ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 168

หลังจากหนึ่งเดือนผ่านไป โรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็สร้างเสร็จแล้ว

เพราะครั้งนี้มีการดูแลจากอ๋องหนิง โรงงานใหม่จึงใหญ่กว่าเก่ามาก และยังผลิตได้เยอะมากขึ้นด้วย

วันที่เปิดกิจการ จวงลี่จ้งก็มาด้วย แน่นอนว่า อ๋องหนิงก็มาด้วยเช่นกัน

แต่ว่า ไม่ประกาศตัวตนให้คนภายนอกรู้ คนอื่นก็คิดว่าเป็นเพื่อนที่จวงลี่จ้งพามาด้วย

เพื่อฉลองการเปิดกิจการโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกครั้ง อ๋องหนิงพวกเขายังเชิญคณะละครในเมืองมาจัดการแสดงในหมู่บ้านด้วย ละครนี้แสดงทั้งวัน จนดึงดูดชาวบ้านจากทุกหมู่บ้านมาที่นี่กันหมด

ผู้ใหญ่บ้านก็ดีอกดีใจ นี่เป็นวันที่คึกคักที่สุดตั้งแต่เขาได้รับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านมา

กำลังยุ่งอยู่นั้น ผู้ดูแลร้านช่ายก็มาหาลู่ม่าน

“แม่นางลู่ ครั้งก่อนเรื่องที่พวกท่านวานให้ข้าตามหาคน ข้าหาเจอแล้วนะ แต่ว่า หนูน้อยคนนั้นไม่ยอมกลับมา”

ลู่ม่านขมวดคิ้ว เถาฮัวเป็นลูกสาวของเฉินจื่อฉาย นางรู้สึกว่าเรื่องนี้ควรจะให้เฉินจื่อฉายรู้ก่อน

ดังนั้น นางรีบขอบคุณผู้ดูแลร้านช่าย จากนั้นก็เชิญเขานั่งแล้วค่อยเดินออกไปหาเฉินจื่ออาน บอกเรื่องนี้กับเขาแล้ว เขาก็รีบไปหาเฉินจื่อฉายทันที

วันนี้มีเรื่องต้องทำเยอะ เฉินจื่อฉายมัวแต่ขนของอยู่ข้างนอก

ผ่านไปสักพัก เขาก็รีบกลับเข้ามา

ดูท่าแล้ว ตอนที่เฉินจื่ออานไป ก็พูดกับเขาทั้งหมดแล้ว ดังนั้น เขาเข้ามาก็รีบวิ่งไปทางผู้ดูแลร้านช่ายทันที จากนั้นก็ทำความเคารพ

“ผู้ดูแลร้านช่าย”

“ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นก็ได้” ผู้ดูแลร้านช่ายรีบลุกขึ้น เขายังจำพี่น้องของบ้านเฉินได้ดี ดังนั้นจึงพูดเตือนว่า “เรื่องนี้พวกเราต้องเข้าไปคุยด้านในไหม?”

ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานเห็นแล้ว ก็รีบหาข้ออ้างพูดว่า “พวกเราออกไปก่อนเถอะ”

พูดจบ ทั้งสองก็ผิดประตูจากนั้นก็ค่อยเดินจากไป

เพิ่งเดินออกมาด้านนอก จวงลี่จ้งก็ส่งข้ารับใช้มา เรียกทั้งสองคนไป เฉินจื่ออานไม่ได้คิดอะไร แต่ลู่ม่านกลับรู้สึกขัดแย้งมาก

นึกถึงการตายของเสี่ยวเย่ ลู่ม่านก็รู้สึกไม่ชอบอ๋องหนิงที่ดูใจดี แต่ความจริงแล้วไม่แน่อาจจะเป็นยมบาลที่ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตาก็ได้

แต่ว่า ในสมัยโบราณ ขุนนางชั้นผู้ใหญ่การจะฆ่าใครก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขาอยู่แล้ว นับประสาอะไรกับชาวบ้านธรรมดาอย่างพวกเขา

ทั้งสองเดินตามข้ารับใช้คนนั้นเข้าไป ด้านในมีจวงลี่จ้งกับอ๋องหนิงสองคนนั่งอยู่ในนั้น ทำความเคารพอ๋องหนิง จากนั้นเขาก็ทำท่าใจดี แล้วพูดว่า “ไม่ต้องเกรงใจหรอก สองท่านเป็นผู้ทำคุณงามความดีไว้นะ”

ลู่ม่านไม่เข้าใจ จวงลี่จ้งก็ถึงพูดว่า “เกรงว่าพวกเขาก็รู้แล้วว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ส่งไปที่ไหนบ้าง ครั้งนี้ ก่อนที่ข้าจะกลับมา ทหารทางเหนือก็กินดีอยู่ดีกันแล้ว ฝ่าบาทท่านดีใจมาก บอกว่าถ้าเอาพื้นที่ทางเหนือมาได้ ก็จะให้รางวัลกับทุกคน”

ทั้งสองพยักหน้า เฉินจื่ออานพูดอย่างถ่อมตัวว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเราหรอก พวกเราเป็นแค่นักธุรกิจธรรมดาเท่านั้นเอง”

“ที่ไหนกัน?” อ๋องหนิงพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าพวกเจ้าเป็นนักธุรกิจธรรมดา งั้นยุคนี้คงจะน่าทึ่งกว่านี้แล้วล่ะ พวกเจ้าทั้งสองก็อย่าถ่อมตัวไปเลย เดี๋ยวรอข้ากลับไปแล้ว ถ้ามีโอกาส ข้าจะขอรางวัลกับฝ่าบาทให้พวกเจ้าเอง”

รางวัลของฝ่าบาท? เฉินจื่ออานเบิกตาโพลง

ลู่ม่านคิดได้อย่างรวดเร็ว รีบลากเฉินจื่ออานคุกเข่าลงขอบคุณ “ขอบพระทัยท่านอ๋องหนิง”

ลู่ม่านคิดแล้วก็ใช่ ตอนนี้พวกเขาเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา ดังนั้นถึงได้ถูกรังแกบ่อยๆ และถ้าเกิดเรื่องอีก อาจจะถูกฆ่าปิดปากก็ได้

แต่ถ้าพวกนางไปแสดงการมีตัวตนต่อหน้าฝ่าบาทได้ล่ะก็ เรื่องก็จะไม่เหมือนเดิมอีก อย่างน้อย ก็ไม่มีใครกล้าฆ่าปิดปากพวกนางง่ายๆ

ไม่ว่ายังไง ก่อนที่เฉินจื่ออานจะสอบได้คะแนนดีๆ จะต้องรับรางวัลเพื่อรักษาชีวิตตัวเองไว้ก่อน

เพื่อแสดงความจริงใจ ลู่ม่านก็คิดรสชาติใหม่ของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ บะหมี่แห้งเผ็ดเปรี้ยว!

ตอนเช้านี้ตื่นขึ้นมา ลู่ม่านเห็นพริกในบ้านเริ่มออกผลกันแล้ว ลู่ม่านดีใจอย่างมาก และทั้งสวนก็มีเยอะมากด้วย

เมื่อก่อนลู่ม่านชอบกินบะหมี่แห้งมาก เพราะเคยทำที่บ้านหลายครั้ง ดังนั้นตอนนี้ก็ใช้โอกาสตอนที่อ๋องหนิงกำลังมีความสุข ลู่ม่านก็พูดถึงรสชาติใหม่ขึ้นมา

ถ้าอ๋องหนิงกินแล้วชอบ ไม่แน่อาจจะโฆษณาได้ทั้งเมืองก็ได้ งั้นในอนาคต นางก็ไม่ต้องกลัวว่าพริกจะสูญพันธุ์แล้ว

“บะหมี่แห้งเผ็ดเปรี้ยว?” คืออะไรกัน? อ๋องหนิงถาม

จวงลี่จ้งสีหน้าซีดเซียวลงทันที “เป็นอาหารที่มีรสชาติเผ็ดใช่หรือไม่?”

“ใช่แล้ว!” ลู่ม่านพูดด้วยรอยยิ้ม

อ๋องหนิงเห็นท่าทีหวาดกลัวของจวงลี่จ้ง ก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที “อาหารสิ่งใดกันจึงทำให้อาจ้งกลัวขนาดนี้? ข้าอยากลองชิมสักครั้งจัง”

จวงลี่จ้งสีหน้าซีดเซียว “ท่านอ๋องหนิงอยากกิน แม่นางลู่ยังไม่รีบไปเตรียมอีก”

ลู่ม่านลากเฉินจื่ออานออกไป ในบ้านยังมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และเครื่องปรุงอยู่

บะหมี่ก็มีขั้นตอนการทำเหมือนกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเลย ดังนั้น ลู่ม่านจึงทำได้อย่างถนัดมือ

หลังจากที่เตรียมแป้งเสร็จแล้ว ก็เริ่มทำซุป ซุปเข้มข้นก็เอาไว้ข้างๆก่อน ลู่ม่านไปเด็ดพริกในสวนกลับมา เพิ่มน้ำส้มสายชูที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ ใส่เข้าไปในซุปเข้มข้น

แล้วคั่วเมล็ดถั่วให้หอมกรอบ จากนั้นก็ใส่ลงไปด้วย

กลิ่นหอมของซอสเผ็ดเปรี้ยวก็อบอวลไปทั่วห้อง สุดท้าย ลู่ม่านก็ต้มบะหมี่จากนั้นก็ใส่เครื่องปรุงลงไปปรุงให้เข้ากัน

หลังจากที่ยกไปเสิร์ฟ นางยังเตรียมน้ำผลไม้ไปให้อย่างใส่ใจด้วย เดิมทีอยากให้อ๋องหนิงชอบ จะได้โฆษณาไปทั่วเมืองได้ ถ้าเขาไม่ชอบ เรื่องนี้ก็คงจบกันน่ะสิ?

เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ลู่ม่านก็ยกอาหารไปเสิร์ฟ

อ๋องหนิงชิมอย่างตื่นเต้น วินาทีต่อมา เขาก็หน้าแดงระเรื่อพูดเสียงแหบว่า “น้ำ……”

ลู่ม่านใจสั่น รีบชี้น้ำตรงหน้าให้กับเขา “นั่นเป็นน้ำผลไม้เจ้าค่ะ”

อ๋องหนิงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น จับแก้วขึ้นมาดื่มทันที หลังจากนั้น ลู่ม่านคิดว่าเขาจะยอมแพ้เสียอีก ไม่คิดว่า เขามองดูจวงลี่จ้งที่กำลังกินอย่างช้าๆ

“อาจ้ง เจ้าไม่ชอบกินไม่ใช่เหรอ?”

“ใครว่าข้าไม่ชอบกินกันเล่า?” จวงลี่จ้งพูดอย่างจริงจัง “พริกนี้ต้องกินช้าๆ ท่านถึงจะรู้สึกได้ถึงรสชาติแท้จริงของมัน เป็นอาหารเรียกน้ำย่อยเหมือนผงเครื่องเทศสิบสามชนิดเลย”

อ๋องหนิงเชื่อคนอื่นง่าย พอได้ยินจวงลี่จ้งพูดแบบนี้ ก็บอกให้ลู่ม่านเตรียมน้ำให้เขาหน่อย ถึงได้เริ่มกินเข้าไปช้าๆ

พอกินไปครึ่งถ้วย อ๋องหนิงก็ยิ้มขึ้นมา “ของสีแดงๆ ยิ่งกินก็ยิ่งได้รสชาติมากยิ่งขึ้น นี่ก็คือพริกใช่หรือไม่?”

“เจ้าค่ะ!” ลู่ม่านพูดแนะนำ “นี่เป็นพริกที่เอามาจากบ้านเกิดของนักธุรกิจชาวต่างชาติที่เป็นเพื่อนร่วมงานที่ทำแยมผลไม้กับทางเรา ข้าชอบนำมาทำอาหารหลากหลายชนิด อร่อยมากเลยเจ้าค่ะ”

“เป็นของที่ใช้ได้เลยทีเดียว!” อ๋องหนิงว่าแล้ว ก็ดื่มน้ำผลไม้ลงไปหลายอึก จบการทดลองชิมในครั้งนี้

ก่อนจะไป เขายังขอลู่ม่านกลับไปหน่อย จากนั้นก็เรียกให้ข้ารับใช้ถามลู่ม่านว่าจะนำมาทำอาหารยังไง ก็ถึงจะกลับไป

ลู่ม่านพวกเขาส่งอ๋องหนิงกลับไปแล้ว ตอนแรกคิดว่าจวงลี่จ้งจะกลับไปด้วย ไม่คิดว่า เขาบอกว่ายังมีธุระอีก ก็เลยตามพวกเขากลับเข้าไปอีกครั้ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน