ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 160

เฉินจื่ออานขมวดคิ้ว “พื้นสะอาดมากแล้ว”

เฉินหลี่ซื่อก็รู้สึกว่าสะอาดแล้วเหมือนกัน เมื่อก่อนตอนอยู่บ้าน นางก็สั่งพวกลูกสะใภ้ทำตลอด ยังไม่เคยสะอาดเท่าสองคนนี้ทำเลย

นางแค่อยากใช้โอกาสนี้ ใช้อำนาจของฮูหยินใหญ่เท่านั้นเอง

แต่ว่า สั่งการตั้งแต่เช้าแล้ว แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ เฉินหลี่ซื่อก็ถึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “จื่ออาน เจ้าตื่นแล้วเหรอ”

“อืม!” เฉินจื่ออานตอบเสียงเรียบ แล้วพูดว่า “ท่านแม่มาแต่เช้ามีเรื่องอันใดหรือ?”

ไม่ถามยังจะดีหน่อย พอได้ถามแล้ว เฉินหลี่ซื่อก็ร้องห่มร้องไห้ขึ้นมาทันที

“จื่ออาน ครั้งนี้เจ้าต้องให้แม่ค้างที่นี่นะ”

เฉินจื่ออานขมวดคิ้ว เดิมทีเขาก็แค่รู้สึกผิดหวังต่อเฉินหลี่ซื่อก็เท่านั้น แต่เมื่อวานพอได้รู้เรื่องที่เฉินหลี่ซื่อขายเถาฮัวให้คนอื่น ในใจของเขาก็รู้สึกสับสนไปหมด ตอนนี้เขารู้สึกโกรธและโทษเฉินหลี่ซื่อมากกว่า

ดังนั้น พอเห็นนางร้องไห้ เขาก็ไม่ได้รู้สึกเห็นใจอะไรมาก

“ทำไมเหรอ?” เฉินจื่ออานถามเสียงเรียบ

“พ่อเจ้าน่ะสิ ตาแก่นั่น เมื่อวานหลังจากที่เจ้าไปแล้ว เขาก็เอาแต่ดุด่าข้า บอกว่าจะไล่ข้าออกจากบ้าน แต่ข้าก็ทำเพื่อครอบครัวนี้นี่? คนนั้นก็ลูก คนนี้ก็ลูก จะตัดออกไปได้อย่างไร พวกเจ้าเป็นลูกของข้า ข้าแก่แล้ว จะไปนอนตามถนนก็คงไม่ได้?”

เฉินจื่ออานเย็นวาบไปทั่วหัวใจ เขาแสยะยิ้มอย่างขมขื่น “ท่านแม่ เถาฮัวหายไปไหนแล้ว?”

ตอนแรกเขาว่าจะไม่ถามแล้ว แต่การแสดงของเฉินหลี่ซื่อทำให้เขารู้สึกผิดหวัง ถ้าไม่ถามออกมา เขาคงจะรู้สึกไม่สบายใจ

เฉินหลี่ซื่ออึ้ง สักพักก็ด่าออกมาเสียงดัง “เถาฮัวถูกนังจ้าวซื่อพาไปแล้วน่ะสิ พอถึงเมืองหย่งอาน นางก็หาผู้ชายใหม่ได้ ทำให้พวกเราทั้งบ้านเสียหน้าหมด……”

เฉินจื่ออานขมวดคิ้วแน่น มองดูเฉินหลี่ซื่อตอบอย่างจริงจัง นานมากกว่าจะพูดว่า “เถาฮัวถูกพวกท่านขายไปแล้วใช่หรือไม่?”

เฉินหลี่ซื่อได้ยินแล้วก็ชะงัก ต่อมานางก็นั่งลงไปร้องไห้บนพื้น “ใครมันไร้หัวใจพูดแบบนี้กัน? ยังไงเถาฮัวก็เป็นหลานสาวแท้ๆของข้า ข้าจะทำอย่างงั้นได้ยังไงกัน? จื่ออาน แม่ไม่ได้ทำแบบนั้นนะ!”

เฉินหลี่ซื่อร้องไห้อย่างปวดใจ ในที่สุดเฉินจื่ออานก็รำคาญเสียงร้องไห้ของนาง ยื่นมือลากตัวนางขึ้นมา

“เรื่องนี้ ข้าจะสืบให้ได้ ถึงตอนนั้นค่อยถามเถาฮัวก็รู้เรื่องแล้ว!”

“ถามก็ถามสิ!” เฉินหลี่ซื่อทำท่าไม่กลัว ทำเอาเฉินจื่ออานสงสัยขึ้นมา แต่ตอนนี้เขาจะไม่เชื่อเฉินหลี่ซื่อง่ายๆเด็ดขาด

ลู่ม่านก็เดินออกมาเหมือนกัน เหอเย่วจึงเริ่มจัดโต๊ะ

เฉินหลี่ซื่อไม่เกรงใจเลย อ้อมตัวเฉินจื่ออานแล้วไปนั่งลงบนโต๊ะอาหาร กวักมือเรียกลู่ม่านกับเฉินจื่ออาน “จื่ออาน เสี่ยวม่าน รีบมาชิมเร็ว เมื่อครู่ข้าตั้งใจใช้ยัยหนูตุ๋นเนื้อ จื่ออานตอนเด็กเจ้าชอบกินที่สุดเลยนี่”

ถึงว่า ถึงแท้ก็เป็นเฉินหลี่ซื่อนี่เอง

เวลาแบบนี้ เฉินจื่ออานคงจะไล่เฉินหลี่ซื่อออกไปจริงๆไม่ได้ จึงต้องเดินไปนั่งลงตรงข้ามเฉินหลี่ซื่อ

แต่ว่า เนื้อจานนั้นไม่มีใครกินเลย สุดท้ายก็ตกเข้าท้องของเฉินหลี่ซื่ออยู่ดี

นางกินไปด้วย พลางสั่งเหอเย่วไปด้วย “เจ้าไปห้องข้างๆของจื่ออานพวกเขา แล้วจัดห้องด้วย ข้าจะไปนอนที่นั่น”

ดูท่าแล้ว เมื่อวานไม่ได้สูตรของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป พวกเขาไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ตอนนี้ส่งตัวเฉินหลี่ซื่อมา คงจะอยากขโมยสูตรสินะ?

ไม่สิ น่าจะไม่โง่ขนาดนั้น พวกเขาน่าจะอยากเข้ามาสนิทสนมก่อน คงอยากจะมาง้อขอคืนดีเฉินจื่ออานอีกครั้ง จากนั้นก็ค่อยขอสูตรมาสินะ? ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว

เฉินจื่ออานดูออกว่าเฉินหลี่ซื่อต้องการอะไร ไม่รอลู่ม่านพูด เขาก็พูดก่อนแล้ว

“เสี่ยวเย่ว เจ้าไปทำธุระอื่นก่อนเถอะ!”

“นี่?” เฉินหลี่ซื่อมองเฉินจื่ออานอย่างไม่พอใจ “จื่ออาน เมื่อครู่แม่บอกกับเจ้าแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“กินข้าวเสร็จแล้ว ข้าจะส่งท่านกลับไป!” เฉินจื่ออานพูด

เฉินหลี่ซื่อได้ยินแล้วก็เริ่มโอดครวญอีกครั้ง เฉินจื่ออานขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม “ท่านแม่ หากตอนนี้ท่านคิดจะโวยวายอีก ก็รีบกลับไปเถอะ!”

เฉินหลี่ซื่อจึงเงียบทันที อาหารอร่อยอยู่ตรงหน้า ถึงจะกลับไปก็ต้องกินให้อิ่มก่อนค่อยว่ากันอีกที

อาหารเช้ามื้อนี้ เฉินจื่ออานกับลู่ม่านแทบจะไม่ได้กินเลย อาหารทั้งหมดเข้าท้องของเฉินหลี่ซื่อไปหมดแล้ว

หลังจากกินอิ่มแล้ว เฉินจื่ออานก็ลุกขึ้น “ไปเถอะ!”

เฉินหลี่ซื่อไม่พูดไม่จา เดินตามเฉินจื่ออานออกไปช้าๆ ลู่ม่านคิดว่าเฉินหลี่ซื่อจะอาละวาดในบ้านเสียอีก แต่ไม่คิดว่าครั้งนี้นางจะเชื่อฟังขนาดนี้

ไม่สิ……

ลู่ม่านคิดถึงตรงนี้ ก็ลุกขึ้นเดินตามไป

เห็นว่าเฉินจื่ออานกับเฉินหลี่ซื่อเดินไปถึงหน้าประตูแล้ว ลู่ม่านก็ดูไม่ออกว่ามีที่ไหนผิดปกติ ก็เลยถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ไม่คิดว่า เพิ่งกลับหลังหันไปก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของเฉินหลี่ซื่อ

“จื่ออาน แม่ผิดไปแล้ว เรื่องเมื่อก่อน แม่ผิดเอง เจ้ายกโทษให้แม่ได้หรือไม่?”

ลู่ม่าน “……” มามุกนี้อีกแล้วเรอะ

แต่ครั้งนี้ เฉินหลี่ซื่อฉลาดขึ้น ไม่ได้ต่อว่าคนอื่น แต่เข้ามาก็ขอโทษทันที ตามหลักแล้วคนที่มามุงดูก็จะเห็นใจคนที่อ่อนแอกว่าอยู่แล้ว ไม่นานนางก็ได้รับความเห็นใจจากคนอื่นๆ

บางคนก็เป็นแม่คนเหมือนกัน พวกนางต่างก็เข้ามาพูดเกลี้ยกล่อม

“จื่ออาน เมื่อก่อนแม่เจ้าทำผิดจริง แต่ยังไงนางก็เป็นแม่ของเจ้า เลี้ยงเจ้ามาจนโต……”

“นั่นสิ จื่ออาน ตอนนี้เจ้ามีเงินแล้ว แม่ของเจ้าอยากมานานด้วยก็ควรจะให้นอนสิ”

เฉินจื่ออานขมวดคิ้ว ลู่ม่านเห็นว่าสถานการณ์แย่ลง ตอนนี้พวกนางกำลังอยู่ในขั้นการงานพัฒนาก้าวหน้า ชื่อเสียงสำคัญมากสำหรับพวกเขา

ดวงตากลอกไปมา ลู่ม่านรีบพูดเสียงเบากับเหอเย่ว เหอเย่วก็รีบวิ่งออกไปทันที ไม่นาน เหยาซื่อก็เดินผ่านมา ‘พอดี’ นางเบียดเข้ามาดู

ขณะเดียวกัน เฉินจื่ออานก็ฟังคำเกลี้ยกล่อมของชาวบ้านจนหัวโต สีหน้าก็แย่ลงทุกที

เหยาซื่อเข้ามาก็พูดทันทีว่า “จื่ออาน โรงงานมีคนหาเจ้า”

เฉิจื่ออานอึ้ง รีบพูดว่า “ใครหาข้าเหรอ?”

“เป็น……” เหยาซื่อตั้งใจทำสีหน้าลำบากใจ นานมากกว่าจะพูดว่า “ผู้ใหญ่บ้านเฉียนจากหมู่บ้านข้างๆมาหาน่ะ”

ครั้งก่อนตอนที่เฉินจื่ออานบอกว่าจะออกจากตระกูล เรื่องที่มีผู้ใหญ่บ้านเฉียนจากหมู่บ้านข้างๆจะมาขอตัวเฉินจื่ออานไปอยู่ในหมู่บ้านด้วยกัน คนทั้งหมู่บ้านต่างก็รู้กันทั่ว ตอนนี้พอได้ยินเหยาซื่อพูดแบบนี้ คนที่เกลี้ยกล่อมเฉินจื่ออานให้ยกโทษเฉินหลี่ซื่อ ต่างก็หุบปากไม่กล้าพูดอะไรอีก

ตลกจริง ครั้งก่อนเพื่อจะขอให้เฉินจื่ออานอยู่ต่อ ผู้ใหญ่บ้านกับผู้อาวุโสต่างก็จะไล่เฉินหลี่ซื่อออกจากตระกูล และเฉินจื่ออานอยู่ในหมู่บ้านนี้ก็มีประโยชน์ต่อพวกเขามาก พวกเขาไม่มีทางยอมปล่อยให้เฉินจื่ออานไปหรอก

ไม่นาน คนที่ยังโทษเฉินจื่ออานเมื่อครู่ ต่างก็หันมาเกลี้ยกล่อมเฉินหลี่ซื่อแทน

“จื่ออานมีธุระต้องทำเยอะ เจ้ากลับไปนอนที่บ้านเถอะ เกรงว่านอนที่นี่จะไม่สะดวก”

“นั่นสิ พวกเจ้าแยกบ้านกันแล้ว จื่อฉาย จื่อฟู่ จื่อคังก็ยังอยู่บ้านนี่ ถ้าเจ้ามานอนบ้านจื่ออาน คนอื่นคงจะได้ว่าพวกเขาสามพี่น้องหรอก เดี๋ยวก็ได้คิดว่าพวกเขาไล่เจ้าออกมาหรอก!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน