ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 161

“นั่นสิๆ เรื่องของพวกผู้อาวุโสครั้งก่อนเพิ่งผ่านไปไม่นานเอง ถ้ารู้ว่าพี่มาก่อกวนจื่ออานอีก พวกผู้อาวุโสคงได้มาอีกครั้งแน่……”

คำพูดสุดท้ายทำเอาเฉินหลี่ซื่อตกใจ นางกลัวว่าจะถูกไล่ออกจากตระกูลอีก ถ้ามีเรื่องนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง นางจะเอาหน้าไปไว้ไหนอีก?

นางหุบปากทันที แผนการก่อนหน้านั้นที่คุยไว้กับเฉินจื่อคังพวกเขาก็ยกเลิกแล้ว เฉินหลี่ซื่อรีบลุกขึ้นจากพื้นแล้วหยิบของเดินออกไปเอง

เฉินจื่ออานมองดูขาสั้นๆของเฉินหลี่ซื่อที่วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วจนแทบจะหัวเราะออกมา ไม่จำเป็นต้องรอให้เขาส่งเลยด้วยซ้ำ

พอไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านจนหมด

เฉินจื่ออานก็ถึงมองไปยังเหยาซื่อ “งั้นพวกเราไปกันเถอะ”

เหยาซื่อเม้มปากแอบหัวเราะ “ผู้ใหญ่บ้านเฉียนไม่ได้มาหรอก”

“อะไรนะ?” เฉินจื่ออานมองเหยาซื่ออย่างตกตะลึง “เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่?”

เหอเย่วรีบเดินเข้ามา บอกเรื่องที่ลู่ม่านสั่งให้นางไปทำออกมาทั้งหมด เฉินจื่ออานก็ถึงรู้ว่า ที่แท้แล้วลู่ม่านก็ช่วยเขาไว้นี่เอง แต่ว่า ถึงแม้จะค่อนข้างเจ้าเล่ห์ แต่ก็ทำได้ดีเลยล่ะ

ใครดูไม่ออกบ้างว่า เฉินหลี่ซื่อตั้งใจมาก่อกวน แต่ว่า เขาเป็นลูกชาย จะไล่แม่ตัวเองก็ไม่ได้ ไม่งั้นคนอื่นจะหาว่าเขาอกตัญญูอีก

หลังจากนั้น เฉินหลี่ซื่อก็ไม่เคยมาก่อกวนอีกเลย ตาแก่เฉินใช้เวลาว่างเดินมาหาพวกเขา เดินไปมาอยู่หน้าประตู แต่ก็ไม่ได้เดินเข้ามา แล้วยืนคุยกับเฉินจื่ออานหน้าประตู

ส่วนใหญ่ที่พูดก็คือเฉินหลี่ซื่อทำอะไรไม่คิด บอกให้เฉินจื่ออานอย่าเก็บไปใส่ใจเลย

ตาแก่เฉินในตอนนี้ ตอนที่พูดกับเฉินจื่ออาน ก็จะมีความเกรงใจและระมัดระวังขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้เฉินจื่ออานรู้สึกไม่สบายใจ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะเตือนยังไงดี

แต่พอคุยกับเหอซาน ตาแก่เฉินกลับถนัดมาก ต่อมา ทุกครั้งที่เฉินจื่ออานเห็นตาแก่เฉินมา พอพูดเรื่องสำคัญเสร็จ ก็จะให้เขาคุยกับเหอซานต่อไป

เหอซานเป็นผู้ชายชาวนาที่ชอบทำไร่ทำนาอยู่แล้ว เมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านเกิด เขาไม่มีแปลงที่นาให้เพาะปลูก บางทีกว่าจะได้แปลงที่นามาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะมีคนนอกเข้ามาก่อกวน จึงทำให้ทุกอย่างเสียหายทั้งหมด

ดังนั้น พอเห็นเฉินจื่ออานพวกเขามีแปลงที่นาเยอะขนาดนี้ เขาก็รู้สึกอิจฉามาก

ตอนที่พูดเรื่องทำนากับตาแก่เฉิน ก็ดูตื่นเต้นและแววตาเปล่งประกาย

ตาแก่เฉินชอบเหอซานมาก บางทีก็จะพาเหอซานไปทำนาและคอยสอนวิธีการทำนาให้เขา เรื่องนี้ เฉินจื่ออานพวกเขาก็ไม่ได้ห้าม พวกเขามีความสุขก็ดีแล้วล่ะ

ถั่วเหลืองที่ลู่ม่านปลูกไว้ในบ้าน ก็สูงขึ้นแล้วไม่น้อย ตอนนี้เฉินจื่ออานกำลังยุ่งอยู่กับโรงงานและการเรียนของตัวเอง เหอซานจึงเสนอตัวขอปลูกถั่วเหลืองตรงที่ดินสี่ไร่นั้นเอง

ตอนแรกเหอเย่วยังกังวลว่าปู่ตัวเองจะทำไม่ไหว หลังจากที่ทำไม่กี่ครั้ง เหอซานไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกเหนื่อย แต่กลับกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก ดังนั้นทุกคนเลยไม่ได้สนใจอีก ปล่อยให้เขาปลูกไป

เหอซานค่อนข้างเก่งในด้านการทำไร่ทำนา หลังจากที่เขาปลูกพืชลงที่ดินสี่ไร่นั้นเสร็จ ยังดีกว่าไร่ของบางคนในหมู่บ้านเสียอีก แน่นอนว่า นี่เป็นแค่คำพูดหลังๆ

สามวันหลังจากนั้น จวงลี่จ้งทางนั้นก็มีข่าวออกมา สั้นมาก บอกว่าสถานการณ์ตอนนี้ของทางลู่ม่าน เขารู้เรื่องแล้ว จะพยายามจัดกำลังคนให้ออกไปตรวจสอบ จากนั้นก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว

มองดูข้อความสั้นๆนี้ ลู่ม่านหมดคำจะพูด……

ตอนแรกนางคิดว่าจวงลี่จ้งได้รับข่าวแล้วจะรีบคิดหาวิธีนำตัวหลี่ยวี่ แต่ตอนนี้ คงต้องค่อยๆว่ากันอีกทีแล้วล่ะ?

ตกดึก เฉินจื่ออานกับลู่ม่านตรวจสอบโรงงานเสร็จแล้ว ก็สั่งการพวกผู้คุ้มกันที่จวงลี่จ้งส่งมาให้ จากนั้นก็ถึงเดินออกจากโรงงาน

ตอนกลางดึก ประตูบ้านของลู่ม่านถูกคนเคาะเสียงดัง มีคนตะโกนขึ้นด้านนอกว่า “ไม่ได้การแล้ว ไฟไหม้แล้ว!”

ลู่ม่านสะดุ้งขึ้นจากฝัน รีบวิ่งไปทางโรงงาน โรงงานถูกไฟไหม้เป็นจุณ พวกผู้คุ้มกันที่อยู่คุ้มกัน ตอนนี้กำลังยุ่งอยู่กับการดับไฟ

ผู้ดูแลเห็นลู่ม่านมา ก็ร้องไห้ทันที

“แม่นางลู่ ทำอย่างไงดี? ข้าจะบอกกับคุณชายรองยังไงดี”

ลู่ม่านส่ายหน้า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า รีบช่วยกันดับไฟก่อนดีกว่า” ว่าแล้ว นางก็กลับหลังหันไปตักน้ำมาหนึ่งถัง เฉินจื่ออานก็แย่งถังน้ำออกมาจากมือของนาง

“ข้าเอง!”

ผู้ดูแลเห็นแล้วก็ไม่สนใจอะไรอีก ตักน้ำหนึ่งถังแล้วตามไปทันที

ถึงแม้จะช่วยกันดับไฟแล้ว แต่ภายในโรงงานมีแต่ของที่เป็นพวกอาหาร มีน้ำมันไม่น้อย ไฟจึงรุนแรงมากกว่าเดิม

กลัวว่าจะมีคนเป็นอันตราย ลู่ม่านยื่นมือไปห้ามพวกผู้คุ้มกัน “ช่างเถอะ ไม่ได้ดับแล้ว”

“เห้อ!” ถังน้ำในมือของผู้ดูแลตกลงพื้น พวกผู้คุ้มกันข้างๆก็รู้สึกพ่ายแพ้มาก เพราะยังไงพวกเขาก็เป็นคนที่เผชิญความเป็นความตายกับจวงลี่จ้งมา มีอะไรบ้างที่ไม่เคยเจอ แต่กลับรักษาโรงงานไว้ไม่ได้

หญ้าด้านหลังมีเสียงร้องไห้ดังขึ้น คนที่อยู่ไกลตรงนั้นก็ไหวพริบเร็ว รีบกลับหลังหันไปจับคนด้านหลังไว้

คนที่ปรากฏขึ้นกลับเป็นเฉินหลิ่วเอ๋อ เฉินจื่ออานขมวดคิ้ว “หลิ่วเอ๋อ เจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”

เฉินหลิ่วเอ๋อส่ายหน้า พยายามหลบสายตา “เจ้ามาขโมยของเหรอ?” ลู่ม่านถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ข้า……ไม่ได้ทำนะ……” เฉินหลิ่วเอ๋อปฏิเสธ แต่คำพูดที่พูดออกมานั้นกลับมีความลังเล

“แล้วทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้? เจ้าเป็นคนวางเพลิงใช่หรือไม่?” ลู่ม่านมองออกว่าเฉินหลิ่วเอ๋อกลัวมาก จึงตั้งใจพูดเสียงดังเพื่อทำให้นางตกใจ “ถ้าเจ้าไม่พูดอีก ข้าจะไปแจ้งความเดี๋ยวนี้เลย!”

“พี่สาม!” ทันใดนั้นเฉินหลิ่วเอ๋อก็กรีดร้องออกมา สายตาจ้องเขม็งไปยังไฟตรงหน้า “พี่สี่ยังอยู่ในนั้น”

เฉินจื่ออานอึ้ง “เจ้าว่าอะไรนะ? จื่อคัง?”

“พี่สี่ยังไม่ออกมาเลย……” เฉินหลิ่วเอ๋อพูดแต่คำนี้ ลู่ม่านไม่อยากจะเชื่อเลย เฉินจื่อคังบ้าไปแล้วหรือไง เขาบอกตลอดไม่ใช่เหรอว่าตัวเองมีการศึกษา? ตอนนี้เรื่องลักเล็กขโมยน้อยก็ยังทำออกมาได้แล้วเหรอ?

กำลังคิดอยู่นั้น เฉินจื่ออานที่อยู่ด้านหลังก็รีบเอาน้ำในถังราดไปบนร่างกายของตัวเอง

“จื่ออาน เจ้าจะทำอะไรน่ะ?” ลู่ม่านถามเสียงแหบ

“ช่วยคน!” เฉินจื่ออานพูดเร็วมาก

“จื่ออาน ไฟแรงเกินไป เฉินจื่อคังอาจจะ……” ลู่ม่านลากตัวเฉินจื่ออานเอาไว้ไม่ยอมปล่อย และไม่ได้พูดต่อไปอีก คนอื่นๆก็คิดแบบนี้เหมือนกัน นานมากก็ยังไม่มีเสียงร้องของเฉินจื่อคังเลย คงจะช่วยไม่ได้แล้วล่ะ

เฉินจื่ออานผลักลู่ม่านออก “เสี่ยวม่าน นั่นเป็นชีวิตของคนคนหนึ่งเชียวนะ……”

“แต่ว่า เจ้าก็มีเลือดมีเนื้อเหมือนกันนี่!” ลู่ม่านตะคอก “ไฟแรงขนาดนั้น ถ้าเจ้าตายไป เจ้าเคยคิดถึงข้าบ้างไหม?”

“เพราะมีเจ้าอยู่ทั้งคน ข้าจะไม่ตายแน่นอน!” เฉินจื่ออานพูดจบ ก็ส่งซิกทางสายตาให้คนด้านหลังจับตัวลู่ม่านออกไป ผู้ดูแลก็อยากให้เฉินจื่อคังถูกจับไว้เช่นกัน

เพราะยังไง ถ้าเฉินจื่อคังถูกจับ เรื่องนี้จะได้รายงานได้

ดังนั้น หลังจากที่เฉินจื่ออานส่งซิกแล้ว ก็มีคนเข้าไปจับตัวลู่ม่านออกมา เฉินจื่ออานใช้โอกาสนี้ คลุมผ้าเปียกพุ่งเข้าไปในกองไฟ

ด้านหลังของเฉินจื่ออานมีพวกผู้คุ้มกัน ต่างก็คลุมผ้าเปียกพุ่งเข้าไปเหมือนกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน