ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 149

เงินหนึ่งร้อยพวง เอาเก็บไว้ที่บ้านไม่ค่อยปลอดภัย

ลู่ม่านอาศัยวันที่สองตอนที่ไปซื้อของ เอาเงินทั้งหมดไปเปลี่ยนเป็นทอง เหลือไว้เพียงเงินสิบพวงเอาไว้ใช้จ่ายในบ้าน

หลังจากแลกเงินแล้ว ลู่ม่านก็ไปตลาด ซื้อไข่ไก่ แป้ง แล้วก็พวกน้ำตาลต่างๆ

อยากซื้อนม แต่ในตลาดกลับไม่มี ลู่ม่านหาตั้งนานก็หาไม่เจอ

เหอเย่วบอกว่า มีภัตตาคารใหญ่ๆ พวกนั้นอาจจะมี

ลู่ม่านจึงไปที่ภัตตาคารเฟิ่งหลาย และแล้วที่นี่ก็มี ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีจำพวกเนยด้วย ผู้ดูแลร้านช่ายบอกว่าพวกต่างชาติชอบทานรสชาติแบบนี้ ดังนั้นในภัตตาคารจึงมีเตรียมไว้บ้าง

ได้ยินว่าลู่ม่านอยากได้ เขาจึงใช้บ่าวใช้ไปเอามาให้ลู่ม่าน

เมื่อได้ของแล้ว ลู่ม่านก็แอบถามถึงจวงลี่จ้ง ผู้ดูแลร้านช่ายบอกเพียงว่า คุณชายจวงมีธุระ อีกหลายเดือนค่อยกลับมา

นึกว่านางมีธุระ ผู้ดูแลร้านช่ายบอกว่าสามารถบอกเขาได้ เดี๋ยวเขาจัดการให้

ลู่ม่านส่ายหัว แล้วก็กลับไป

ในระหว่างทางกลับไป ลู่ม่านเงียบมาตลอดทาง วันนี้เหอเย่วออกมาเป็นเพื่อนนาง เห็นนางเงียบไม่พูดไม่จา จึงถามขึ้นว่า “พี่สาว วันนี้เจ้าไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

ลู่ม่านส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าก็แค่คิดไม่ออก เจ้าว่า โรงงานบะหมี่สำเร็จรูปของเรา นอกจากกิน ยังสามารถทำอะไรได้อีก?”

“นอกจากกิน ก็กินอีกไง” เหอเย่วยิ้มหัวเราะพร้อมพูดขึ้น

“แต่เอาคนเยอะขนาดนั้นมาจากไหน” ที่จริงลู่ม่านคิดว่า ครั้งนี้จวงลี่จ้งน่าแปลกมาก ตอนนี้ยังเชื่อมโยงไปถึงหลี่ยวี่ มักรู้สึกว่าไม่ค่อยดี

ขอบครัวชาวบ้านเล็กๆ อย่างพวกเขา ไม่อยากถูกนำไปมีส่วนเกี่ยวข้อง

“พี่สาว บนโลกนี้มีคนจำนวนมาก จากที่ข้าเดินทางมาจากทางเหนือ คนน่าสงสารมากมายที่ไม่มีบ้านให้กลับ ไม่แน่ว่าอาจจะมีคนอยากทำบุญ”

ทำบุญหรือ? ไม่ถูก

หากทำบุญ ก็ใช้ข้าวสารได้นี่ ทำไมจะต้องใช้บะหมี่สำเร็จรูป? ยังไงลู่ม่านก็รู้สึกว่าผิดปกติ

“ช่างเถอะ เหอเย่ว เจ้าส่งข้าลงที่โรงงาน ข้าจะไปดูโรงงาน”

……

หลังบ่าย ภายในโรงงานทุกอย่างเงียบสงบมาก ตอนที่ลู่ม่านเดินเข้าไป ทุกคนต่างทำงานตามหน้าที่ของตนเอง ได้ยินเพียงเสียงวางของ

ผู้ดูแลที่จวงลี่จ้งส่งมา ก็กำลังทำงานยุ่งอยู่ในตำแหน่งของตนเอง ลู่ม่านเดินเข้าไป เขาก็ลุกขึ้นมาพร้อมพูดขึ้นว่า “แม่นางลู่ เจ้ามาแล้วหรือ?”

“เจ้าทำงานของเจ้าเถอะ” ลู่ม่านพูดขึ้นว่า “ข้าดูของข้าเอง”

“ได้" ผู้ดูแลฟังแล้วก็เตรียมทำงานต่อ จู่ๆ ลู่ม่านก็ถามขึ้นว่า “วันนี้ในโรงงานไม่มีเรื่องอะไรใช่ไหม?”

ผู้ดูแลก็รีบลุกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่มี”

“งั้นก็ดี เจ้าทำงาน....”

ผู้ดูแลเตรียมที่จะนั่งลง ลู่ม่านก็ถามขึ้นอีกว่า “วันนี้มีใครผิดปกติไหม?”

ผู้ดูแลพูดขึ้นว่า “.....ท่าน......”

ลู่ม่านแทบสำลักน้ำลายตัวเอง ยิ้มหัวเราะอย่างเก้อเขิน แล้วพูดขึ้นว่า “ข้าเข้าไปดูเอง”

ครั้งนี้ผู้ดูแลไม่กล้านั่งลงแล้ว มองดูลู่ม่านเดินไปไกลแล้ว เขาค่อยนั่งลงใหม่

ลู่ม่านเดินตรงเข้าไปในห้องปฏิบัติงาน ตรวจจากขั้นตอนแรกไปด้านหลังทีละห้อง จะว่าไป นางก็ไม่ได้มาตรวจดูที่นี่นานแล้ว อาศัยโอกาสนี้ ถือเป็นการมาตรวจดูสถานการณ์ของโรงงาน

ตอนนี้คนในหมู่บ้าน ล้วนต่างเคารพให้เกียรตินาง โดยเฉพาะคนที่ทำงานอยู่ในโรงงาน สวัสดิการปกติดีอย่างมาก ดังนั้นทุกคนจึงล้วนชอบลู่ม่าน

ตลอดทางที่เดินไป ลู่ม่านก็ได้รับรอยยิ้มไม่น้อย

จนมาถึงตรงขั้นตอนการปฏิบัติงานขั้นตอนที่สี่ ลู่ม่านมองเห็นว่าข้างในมีคนขาดไปหนึ่งคน นางเลิกคิ้วแล้วถามขึ้นว่า “ข้าจำได้ว่าขั้นตอนในการปฏิบัติงานในขั้นตอนนี้มีหกคนมาตลอดไม่ใช่หรือ?”

นางแบ่งห้องปฏิบัติงานตามขั้นตอนแต่ละขั้นตอนที่ไม่เหมือนกันแยกออกจากกัน ทุกขั้นตอนการปฏิบัติงานล้วนมีหกคน แล้วหนึ่งในหกคนก็จะมีหัวหน้ากลุ่มเล็กหนึ่งคน

หัวหน้ากลุ่มเห็นว่าลู่ม่านถาม จึงรีบตอบว่า “เสี่ยวเย่ เมื่อกี้นางบอกว่าปวดท้อง จึงไปห้องน้ำ”

ลู่ม่านพยักหัว แล้วก็พิจารณาดูอย่างดีสักพัก การปฏิบัติงานในขั้นตอนนี้ของพวกนาง ไม่มีปัญหาอะไร จึงเดินไปยังขั้นตอนการปฏิบัติงานต่อไป

แต่เพิ่งมาถึงหน้าประตู ก็เห็นคนในขั้นตอนการปฏิบัติงานนี้ มีคนเพิ่มมาหนึ่งคน

ทุกห้องปฏิบัติงานล้วนมีหกคน ดังนั้นเมื่อเพิ่มมาหนึ่งคน ก็จะเห็นได้อย่างชัดเจน ลู่ม่านขมวดคิ้ว แล้วก็ส่งเสียงไออยู่ตรงหน้าประตู

บรรยากาศเดิมที่กำลังร่าเริงมีความสุข เงียบสงบลงกับการมาอย่างกะทันหันของนาง หนึ่งในอีกคนตกอกตกใจ เอาแป้งในมือที่ทอดเสร็จแล้ว ทิ้งลงบนพื้น

ลู่ม่านจ้องมองไปที่คนคนนั้น พร้อมพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเย่?”

“แม่นางลู่” เสี่ยวเย่ลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าขาวซีด

“เจ้าปวดท้องไม่ใช่หรือ?” ลู่ม่านถามขึ้นอย่างเคร่งขรึม

“ข้า.....” เสี่ยวเย่เม้นริมฝีปาก พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าปวดท้อง......”

“ปวดท้องยังสามารถมาเที่ยว มายังห้องการปฏิบัติงานขั้นตอนอันอื่น? เจ้าลืมไปแล้วหรือ โรงงานของเรามีกฎ? พวกเจ้าล่ะ? นางลืม พวกเจ้าก็จำไม่ได้แล้วหรือ?”

คนอื่นๆ ได้ยินเช่นนี้ ก็ต่างตกใจจนสีหน้าขาวซีดขึ้นมาทันที ลู่ม่านมองไปรอบๆ ขั้นตอนการปฏิบัติงานนี้ สุดท้าย สายตามองไปบนโต๊ะข้างหลัง มีผลไม้กวนหกขวด

“ออกมาทั้งหมด” ลู่ม่านพูดขึ้น

“แม่นางลู่ ครั้งหน้าพวกเราไม่กล้าแล้ว” พวกเขาพูดขอร้อง

ลู่ม่านหัวเราะอย่างเย็นชา พร้อมพูดขึ้นว่า “หากพวกเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเป็นการส่วนตัว แล้วส่งของให้แก่กันและกัน ข้าจะไม่ว่าอะไรสักคำ แต่ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่ามีคนใช้ผลไม้กวนมายังขั้นตอนการปฏิบัติงานอื่น สัญญาที่พวกเจ้าเซ็นตั้งแต่แรกล้วนลืมกันแล้วหรือ?”

ผู้ดูแลได้ยินเสียง ก็รีบมาหา เมื่อเห็นภาพนี้ เขาก็โกรธอย่างมาก

“พวกเจ้า ถูกไล่ออกทั้งหมด”

“อย่าเลยนะ” พวกเขาต่างร้องขอขึ้นมาว่า “พวกเราไม่กล้าแล้ว พวกเรายอมถูกหักค่าแรง และก็ยินยอมถูกลงโทษ พวกเราเพียงหวังว่าจะสามารถได้ทำงานที่นี่ต่อไป”

สามารถได้ทำงานมีรายได้อยู่ภายในหมู่บ้านของตน พวกนางไม่มีใครอยากที่จะสูญเสีย

ภายในโรงงานนี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนงานผู้หญิง ในสังคมดั้งเดิมยุคก่อนราชวงศ์ถังแบบนี้ สถานะของผู้หญิงนั้นต่ำต้อยมาก เพราะหลังจากที่พวกนางมีความสามารถหารายได้ สถานะในบ้านจึงค่อยๆ เริ่มดีขึ้น

หากสูญเสียไปแล้ว ก็จะกลับไปเป็นเหมือนอย่างเดิมที่ไม่มีความหมายอะไรในบ้านเลย พวกนางล้วนต่างก็ไม่อยากเป็นแบบนั้น

ลู่ม่านมองดูเสี่ยวเย่ ที่อยู่ในกลุ่มคนตั้งแต่เมื่อกี้จนถึงตอนนี้ ในใจเกิดความสงสัย เรื่องนี้บังเอิญเกินไป ในขณะที่นางรู้สึกว่ามีปัญหา ก็มีคนยอมเสี่ยงพูดขึ้นมา

คิดๆ ดูแล้ว นางถามขึ้นว่า “เสี่ยวเย่ เจ้าเห็นว่าอย่างไร?”

เสี่ยวเย่ถูกเรียกชื่อกะทันหัน รู้สึกสั่นเทาสั้นสท้านไปทั้งตัว พร้อมรีบพูดขึ้นว่า “แม่นางลู่ ข้าก็ไม่อยากถูกไล่ออก ครั้งนี้ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ข้าเพียงแค่อยากเรียนรู้บ้าง”

“อยากเรียนรู้? ทำไมจู่ๆ ถึงอยากเรียนรู้?”

“ข้า.....” เสี่ยวเย่อ้ำๆ อึ้งๆ แล้วค่อยพูดขึ้นว่า “ครั้งที่แล้วพวกเราได้สวัสดิการได้บะหมี่สำเร็จรูปกลับไปหลายห่อ น้องชายของข้าชอบกิน ดังนั้นข้าจึงจะอยากเรียนเพื่อที่จะได้ทำให้น้องชายกิน”

“เพียงเท่านี้?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน