคนมาทานด้วยกัน

ตาแก่เฉินก็มา พวกผู้อาวุโสก็มา เขาไม่มาไม่ได้ ผู้ใหญ่บ้านเฉินทานเสร็จแล้วก็พูดกับตาแก่เฉินอย่างจริงจังว่า

“ตอนนี้จื่ออานเป็นความหวังของหมู่บ้านเรา เจ้ามีบุญวาสนามากเลยนะ”

ตาแก่เฉินพยักหัว สีหน้าค่อยเผยให้เห็นถึงความดีใจออกมาหน่อย พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าพูดถูก”

“ดังนั้นทางด้านพี่สะใภ้ เจ้าคุยให้ดี อย่าทำให้จื่ออานน้อยอกน้อยใจ”

ตาแก่เฉินยิ้มหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “นางขี้ขลาด หลังจากครั้งนี้ คงไม่กล้าอีกแล้ว”

ผู้ใหญ่บ้านเฉินพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ขอให้เป็นแบบนั้นจะดีที่สุด”

หลังจากทานอิ่มแล้ว พวกเขาค่อยกลับไป ตาแก่เฉินดีใจจนดื่มเยอะไปหน่อย จับมือเฉินจื่ออานไว้ตลอด พูดขึ้นอย่างหนักแน่น เกี่ยวกับเรื่องเมื่อตอนเฉินจื่ออานยังเด็ก

เล่นบทแสดงความรักใคร่อีกแล้ว ลู่ม่านเดินออกไปอย่างจนใจ แต่ก็ได้รู้จากคำพูดของตาแก่เฉินว่า ที่แท้อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันเกิดของเฉินจื่ออานแล้ว

นี่จะเป็นครั้งแรกที่จะได้ฉลองวันเกิดกับเฉินจื่ออาน ควรที่จะเตรียมอะไรเป็นพิเศษบ้าง

ลู่ม่านคิดไปด้วย เดินไปที่โรงงานไปด้วย

หลายวันมานี้ ทางด้านโรงงานบะหมี่สำเร็จรูปกำลังทำบัญชีอยู่ กำลังคำนวณเงินปันผลไตรมาสแรกที่ผ่านมา และเงินปันผลของโรงงานผลไม้กวนกับโรงงานผงเครื่องเทศสิบสามชนิดของลู่ม่านก็ออกมาแล้ว

ทางด้านผงเครื่องเทศสิบสามชนิดกับผลไม้กวนล้วนเป็นของนางเอง ค่าที่ปรึกษาของจวงลี่จ้ง ลู่ม่านเตรียมที่จะให้เงินปันผลเขาหนึ่งส่วน

ยังไงผลไม้กวนก็ออกมาเร็วกว่า ดังนั้นไตรมาสนี้ หักต้นทุนการจ้างคนแล้ว สุดท้ายลู่ม่านได้กำไลสามสิบพวง ส่วนทางด้านผงเครื่องเทศสิบสามชนิด ก็มีกำไลเงินสิบพวง

จะว่าไปแล้วที่ได้กำไรมากที่สุดก็คือทางด้านโรงงานบะหมี่สำเร็จรูป ไม่รู้ว่าจวงลี่จ้งไปหาลูกค้ารายใหญ่มาจากไหน เริ่มสะสมสินค้าตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว ตอนนี้มีสินค้ากองโตตูนไว้อยู่ที่นั่น

เพราะแบบนี้ จึงส่งผลกระทบต่อการคำนวณเงินปันผลทางนี้ พอดีที่หากจวงลี่จ้งมาวันนี้ ลู่ม่านเตรียมที่จะใช้ให้เขาจัดการสินค้าที่ตูนไว้พวกนั้นโดยเร็ว เดี๋ยวรอนานเกินไป สินค้าจะหมดอายุ

ลู่ม่านกำลังครุ่นคิดอยู่ แล้วก็เดินมุ่งหน้าไปทางโรงงานอย่างเชื่องช้า จู่ๆ ก็ได้ยินในป่าไผ่ลึก มีเสียงคนกระซิบคุยกัน

และเสียงนั้นก็ฟังดูคุ้นเคยอย่างมาก ยังน่าลงมือทำหลายอย่างมาก

ลู่ม่านเดินย่องไปด้วยสัญชาตญาณ แวกดูในป่าไผ่ ตรงหน้ากลับเป็นภาพที่ไม่ควรมอง ในป่าไผ่ลึก ชายชุดขาวคนหนึ่ง กำลังโอบกอดขอผู้หญิงคนหนึ่ง พร้อมจูบอยู่อย่างดูดดื่ม

ลู่ม่านมองดูอีกครั้ง แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง ผู้ชายคนนั้นคือคุณชายรองอ๋องหนิง หลี่ยวี่ที่เจ้าชู้คนนั้น เขาอยู่เมืองหย่งอานไม่ใช่หรือ? กลับมายังหมู่บ้านเขตทุรกันดารของนางนี้

ผู้หญิงนั่นยิ่งไม่คาดคิด คือเฉินหลิ่วเอ๋อที่ถูกเขาลักพาตัวไปในตอนนั้น ตอนนี้ นางกลับอ่อนปวกเปียกปล่อยให้หลี่ยวี่โอบกอดเอวของนางไว้

ทัศนคติของลู่ม่านถูกทำลายลง แต่นางก็ไม่ได้โง่

หลี่ยวี่คนนี้ ก่อนหน้านี้ไม่ให้เกียรติตนเองเลย นางไม่อยากเห็นเขาเลยสักนิด แต่ยังไงเฉินหลิ่วเอ๋อก็เป็นน้องสาวเฉินจื่ออาน ยังไงตอนนี้พวกเขาก็ยังเป็นครอบครัวเดียวกัน นางจะไม่สนใจไม่ได้

เมื่อครุ่นคิดดูแล้ว นางเดินออกไปไกลหน่อย แล้วก็เก็บก้อนดินขึ้นมาหนึ่งก้อน โยนเข้าไปทางด้านนั้น

คนที่อยู่ในป่าไม้ ตกอกตกใจ จากนั้นก็เป็นเสียงหลี่ยวี่พูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “ใคร?”

ตอนนั้นลู่ม่านถือชายกระโปรงแล้วก็วิ่งไปไกลแล้ว

ลู่ม่านวิ่งไปอย่างรวดเร็วมาก จนมาถึงตรงโค้ง หันกลับไปมองดูก็เห็นหลี่ยวี่กับเฉินหลิ่วเอ๋อ เดินออกมาจากในป่าลึก

ยังดีที่เฉินหลิ่วเอ๋อยังแต่งกายเรียบร้อย

ลู่ม่านจึงไม่สนใจนางแล้ว เดินตรงเข้าไปในโรงงาน ที่ไหนได้เมื่อลู่ม่านมาถึงก็พบว่า สินค้าที่ตุนไว้ทั้งหมดไม่เห็นแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน