ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 152

เฉินจื่ออานเอาแต่ดูพระอาทิตย์ตกตลอดทั้งบ่าย อยากจะกลับไปก่อน แต่ก็กลัวว่าลู่ม่านจะยังเตรียมไม่เสร็จ

กว่าพระอาทิตย์จะตกดิน พนักงานก็ใกล้จะเลิกงานแล้วด้วย เขาก็ถึงรีบเดินออกจากโรงงาน

พอเข้าไป เหอเย่วก็มองไปด้านหลังของเขา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่จื่ออาน พวกท่านกลับมาแล้วเหรอ?”

“อืม!” เฉินจื่ออานไม่ได้สนใจ แล้วเดินเข้าไปด้านในทันที เดินวนอยู่ในบ้านหนึ่งรอบก็ยังไม่เห็นลู่ม่าน เขามองดูเหอเย่วอย่างสงสัย

“เสี่ยวม่านล่ะ?”

“พี่เสี่ยวม่านไปหาพี่ที่หลังภูเขาแล้วไม่ใช่เหรอ?” เหอเย่วพูด

“ใครบอกกัน?” เฉินจื่ออานขมวดคิ้ว

เหอเย่วก็ถึงรู้สึกตัวว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้ว รีบบอกเรื่องที่มีคนมานัดลู่ม่านไปหลังภูเขาให้กับเฉินจื่ออาน

“ข้าไม่ได้บอกให้คนมาเรียกนางนะ” เฉินจื่ออานพูด รู้สึกว่าต้องมีเรื่องผิดปกติ เฉินจื่ออานรีบบอกให้เหอเย่วเล่าเรื่องทั้งหมดมาให้เขาฟังอีกรอบ

จากนั้นเขาก็รีบวิ่งไปที่ถูกเขาทันที

……

ลู่ม่านเดินไปด้วย และมองดูใบไม้ที่ออกใหม่ในฤดูใบไม้ผลิ

จำได้ว่าตอนช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีก่อน นางชอบมาที่หลังเขาแห่งนี้บ่อยๆ ชอบมาเด็ดดอกสายน้ำผึ้งและหาส้มบ่อยๆ

ผ่านไปแค่ไม่กี่เดือน เหมือนผ่านไปหลายปีเลย

ตั้งแต่ที่ขาของเฉินจื่ออานบาดเจ็บ พวกเขาก็ไม่เคยมาที่นี่ด้วยกันอีกเลย กำลังคิดอยู่นั้น ลู่ม่านก็เดินไปถึงที่ที่เคยย่างไก่ขอทานกินกับเฉินจื่ออาน

จื่ออานน่าจะหมายถึงที่นี่นะ ลู่ม่านนั่งยองลงไปเพื่อดูดอกสายน้ำผึ้งที่ออกใหม่ในปีนี้

ทันใดนั้น ในสมองก็มีความคิดแวบออกมา ลู่ม่านขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนมีอะไรผิดปกติ

กำลังคิดอยู่นั้น ด้านหลังก็มีเสียงเท้าเดินดังขึ้น ลู่ม่านรู้สึกไม่แน่ใจ แต่ไม่นานก็วางใจ จากนั้นก็หันหลังกลับไปอย่างดีใจ “จื่ออาน……”

ยังพูดไม่ทันจบ นางก็ชะงักพูดไม่ออกทันที ตรงหน้ามีคนคนหนึ่งเดินเข้ามา คนคนนั้นไม่ใช่เฉินจื่ออาน แต่เป็นหลี่ยวี่

ลู่ม่านขมวดคิ้ว กลับหลังหันอยากเดินออกไป หลี่ยวี่รีบเดินตามมา หัวเราะแล้วพูดว่า “แม่นางลู่ บังเอิญจังเลยนะ”

“เหอะ……” ลู่ม่านแสยะยิ้มเย็นชา “เป็นถึงคุณชายรองแห่งจวนอ๋องหนิง หัดทำเรื่องต่ำช้าแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

“แม่นางลู่ก็พูดเกินไป ข้ากับเจ้ามาเจอกันที่นี่เหตุใดถึงไม่บอกว่าเป็นพรหมลิขิตเล่า?”

พรหมลิขิตบ้านแกสิ! ลู่ม่านด่าในใจ แล้วถึงพูดว่า “ข้าไม่คิดเช่นนั้นนะ”

“ไม่เป็นไร” หลี่ยวี่ไม่โกรธเลย แต่กลับพูดออกไปตามตรงว่าสนใจในตัวลู่ม่าน “ข้าชอบนิสัยที่ตรงไปตรงมาของแม่นางลู่นะ”

ลู่ม่าน “……” โรคจิต!

“ข้ามีสามีแล้ว” ลู่ม่านพูดอย่างเย็นชา

“แล้วยังไง? ขอแค่ข้าชอบเจ้า เจ้าก็ชอบข้า ก็ไม่มีปัญหาแล้ว”

ความใจกว้างของยุคก่อนราชวงศ์ถังคล้ายๆกับยุคราชวงศ์ถังในประวัติศาสตร์เลย ที่นี่แทบจะไม่มีเรื่องที่แม่หม้ายจะแต่งงานใหม่ไม่ได้เลย ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอย่างลู่ม่าน คนอื่นๆก็เข้ามาชอบได้

“ข้าไม่ชอบเจ้า!” ลู่ม่านตอบไปตามตรง

“ไม่เป็นไร ขอแค่พวกเรามาหากันบ่อยๆ เจ้าจะต้องชอบข้าแน่นอน ที่ตรงนี้ต่อไปจะกลายเป็นที่ประจำที่พวกเรานัดเจอกัน บรรยากาศเงียบสงบและสวยงามมาก เหมาะเป็นสถานที่นัดเจอกันเลย” หลี่ยวี่พูดแล้ว ก็เดินเข้ามาใกล้ลู่ม่าน

ลู่ม่านขมวดคิ้ว หลี่ยวี่เป็นคนนอก ทำไมถึงรู้ว่าที่นี่เป็นที่ประจำของนางกับเฉินจื่ออาน? ลู่ม่านคิดไปคิดมา มีแค่คนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือเฉินหลิ่วเอ๋อ

บังเอิญมีลมพัดมาพอดี ใบไม้ด้านหลังขยับเล็กน้อย ลู่ม่านเห็นมีคนใส่ชุดสีชมพูหลบอยู่หลังต้นไม้ไม่ไกลมาก

เฉินหลิ่วเอ๋อ? เป็นนางจริงๆด้วย! ลู่ม่านกัดฟัน คิดได้วิธีหนึ่ง แล้วตั้งใจพูดไปว่า

“ข้ามาเจอกันเจ้าแล้วจะมีประโยชน์อะไร? สุดท้ายข้าก็แค่ของเล่นของเจ้าเท่านั้น!”

น้ำเสียงของลู่ม่าน ทำให้หลี่ยวี่รู้สึกได้ถึงความหวัง เขาก็พูดเสียงอ่อนทันที “ไม่ใช่แบบนั้นนะ เจ้าจะเทียบกับผู้หญิงพวกนั้นได้ยังไง? ผู้หญิงพวกนั้นเป็นแค่แจกัน ไม่รู้เรื่องอะไรเลย บ้างก็คิดถึงแต่ตำแหน่งของข้า บ้างก็อยากได้เงินของข้า แต่เจ้าไม่เหมือนกัน……”

“ข้าไม่เหมือนตรงไหน?” ลู่ม่านแสยะยิ้มเย็นชา สายตาเหลือบไปมองร่างชมพูนั้นที่กำลังตัวสั่นเทาเพราะโกรธเคืองและผิดหวัง

“เจ้าไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เจ้าฉลาดเป็นกรด และยังช่วยผู้ชายของเจ้าได้ ข้าจะไม่ชอบเจ้าได้ยังไงกัน?” เงียบสักพัก เขาก็พูดสัญญาต่อว่า “จวนอ๋องหนิงยังขาดคุณนายรอง ถ้าเจ้าอยากเป็น ข้าสามารถยกเกี้ยวขบวนขันหมากพร้อมสินสอดมาสู่ขอเจ้า……”

เขายังหลงในคำสัญญาที่ใจกล้าของตัวเองเลย รู้สึกว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนที่สามารถปฏิเสธคำสัญญาแบบนี้ได้

หลี่ยวี่เดินเข้าไปตรงหน้า คว้ามือของลู่ม่านไว้หมับ ลู่ม่านรีบถอยหลังออกไป แล้วจับไหล่ของหลี่ยวี่ไว้ บิดมือของเขากลับ เสียงดังแกร็บ หลี่ยวี่สูดหายใจเข้าลึกๆ แต่ใบหน้าก็ยังคงรอยยิ้มเยาะเย้ยอยู่

“แม่นางใจร้ายจริงๆเลย!” ยังพูดไม่ทันจบ ลู่ม่านก็บิดแรงกว่าเดิม!

“เจ็บๆๆ……” ลู่ม่านเคยเรียนเทควันโดมา แต่หลี่ยวี่เป็นผู้ชายที่มั่วโลกีย์ปล่อยเนื้อปล่อยตัวมากและอ่อนแอมากจริงๆ ถูกลู่ม่านบิดและลากแค่นี้ ถึงจะใจกล้าแค่ไหนก็ต้องยอมสยบแต่โดยดี

แต่วันนี้ เพื่อที่จะได้เจอกับนาง เขาไม่ได้เอาผู้อารักขามาด้วย

“คุณชายหลี่ ยังอยากชอบข้าอยู่ไหม?” ลู่ม่านใช้แรงบิดแขนของหลี่ยวี่ แล้วถามด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย

“ไม่แล้ว ไม่กล้าแล้ว” หลี่ยวี่รีบปัดมือปฏิเสธ “ถ้าแม่นางมีธุระ ก็กลับไปก่อนเถอะ”

“งั้นข้าขอตัว!” ลู่ม่านพูดจบ ก็สะบัดหลี่ยวี่ออกไป แล้วรีบออกจากเหตุการณ์โดยเร็ว แต่นางยังไม่กลับไปและหลบอยู่ตรงหลุมข้างล่าง

ตรงนี้คือหลุมที่เฉินจื่ออานขุดออกมาเพื่อซ่อนสัตว์ที่ล่ามาได้ก่อนหน้านั้น ไม่ลึกมาก และรอบข้างก็ยังมีใบไม้ปิดด้วย ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีใครเห็น

เพิ่งซ่อนตัวเสร็จ เฉินหลิ่วเอ๋อก็เดินออกมาจากด้านหลัง มองดูหลี่ยวี่ด้วยแววตาที่เปล่งประกาย

“คุณชายหลี่ เมื่อครู่ที่ท่านพูดมาเป็นเรื่องจริงเหรอ?”

ถ้าเป็นปกติ หลี่ยวี่ยังพอมีความอดทนพูดหยอดเฉินหลิ่วเอ๋ออยู่บ้าง แต่ถึงเวลานี้แล้ว เมื่อกี้ยังถูกลู่ม่านบิดแขนจนแทบหักอีก เนื้อยังไม่ได้กินเลย หลี่ยวี่ยังจะมีเวลามาพูดออเซาะกับเฉินหลิ่วเอ๋ออีกเหรอ?

เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “จริงแล้วยังไง?”

เฉินหลิ่วเอ๋อรับไม่ได้ทันที ผู้หญิงที่อยู่ในความรักล้วนตาบอดกันทั้งนั้น มักจะคิดว่า ผู้ชายที่พูดจาหวานแหววจะรักตัวเองตลอดไป “เมื่อวันก่อนท่านยังบอกว่าจะมาสู่ขอข้าอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนแล้วล่ะ”

เสียงโวยวายของนางทำเอาหลี่ยวี่รำคาญ โดยเฉพาะตอนนี้เขาอยากไป แต่เฉินหลิ่วเอ๋อกลับดึงแขนของเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

เสียงเพี๊ยะดังขึ้น! หลี่ยวี่ตบหน้าเฉินหลิ่วเอ๋ออย่างแรง

เฉินหลิ่วเอ๋ออึ้งไปชั่วขณะ นางไม่อยากจะเชื่อว่าชายหนุ่มที่ดูอ่อนโยนและมีมารยาทตรงหน้า บอกว่าขอแค่นางเอาสูตรการทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาให้เขาได้ เขาก็จะแต่งงานกับนาง และจะไม่ตบตีนาง

“หลี่ยวี่!” เฉินหลิ่วเอ๋อกรีดร้องออกมา

เสียงตบ ‘เพี๊ยะ’ ดังขึ้นอีกครั้ง หลี่ยวี่กัดฟันมองค้อนนาง “ใครอนุญาตให้เจ้าเรียกชื่อจริงข้ากัน” พูดจบ เขาก็แสยะยิ้มเย็นชา “ไว้หน้าเจ้านิดหน่อย คิดว่าเป็นอะไรกับข้างั้นเรอะ? อย่าสำคัญตัวเองผิดไปหน่อยเลย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน