“นั่นสิๆ เรื่องของพวกผู้อาวุโสครั้งก่อนเพิ่งผ่านไปไม่นานเอง ถ้ารู้ว่าพี่มาก่อกวนจื่ออานอีก พวกผู้อาวุโสคงได้มาอีกครั้งแน่……”
คำพูดสุดท้ายทำเอาเฉินหลี่ซื่อตกใจ นางกลัวว่าจะถูกไล่ออกจากตระกูลอีก ถ้ามีเรื่องนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง นางจะเอาหน้าไปไว้ไหนอีก?
นางหุบปากทันที แผนการก่อนหน้านั้นที่คุยไว้กับเฉินจื่อคังพวกเขาก็ยกเลิกแล้ว เฉินหลี่ซื่อรีบลุกขึ้นจากพื้นแล้วหยิบของเดินออกไปเอง
เฉินจื่ออานมองดูขาสั้นๆของเฉินหลี่ซื่อที่วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วจนแทบจะหัวเราะออกมา ไม่จำเป็นต้องรอให้เขาส่งเลยด้วยซ้ำ
พอไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านจนหมด
เฉินจื่ออานก็ถึงมองไปยังเหยาซื่อ “งั้นพวกเราไปกันเถอะ”
เหยาซื่อเม้มปากแอบหัวเราะ “ผู้ใหญ่บ้านเฉียนไม่ได้มาหรอก”
“อะไรนะ?” เฉินจื่ออานมองเหยาซื่ออย่างตกตะลึง “เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่?”
เหอเย่วรีบเดินเข้ามา บอกเรื่องที่ลู่ม่านสั่งให้นางไปทำออกมาทั้งหมด เฉินจื่ออานก็ถึงรู้ว่า ที่แท้แล้วลู่ม่านก็ช่วยเขาไว้นี่เอง แต่ว่า ถึงแม้จะค่อนข้างเจ้าเล่ห์ แต่ก็ทำได้ดีเลยล่ะ
ใครดูไม่ออกบ้างว่า เฉินหลี่ซื่อตั้งใจมาก่อกวน แต่ว่า เขาเป็นลูกชาย จะไล่แม่ตัวเองก็ไม่ได้ ไม่งั้นคนอื่นจะหาว่าเขาอกตัญญูอีก
หลังจากนั้น เฉินหลี่ซื่อก็ไม่เคยมาก่อกวนอีกเลย ตาแก่เฉินใช้เวลาว่างเดินมาหาพวกเขา เดินไปมาอยู่หน้าประตู แต่ก็ไม่ได้เดินเข้ามา แล้วยืนคุยกับเฉินจื่ออานหน้าประตู
ส่วนใหญ่ที่พูดก็คือเฉินหลี่ซื่อทำอะไรไม่คิด บอกให้เฉินจื่ออานอย่าเก็บไปใส่ใจเลย
ตาแก่เฉินในตอนนี้ ตอนที่พูดกับเฉินจื่ออาน ก็จะมีความเกรงใจและระมัดระวังขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้เฉินจื่ออานรู้สึกไม่สบายใจ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะเตือนยังไงดี
แต่พอคุยกับเหอซาน ตาแก่เฉินกลับถนัดมาก ต่อมา ทุกครั้งที่เฉินจื่ออานเห็นตาแก่เฉินมา พอพูดเรื่องสำคัญเสร็จ ก็จะให้เขาคุยกับเหอซานต่อไป
เหอซานเป็นผู้ชายชาวนาที่ชอบทำไร่ทำนาอยู่แล้ว เมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านเกิด เขาไม่มีแปลงที่นาให้เพาะปลูก บางทีกว่าจะได้แปลงที่นามาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะมีคนนอกเข้ามาก่อกวน จึงทำให้ทุกอย่างเสียหายทั้งหมด
ดังนั้น พอเห็นเฉินจื่ออานพวกเขามีแปลงที่นาเยอะขนาดนี้ เขาก็รู้สึกอิจฉามาก
ตอนที่พูดเรื่องทำนากับตาแก่เฉิน ก็ดูตื่นเต้นและแววตาเปล่งประกาย
ตาแก่เฉินชอบเหอซานมาก บางทีก็จะพาเหอซานไปทำนาและคอยสอนวิธีการทำนาให้เขา เรื่องนี้ เฉินจื่ออานพวกเขาก็ไม่ได้ห้าม พวกเขามีความสุขก็ดีแล้วล่ะ
ถั่วเหลืองที่ลู่ม่านปลูกไว้ในบ้าน ก็สูงขึ้นแล้วไม่น้อย ตอนนี้เฉินจื่ออานกำลังยุ่งอยู่กับโรงงานและการเรียนของตัวเอง เหอซานจึงเสนอตัวขอปลูกถั่วเหลืองตรงที่ดินสี่ไร่นั้นเอง
ตอนแรกเหอเย่วยังกังวลว่าปู่ตัวเองจะทำไม่ไหว หลังจากที่ทำไม่กี่ครั้ง เหอซานไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกเหนื่อย แต่กลับกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก ดังนั้นทุกคนเลยไม่ได้สนใจอีก ปล่อยให้เขาปลูกไป
เหอซานค่อนข้างเก่งในด้านการทำไร่ทำนา หลังจากที่เขาปลูกพืชลงที่ดินสี่ไร่นั้นเสร็จ ยังดีกว่าไร่ของบางคนในหมู่บ้านเสียอีก แน่นอนว่า นี่เป็นแค่คำพูดหลังๆ
สามวันหลังจากนั้น จวงลี่จ้งทางนั้นก็มีข่าวออกมา สั้นมาก บอกว่าสถานการณ์ตอนนี้ของทางลู่ม่าน เขารู้เรื่องแล้ว จะพยายามจัดกำลังคนให้ออกไปตรวจสอบ จากนั้นก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว
มองดูข้อความสั้นๆนี้ ลู่ม่านหมดคำจะพูด……
ตอนแรกนางคิดว่าจวงลี่จ้งได้รับข่าวแล้วจะรีบคิดหาวิธีนำตัวหลี่ยวี่ แต่ตอนนี้ คงต้องค่อยๆว่ากันอีกทีแล้วล่ะ?
ตกดึก เฉินจื่ออานกับลู่ม่านตรวจสอบโรงงานเสร็จแล้ว ก็สั่งการพวกผู้คุ้มกันที่จวงลี่จ้งส่งมาให้ จากนั้นก็ถึงเดินออกจากโรงงาน
ตอนกลางดึก ประตูบ้านของลู่ม่านถูกคนเคาะเสียงดัง มีคนตะโกนขึ้นด้านนอกว่า “ไม่ได้การแล้ว ไฟไหม้แล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เป็นพอ.ที่กลับกรอก เป็นที่พึ่งไม่ได้เลย ยอกจะออกจากครอบครัวเลวๆนี่ไม่จริงอีก ภาระของนางเอก ถ่วงแข้งถ่วงขาจริงๆ...
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...