ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 150

“เพียงเท่านี้” เสี่ยวเย่พูดยืนยัน

ผู้ดูแลพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ตอนที่เข้ามาเรามีสัญญา เจ้ารู้หรือไม่รู้ สถานการณ์แบบนี้พวกเราสามารถเรียกร้องค่าเสียหายกับเจ้าสิบเท่า?”

“ขอร้อง ครอบครัวเราไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น.....”

ครั้งนี้เสี่ยวเย่ ดูเหมือนจะกลัวมากจริงๆ ดวงตาแดงก่ำ

ลู่ม่านจ้องมองดูหนังหลายวิ แล้วค่อยพูดขึ้นว่า “ในเมื่อครั้งนี้ทุกคนยอมรับผิด ครั้งนี้ถือว่าแล้วกันไป แต่ลงโทษโดยการหักค่าแรงเดือนละหนึ่งร้อยเหวิน อีกอย่าง สวัสดิการอีกครึ่งปียกเลิกทั้งหมด”

การลงโทษนี้หนักหนาอย่างมาก แต่ทุกคนก็ยังคงขอบคุณอย่างซาบซึ้ง

หลังจากเรื่องราวจบสิ้นแล้ว ผู้ดูแลคอยพูดขึ้นว่า “ต่างไปทำงานกันเถอะ”

เสี่ยวเย่มองดูลู่ม่านอย่างหวาดกลัว แล้วก็ลุกขึ้นไปทำงาน

ลู่ม่านค่อยเดินเข้าไปข้างในพร้อมกับผู้ดูแล ตอนที่ไม่มีใครแล้ว ผู้ดูแลค่อยถามลู่ม่านอย่างสงสัยว่า “ทำไมถึงไม่ไล่พวกเขาออกไป? กฎของตระกูลจวง การทรยศเพียงครั้งเดียวจะไม่ใช้อีกต่อไป”

“ข้าสงสัยว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง” ลู่ม่านพูดขึ้น

“หา?” ผู้ดูแลค่อยเข้าใจความตั้งใจของลู่ม่าน พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าอยาก.....”

“วางแผนระยะยาวโดยไม่รีบหวังผล เพื่อให้ได้รับประโยชน์ที่มากยิ่งขึ้น” ลู่ม่านยิ้มหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “พอดีที่ยอดสั่งสินค้าก่อนหน้านี้ก็ทำได้พอประมาณแล้วขจ ช่วงนี้เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องสั่งทำสินค้าเยอะ จากนั้นเจ้าเอาเวลาทั้งหมดที่มี คอยจับตาดูเสี่ยวเย่คนนั้น เข้าใจไหม? หากเจออะไร ให้รีบมาบอกข้า”

“ได้” ผู้ดูแลพูดขึ้นอย่างจริงจัง มาที่หมู่บ้านไป่ฮัวตั้งนานขนาดนี้ ใช้ชีวิตอย่างไม่มีอะไรตื่นเต้นมาตลอด กลับคิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องน่าตื่นเต้นแบบนี้

หลังจากมอบหมายงานเสร็จแล้ว ลู่ม่านค่อยกลับบ้าน

ตอนช่วงบ่าย นางทำขนมเค้กกับเหอเย่วอยู่ที่บ้าน เพราะอยู่ที่นี่ไม่เคยทำ เครื่องมือก็ไม่เหมือนกัน ครั้งนี้ลู่ม่านก็ถือว่าเป็นการลองมือ

ตีไข่ก่อน แยกไข่แดงกับไขาขาวหภ จากนั้นก็เอาน้ำตาลน้ำมันกับนม แป้ง ใส่ลงไปในไข่แดง นวดให้เข้ากัน

จากนั้นก็ลงมือตีไข่ ตีจนไข่ขาวกลายเป็นฟอง

ลู่ม่านตีอยู่สักพัก มือก็ปวดเมื่อยจนขยับไม่ไหว เหอเย่วเห็นแล้ว จึงรับมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าพอมีฝีมือการต่อสู้บ้าง น่าจะดีหน่อย”

ลู่ม่านคิดในใจ ข้าก็เป็นเทควันโด แต่นางแค่คิด ไม่ได้พูดออกมา

หลังจากเหอเย่วตีได้สักพัก คนทั้งคนก็ไม่ไหวแล้ว ลู่ม่านจึงต้องเอากลับมา ทั้งสองคนตีอยู่ตั้งนาน ในที่สุดไข่ขาวก็กลายเป็นฟอง

หลังจากนั้นก็เอาฟองแบ่งเป็นสามชั้น ใส่เข้าไปในแป้งไข่เหลืองก่อนหน้านี้ หลังจากคนจนเข้ากันแล้ว ลู่ม่าน จึงเอาจานมาหนึ่งใบแล้วใส่ลงไป ปิดฝาไว้

ใส่น้ำลงในหม้อเหล็ก แล้วเริ่มนึ่ง

ตอนนี้ลู่ม่านค่อนข้างเป็นห่วงที่สุด หากอยู่ในยุคปัจจุบัน ล้วนใช้เตาอบ ต่อให้ขาดแคลนแค่ไหนก็มีหม้อหุงข้าวไฟฟ้าสามารถใช้แทนได้

แต่อยู่ที่นี่ ทำได้เพียงใช้หม้อนึ่ง นางกำลังคิดว่า คงจะดีมากถ้าคุณสามารถใช้เหล็กทำเป็นเตาอบที่มีไฟฟืนอยู่ข้างใต้ได้ หากสำเร็จ บางทีอาจจะสามารถลองทำได้

แบบนี้หากต่อไปนางมีลูก ก็สามารถทำให้ลูกทานได้

ทางด้านขนมเค้กเมื่อนับดูเวลาก็ได้ที่พอสมควรแล้ว ลู่ม่านรีบหยุดความคิดแล้วก็เปิดฝาหม้อ

ในควันฟุ้งมีกลิ่นที่คุ้นเคยของเค้กแผ่ออกมา ลู่ม่านดีใจ หยิบผ้ามารองจับเปิดฝาออก

“ว้าว.....” เหอเย่วพูดอย่างตกตะลึงว่า “ทำไมถึงได้กลายเป็นใหญ่ขนาดนี้?”

ลู่ม่านก็เอาตะเกียบคีบชิ้นเล็กขึ้นมาใส่ปากอย่างรอคอยญฌ เป็นรสชาติที่คุ้นเคยนั้น แต่ปริมาณน้ำค่อนข้างเยอะไปหน่อย แย่กว่าที่นางคาดหวังไว้นิดนึง

เอาสิ่งของในจานออกวางบนโต๊ะแล้วใช้มีดตัด หลังจากลู่ม่านชิมชิ้นเล็กชิ้นหนึ่งแล้ว ในใจก็พอรู้แล้ว

เก็บไว้ชิ้นหนึ่งเตรียมให้กับเฉินจื่ออาน ส่วนที่เหลือลู่ม่านล้วนเอาวางในจานแล้วยกให้เหอเย่ว พร้อมพูดขึ้นว่า “อันนี้อ่อนนุ่มมาก ปู่ของเจ้าต้องชอบถามแน่”

เหอเย่วก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน ขอบคุณลู่ม่าน แล้วก็ยกจานออกไป ไม่นานเหอเย่วก็กลับมา บอกว่าปู่จะมาขอบคุณ

ลู่ม่านรีบห้ามไว้ จากนั้นก็ตรงไปที่ห้องหนังสือ แล้วก็ขังตนเองไว้ในนั้น

หลังจากหนึ่งชั่วโมง นางพูดกับเหอเย่วว่า “หากเจ้าอยากขอบคุณข้า งั้นก็ส่งข้าไปในตำบล”

ถึงแม้เหอเย่วจะไม่รู้ว่าทำไมลู่ม่านจะต้องไป แต่ก็ยังคงไปจูงรถเกวียนมา ไม่ได้เข้าไปในเมือง อยู่ตรงหน้าประตูเมืองในร้านช่างตีเหล็กที่คุ้นเคยนั่น ลู่ม่านเอาภาพวาดเตาอบของตนเองยื่นให้กับคนคนนั้น

ช่างคนนั้นเคยชินกับการที่ลู่ม่านชอบเอาสิ่งของแปลกประหลาดแบบนี้มาให้เขาทำ ดังนั้นหลังจากรับมาแล้ว ก็ทำการวิเคราะห์ดูอย่างละเอียด

ไม่นาน เขาก็รู้วิธีทำ พร้อมพูดขึ้นว่า “อีกสามวันสามารถทำให้เจ้าได้”

เวลาพอประมาณ ลู่ม่านจ่ายเงินแล้วก็กลับไป

ในหนึ่งวันเดินทางไปในตำบลสองครั้ง ตอนที่กลับมาฟ้าก็มืดแล้ว

เพิ่งมาถึงหน้าบ้าน ก็เห็นผู้ดูแลโรงงานบะหมี่สำเร็จรูป ยืนรอนางอยู่ตรงนั้น เมื่อมองเห็นนางกลับมา ผู้ดูแลก็รีบไปพูดขึ้นว่า

“แม่นางลู่ มีเบาะแสแล้ว”

“หืม?” ลู่ม่านให้เหอเย่วขับรถเข้าไป ตนเองลงจากรถแล้วเดินไปหาผู้ดูแล พร้อมพูดขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

“จับตัวเสี่ยวเย่กับผู้ชายคนหนึ่งได้แล้ว” ผู้ดูแลพูดขึ้น

“เป็นผู้ชายรูปร่างลักษณะยังไง?” ลู่ม่านถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้นว่า “รูปร่างหน้าตาไม่เลวหรือเปล่า แลดูเป็นคนร่ำรวยไหม?”

ผู้ดูแลส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ได้สังเกตดู ถูกข้าขังไว้อยู่ในห้องเก็บของของโรงงาน ข้ากำลังเตรียมเรียกคนแล้วไปดูด้วยกัน”

“งั้นรีบไปกันเถอะ” ลู่ม่านพูดขึ้นอย่างไม่รอช้า

ด้านหลัง เสียงของเฉินจื่ออานดังขึ้นว่า “ข้าก็ไป”

ลู่ม่านอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “จื่ออาน เจ้าออกมาทำไม?”

“เหอเย่วไปบอกข้าว่าผู้ดูแลมาหาเจ้า ค่ำมืดแล้ว เจ้าตัวคนเดียวไม่ปลอดภัย”

ลู่ม่านยิ้มอย่างอ่อนหวาน พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้ งั้นไปด้วยกัน มีเรื่องสนุกให้ดูพอดีเลย”

เฉินจื่ออานมองดูนางอย่างจนใจ ทั้งสามคนรีบร้อนไปยังโรงงาน เวลานี้ในโรงงานเลิกงานแล้ว ข้างในจึงไม่มีคนแล้ว

มีเพียงไม่กี่คนที่ตามผู้ดูแลมาจากเมืองหย่งอาน รออยู่ตรงนั้น ลู่ม่านมองออก คนพวกนั้นมีฝีมือการต่อสู้ ความจริงแล้ว จวงลี่จ้งให้อยู่ดูแลปกป้องที่นี่

เห็นพวกเขามาแล้ว คนพวกนั้นรีบนำทางพาพวกเขาไปยังห้องเก็บของ

เมื่อผลักประตูเปิดออก คนที่อยู่ด้านไหนก็คิดที่จะวิ่งหนีออกมา ยังดีที่พวกเขาเตรียมการไว้แต่แรก พวกเขาลงมือพร้อมกัน จับตัวผู้ชายคนนั้นไว้ได้

เสี่ยวเย่เห็นแล้ว ก็รีบเข้าไปพูดขอร้องว่า “แม่นาง นี่ล้วนเป็นความผิดของข้าหภ อย่าจับตัวเขา”

ลู่ม่านหันไปมองดูเสี่ยวเย่แวบหนึ่ง มองดูแล้วครั้งนี้นางเป็นกังวลอย่างมากจริงๆ น้ำตานองดวงตาทั้งคู่ จ้องมองดูผู้ชายคนนั้นอยู่ตลอด

พูดได้เพียงว่า ผู้หญิงที่ตกอยู่ในห้วงความรักนั้นโง่มากจริงๆ

“เจ้าทำอะไรผิด?” ลู่ม่านถามขึ้น

“ข้า....” เสี่ยวเย่อ้าปากค้าง สักพักแล้วค่อยพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ควรแอบเจอกันเป็นการส่วนตัว แต่ข้ากับเขารักกันด้วยความจริงใจ.....”

ลู่ม่าน “……”

ผู้ดูแลได้ยินเช่นนี้ จึงหยิบเอากระดาษอันหนึ่งออกมาวางตรงหน้าเสี่ยวเย่ พร้อมพูดขึ้นว่า “เพียงแค่แอบเจอกันเป็นการส่วนตัวหรือ? งั้นอันนี้จะอธิบายว่าอย่างไร?”

เสี่ยวเย่อึ้ง ผู้ดูแลพูดขึ้นอีกว่า “นี่เป็นขั้นตอนพื้นฐานในการทำบะหมี่สำเร็จรูปของโรงงานเรา เจ้าเอาอันนี้ให้เขาทำไม?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน