ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 167

ไม่รู้ว่าพวกเขาพูดอะไรกับเฉินหลี่ซื่อและเฉินหลิ่วเอ๋อ หลังจากที่ทั้งสองคนออกมาก็เงียบลงไปเยอะมาก

เฉินจื่ออานมองเฉินหลี่ซื่อ เห็นสายตาของนางเหม่อลอย เฉินจื่ออานขมวดคิ้ว ลูกน้องของอ๋องหนิงก็พูดว่า

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ทำตามที่อ๋องหนิงบอกก็พอ ให้พวกนางหุบปากไว้หน่อย ส่วนพวกเจ้า ท่านอ๋องหนิงบอกแล้วว่า ไม่ต้องแล้ว”

เฉินจื่ออานได้ยินแล้ว ก็จับมือลู่ม่านไว้แน่น เขาโน้มตัวลงไปประคองเฉินหลี่ซื่อ แล้วเดินขึ้นรถเกวียน

ตลอดทาง เฉินหลี่ซื่อกับเฉินหลิ่วเอ๋อเงียบมาก เฉินหลิ่วเอ๋อเหมือนลืมเรื่องที่จะไปหา หลี่ยวี่แล้ว ราวกับว่าไม่เคยมีคนผู้นั้นอยู่เลยในชีวิต

ตอนที่กลับมาถึงป่าไผ่หน้าหมู่บ้าน ฟ้าก็มืดมากแล้ว หนึ่งวันก็ผ่านไปทั้งแบบนี้

เห็นพวกเขากลับมา ตาแก่เฉินก็รีบเดินเข้าไปต้อนรับ พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ใช่ฝีมือของหลิ่วเอ๋อใช่หรือไม่?”

เฉินจื่ออานพยักหน้า ในเมื่อตกลงกับอ๋องหนิงแล้ว เรื่องนี้ก็ให้มันผ่านไปแล้วกัน

ตาแก่เฉินยิ้มอย่างดีใจ จากนั้นเขาก็ร้องไห้ออกมา “จื่อคังของข้า……”

มองตามสายตาของตาแก่เฉิน เฉินจื่ออานก็มองไปยังโรงงานที่ถูกเผาเป็นหน้ากอง เผาตลอดทั้งคืน จนถึงตอนนี้ถึงจะดับลง

ตาแก่เฉินอยากจะพาเฉินหลี่ซื่อกับเฉินหลิ่วเอ๋อกลับบ้าน เฉินหลี่ซื่อไม่ยอม เฉินหลิ่วเอ๋อกลับบ้านไปคนเดียว พวกเขาก็ไม่ไว้ใจอีก รู้สึกว่าทั้งสองเหมือนสติสตังเลื่อนลอยไปแล้ว

สุดท้าย จึงต้องนำทั้งสองไปนั่งข้างๆ

และคนบ้านเฉินก็ถือคบเพลิงเดินเข้าไปในข้างใน เริ่มหาศพของเฉินจื่อคัง

ตามหาตลอดทั้งคืนจนฟ้าเริ่มสว่าง เฉินหลี่ซื่อกรีดร้องออกมาแล้วสลบลงไปยังซากสิ่งก่อสร้าง ทุกคนได้ยินแล้วก็รีบวิ่งมา เห็นผ้ามัดผมของเฉินจื่อคัง

ถูกเผาไปเกือบครึ่ง เหลือแค่เศษเสี้ยวเดียวถูกก้อนอิฐทับไว้ ยังไม่ถูกเผาและติดกับพื้น

ตาแก่เฉินโน้มตัวลงไปเก็บผ้ามัดผม น้ำตาไหลพรากเป็นทาง “ข้าทำบาปทำกรรมอะไรไว้? ทำไมจื่อคังของข้าต้องมาตายอย่างทุกข์ทรมานแบบนี้”

เมื่อก่อน คนที่ตายโหงแบบนี้ ชาวบ้านต่างก็มีความเชื่อว่า ชาติก่อนทำเรื่องไม่ดีมาถึงได้ตายโดยไม่เหลือซากศพแบบนี้ และยังพูดอีกว่า คนที่ตายแบบนี้จะต้องตกนรกหมกไหม้

ดังนั้น ตาแก่เฉินถึงได้ร้องไห้อย่างเจ็บปวดขนาดนี้

เฉินจื่อฟู่กับเฉินจื่อฉายรีบเข้ามาพยุงตัวเฉินหลี่ซื่อขึ้นมา แล้วรีบออกไปเชิญหมอ

ตาแก่เฉินโน้มตัวลงไปก้มเก็บขี้เถ้าทั้งหมดตรงที่เจอผ้ามัดผมลงในโหลที่อยู่ในมือ คิดเสียว่าเป็นขี้เถ้ากระดูกของเฉินจื่อคังแล้วกัน

ตอนที่เฉินจื่ออานอยากเข้าไปช่วย ก็ถูกตาแก่เฉินปฏิเสธ

“จื่อคังต้องมาตายเพราะข้า ชีวิตนี้ข้าไม่ได้สั่งสอนเขาดีๆ ชาติหน้า ถ้ายังมีโอกาสอีก ข้าจะต้องสั่งสอนเขาดีๆแน่……”

ตาแก่เฉินพูด น้ำตาไหลอาบแก้มลงมาไม่หยุด

พระอาทิตย์ขึ้น ตาแก่เฉินก็กอดโหลนั้นเอาไว้แน่น แล้วเดินออกไปช้าๆ เขาเดินหลังค่อมออกไป

บ้านเฉินถูกกระทบอย่างหนัก กลายเป็นจุดวิพากษ์วิจารณ์ของชาวบ้าน สุดท้าย ลู่ม่านพวกเขาแค่บอกกับภายนอกว่า เฉินจื่อคังกับเฉินหลิ่วเอ๋อไปเล่นที่โรงงาน ไม่ระวังทำเทียนตก จึงทำให้เกิดไฟไหม้ขึ้น

ส่วนคนอื่นจะเชื่อหรือไม่ ก็คงต้องแล้วแต่ความคิดใครความคิดมันแล้ว ลู่ม่านไม่มีใจอยากจะช่วยพวกเขาแก้ต่างหรอกนะ

และทางด้านโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ทางอ๋องหนิงก็ให้ความสำคัญมาก และค่าใช้จ่ายทั้งหมดก็มีจวนอ๋องหนิงออก ในตอนที่เฉินหลิ่วเอ๋อพวกเขาถูกปล่อยตัวกลับมาในวันที่สอง ก็ส่งคนมาแล้ว และเลือกที่ใกล้ๆกับโรงงานเดิมที่เคยสร้างไว้ จากนั้นก็เริ่มสร้างโรงงานใหม่

โรงงานเดิม ผู้ใหญ่บ้านส่งแรงงานผู้ชายมาช่วยกันเก็บกวาด หลังจากที่เก็บซากสิ่งก่อสร้างออกไปแล้ว ลู่ม่านก็เริ่มทำการปลูกไม้ไผ่ที่นั่น

วันที่สามของการเริ่มสร้างโรงงาน ลู่ม่านกำลังวุ่นอยู่ในสถานที่ก่อสร้างนั้น ก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้ด้านนอกดังขึ้น ลู่ม่านหยุดลง แล้วเห็นคนของบ้านเสี่ยวเย่ยกโลงศพมากลับมาจากตำบล

ลู่ม่านอึ้ง แล้วยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่

เหยาซื่อเดินเข้ามาจากด้านนอกพอดี นางพูดอย่างเสียดายว่า “เสี่ยวเย่ตายแล้วล่ะ”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” ลู่ม่านถาม

“บอกว่าฆ่าตัวตายน่ะ” เหยาซื่อพูด “ฆ่าตัวตายโดยการชนกำแพงในคุกน่ะ”

“ทำไมถึงได้คิดสั้นถึงเพียงนี้?” ลู่ม่านขมวดคิ้ว ตามหลักแล้ว เรื่องของเฉินหลิ่วเอ๋อยังไม่เป็นไรเลย โทษของเสี่ยวเย่ยังเบากว่าเฉินหลิ่วเอ๋อด้วยซ้ำ ทำไมถึงได้คิดฆ่าตัวตายกันนะ?

“ใครจะรู้ล่ะ ได้ยินว่าผู้ชายที่เข้าไปพร้อมกับเสี่ยวเย่ก็ฆ่าตัวตายเหมือนกัน” เหยาซื่อกระซิบเสียงเบา “ผู้ชายคนนั้นไม่มีคนในบ้านมานำศพกลับไป พ่อแม่ของเสี่ยวเย่ก็รักลูกสาวมาก จึงไปนำตัวกลับมา เตรียมทำพิธีศพน่ะ”

เหยาซื่อด้านหลังพูดอะไร ลู่ม่านไม่ได้ตั้งใจฟัง ทันใดนั้นนางก็คิดได้ว่า ทั้งสองอาจจะถูกฆ่าปิดปากก็ได้

ไม่มีคุณค่าแก่การหลอกใช้แล้ว ก็ต้องฆ่าปิดปากอยู่แล้ว และนางกับเฉินจื่ออานรู้เรื่องที่เกิดขึ้นมากกว่าพวกเขา ถ้าพวกนางไม่มีคุณค่าในการหลอกใช้แล้ว ไม่เพียงแต่เฉินหลิ่วเอ๋อ นางกับเฉินจื่ออานก็อาจจะตายด้วยก็ได้

คิดได้แบบนี้แล้ว ลู่ม่านก็รู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาทันที

ยิ่งเข้าใกล้สังคมชนชั้นสูงมากเท่าไหร่ ลู่ม่านก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวสังคมระบบศักดินาของโบราณมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ถ้าสามารถออกจากสังคมระบบศักดินาได้ กลับไปอยู่ในโลกปัจจุบันก็ดีน่ะสิ

เพราะยังไง เทียบกันแล้ว ที่นั่นก็เป็นที่ที่มนุษย์ได้รับความอิสระทั้งความคิดและวาจา

แต่สุดท้าย ความคิดนี้ก็เป็นเพียงแค่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ลู่ม่านตั้งสติแล้วยิ้มให้กับเหยาซื่อ พยายามเลิกคิดแบบนั้น

สามวันหลังจากนั้น บ้านเฉินก็จัดงานศพให้เฉินจื่อคัง

เพราะเฉินจื่อคังตายโดยไม่เหลือซาก ดังนั้นบ้านเฉินจึงไม่ได้จัดใหญ่มาก แค่จัดพิธีเล็กๆกันในครอบครัว ภายในงานศพ เฉินหลิ่วเอ๋อไม่ได้ปรากฏตัว เฉินหลี่ซื่อก็เริ่มดีขึ้นมากแล้ว

แต่ก็ยังคงเศร้าสลดอยู่ดี นางดูไร้เรี่ยวแรงไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร

บ้านเฉินเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เฉินจื่ออานคงจะแยกตัวออกมาไม่ได้ ดังนั้นเรื่องงานศพของเฉินจื่อคัง มีเฉินจื่ออานและเฉินจื่อฉายจัดการเองทั้งหมด

เฉินจื่อฟู่ก็จะแย่งไปซื้อของตอนที่มีเงิน ตอนที่ไม่มีเงิน ก็บอกว่าตัวเองเหนื่อยไปไม่ไหว อยากอยู่เป็นเพื่อนกับเฉินหลี่ซื่อที่บ้าน

ที่บ้านเกิดเรื่องใหญ่แบบนี้ พวกเขาก็ไม่อยากทะเลาะกับเขา สุดท้าย เงินส่วนใหญ่ก็เป็นเฉินจื่ออานที่เป็นคนออก

มีเพียงเฉินจื่ออานที่พูดว่า “ข้าเป็นพี่ใหญ่ ข้าต้องออกเงินเยอะกว่า”

“ไม่เป็นไร เป็นพี่น้องกันไม่ต้องคิดมากหรอก” เฉินจื่ออานพูดด้วยรอยยิ้ม

แต่เฉินจื่อฉายก็ยังแน่วแน่มากอยู่ดี ถึงแม้เฉินจื่ออานจะบอกว่าไม่ต้อง หลังจากนั้นตอนที่ช่วยเฉินจื่ออานทำงาน เขาก็จะทำงานเยอะกว่าอย่างเงียบๆ

จากนั้น ตอนที่รับเงินค่าจ้าง ก็จะเอาน้อยกว่า ที่เหลือก็คืนให้เฉินจื่ออานไป

เฉินจื่ออานปฏิเสธไม่เป็นผล จึงรับเอาไว้ แต่หลังจากที่เรื่องนี้ผ่านไป มิตรภาพของสองพี่น้องก็ผูกแน่นกันมากขึ้น

คงจะเป็นเพราะว่า ในที่สุดเฉินจื่ออานก็รับรู้ได้ถึงความผูกพันของพี่น้องสักที?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน