ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 169

ลู่ม่านคิดว่าเขาจะมีเรื่องจริงๆ ก็เลยตามเข้าไปด้วยกัน

สุดท้ายพอเข้ามา ก็เห็นจวงลี่จ้งสั่งข้ารับใช้ให้ไปเตรียมน้ำ หลังจากที่ดื่มน้ำสองอึกใหญ่แล้ว ใบหน้าแดงระเรื่อของเขาก็ถึงกลับมาเป็นเหมือนเดิม

ลู่ม่านตกตะลึง “คุณชายจวงแพ้เหรอเจ้าคะ?”

ตอนอยู่ในโลกปัจจุบัน ลู่ม่านก็เคยเห็นคนกินพริกแล้วแพ้ แต่ว่า โดยปกติทั่วไป ก็ไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร แค่รอให้อาการเผ็ดหายไปก็พอ

แต่อาหารของจวงลี่จ้งดูจะหนักกว่านั้น……

“ครั้งก่อนเจ้าก็เคยกินพริกไม่ใช่เหรอ? ตอนนั้นก็แพ้เหรอ?” ลู่ม่านถาม

พอพูดจบ ข้ารับใช้ของจวงลี่จ้งก็เอาขวดที่ติดตัวมาด้วยตลอดยื่นให้จวงลี่จ้ง “คุณชาย กินนี่สองเม็ดก่อนขอรับ”

“นี่คือ?” ลู่ม่านถามอย่างสงสัย

ข้ารับใช้อธิบาย “นี่คือยาที่หมอขงจากร้านยาฉืออานให้มา หลังจากที่คุณชายกินพริกแล้วแพ้เมื่อคราวก่อน สามารถลดอาการแพ้ได้”

ลู่ม่าน “……เจ้ารู้ว่าตัวเองจะแพ้งั้นเหรอ?”

“อืม!” จวงลี่จ้งพยักหน้า

“แล้วเจ้ายังจะกินอีก?” ลู่ม่านขมวดคิ้วมองเขา

“เจ้าเตรียมมา ก็หวังอยากให้อ๋องหนิงชื่นชมไม่ใช่เหรอ? ถ้าข้าไม่กิน อ๋องหนิงจะกินได้ยังไง? ถ้าอ๋องหนิงไม่กิน พริกของเจ้าจะดังไปทั่วใต้หล้าได้ยังไง?”

เขาทำแบบนี้เพื่อนางงั้นเหรอ? ลู่ม่านยิ้มอย่างรู้สึกผิด “เจ้าช่วยข้าทำไม?”

จวงลี่จ้งไม่ได้พูดอะไร ลู่ม่านรีบพูดอย่างรีบร้อนว่า “หุ้นส่วนของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะแบ่งให้เจ้าไม่ได้แล้วนะ”

ท่าทางที่ระแวงของนาง ทำเอาจวงลี่จ้งหัวเราะออกมา เพราะความเผ็ดจึงทำให้แสบกระเพาะไปด้วยก็เริ่มหายไปทีละนิด “คนเห็นแก่เงิน!”

ลู่ม่านมองบน “งั้นเจ้าว่ามา? เจ้าอยากได้อะไร ขอแค่พวกเราทำได้ พวกเราก็จะทำให้เจ้า”

จวงลี่จ้งฮุมฮัมสักพัก แล้วพูดว่า “ยังคิดไม่ออก ขอค้างไว้ก่อน รอข้าต้องการให้เจ้าช่วยแล้ว ค่อยมาหาเจ้า”

“ตกลง!” ลู่ม่านพูด

หลังจากคุยกันเสร็จแล้ว จวงลี่จ้งก็กลับไปพักผ่อน ด้านหลังโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่สร้างขึ้นใหม่มีบ้านหลังหนึ่ง เป็นที่พักผ่อนที่คล้ายกับโรงเตี๊ยมที่อยู่ใกล้กับภูเขาแม่น้ำ เหมาะแก่การพักผ่อนอย่างมาก

ลู่ม่านเพิ่งออกมา ก็เห็นเฉินจื่ออานกำลังมองนางด้วยสายตาเป็นห่วง “เป็นยังไงบ้าง? คุณชายจวงเป็นอะไรไปหรือไม่?”

“ไม่เป็นไร!” ลู่ม่านเล่าเรื่องที่จวงลี่จ้งช่วยไว้ออกไป เฉินจื่ออานตกตะลึงอย่างมาก “ครั้งนี้คุณชายจวงช่วยเราไว้ พวกเราจะต้องจดจำไว้ในใจ ต้องหาโอกาสตอบแทนให้ได้”

“อืม!” ลู่ม่านพูดจบ ก็นึกถึงเฉินจื่อฉายขึ้นมา “ทางพี่ใหญ่เป็นยังไงแล้วบ้าง?”

เฉินจื่ออานส่ายหน้า มองไปยังประตูที่ยังคงปิดอยู่บานนั้น

“ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

กำลังพูดอยู่นั้น ประตูก็เปิดออก เฉินจื่อฉายออกมาจากด้านในอย่างเงียบๆ เฉินจื่ออานรีบเดินเข้าไปหาเขา “พี่ใหญ่ เป็นยังไงบ้าง?”

“จื่ออาน!” เฉินจื่อฉายจับแขนของเฉินจื่ออานไว้ “ข้าจะไปเมืองหย่งอาน ไปเอาตัวเถาฮัวกลับมา”

“เถาฮัวตอนนี้นางอยู่ที่ไหน?” เฉินจื่อฉายทำท่าตื่นตระหนกแบบนี้ ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น

“ตอนนี้เถาฮัวนางได้เป็นสาวรับใช้อยู่หอนางโลมในเมืองหย่งอาน” เฉินจื่อฉายดวงตาแดงก่ำ “เถาฮัวก็ไม่เล็กแล้ว ผ่านปีนี้ไปก็จะอายุครบสิบเอ็ดแล้ว”

คำพูดของเฉินจื่อฉาย ทำเอาลู่ม่านกับเฉินจื่ออานหวั่นใจ สาวใช้ทำความสะอาดเรือนในสถานที่แบบนั้นจะถูกสาวใช้ในนั้นเลี้ยงดูละอบรมสั่งสอน พอถึงอายุ โชคชะตาจะเป็นอย่างไร ก็คงไม่ต้องพูดถึงแล้วล่ะ

ยิ่งไปกว่านั้น เถาฮัวไม่ขี้เหร่เสียหน่อย

“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง เรื่องนี้จะยื้อต่อไปไม่ได้แล้ว!” เฉินจื่ออานรีบพูด “วันนี้เก็บข้าวของ ข้าจะไปกับพี่เอง”

เฉินจื่อฉายยังอยากปฏิเสธ แต่เรื่องนี้เรื่องใหญ่ เขาเองก็รู้ว่าความสามารถของตัวเองมีจำกัด หากไปคนเดียวละก็ อาจจะนำตัวเถาฮัวกลับมาไม่ได้

“จื่ออาน พี่ใหญ่ไม่รู้ว่าควรจะขอบใจเจ้ายังไงดี” เฉินจื่อฉายพูด

“พี่ใหญ่ พี่เป็นพี่ชายของข้า ยังจะขอบคุณอะไรอีก?” ว่าแล้ว เฉินจื่ออานก็เห็นว่าวันนี้จัดการโรงงานได้พอประมาณแล้ว จึงหันไปสบตากับลู่ม่าน

ลู่ม่านก็รู้หนักรู้เบา เถาฮัวเป็นแค่เด็กผู้หญิง ถ้าครั้งนี้ช่วยนางไว้ไม่ได้ ชีวิตนี้ของนางคงพังได้เลย ลู่ม่านพยักหน้าแล้วพูดว่า “เจ้าไปเถอะ ที่บ้านยังมีข้าอยู่”

เฉินจื่ออานพยักหน้า แล้วรีบกลับบ้านไปเอาเงิน จากนั้นก็รีบเข้าเมืองกับเฉินจื่อฉายก่อนฟ้ามืด

เรื่องนี้เกิดขึ้นเร็วมาก เฉินจื่อฉายบอกลากับคนบ้านเฉินแล้วก็ออกมาเลย ตอนเช้าวันที่สอง ตาแก่เฉินก็เดินมาหาลู่ม่านคนเดียว

ลู่ม่านกำลังจะออกไป ตอนนี้โรงงานใหญ่ขึ้นเป็นเท่าตัว นางก็ต้องเร่งเรื่องการรับสมัครคนแล้วด้วย

และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแห้งที่กำลังจะขายนี้ ลู่ม่านก็ต้องไปทดลองทำก่อนด้วย

ตาแก่เฉินก็ไม่ได้ลีลา ถามตรงๆเลยว่า “เจ้าใหญ่ไปเมืองหย่งอานทำไมกัน? จะไปตามหาจ้าวซื่อเรอะ?”

ลู่ม่านนึกถึงเรื่องที่ ตาแก่เฉินไม่รู้ว่าเถาฮัวโดนขายไปแล้ว เขายังคิดว่าเถาฮัวหนีตามไปกับจ้าวซื่อ

ลู่ม่านอยากจะพูดอะไรออกมา แต่ตอนนี้บ้านเฉินเกิดเรื่องเยอะมากพอแล้ว และนางเป็นแค่คนนอก จะเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ได้

ดังนั้น สุดท้ายนางก็พูดแค่ว่า “จื่ออานไปกับพี่ใหญ่ด้วย ไม่เกิดเรื่องหรอกเจ้าค่ะ ส่วนเรื่องอื่น ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน รอพี่ใหญ่กลับบ้านแล้ว ถามพี่ใหญ่เดี๋ยวก็คงรู้เอง”

เห็นได้ชัดว่าตาแก่เฉินไม่เชื่อว่าลู่ม่านไม่รู้เรื่องนี้เลย แต่ลู่ม่านไม่พูด เขาก็ทำอะไรไม่ได้ จึงต้องวางความสงสัยในใจลงไป

มีคนเข้ามาเรียกลู่ม่านแล้ว ลู่ม่านพยักหน้า กำลังจะเดินไป ตาแก่เฉินก็พูดขึ้นอีกว่า “ตอนนี้จื่ออานไม่อยู่บ้าน เจ้าคนเดียวก็คงจะยุ่งมาก เรื่องของงานในไร่ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก มีข้ากับเหอซานอยู่ด้วย ข้าจะช่วยพวกเจ้าจัดการเอง”

ก่อนหน้านี้ ตอนที่ลู่ม่านเสนอว่าหว่านกล้า ตาแก่เฉินยังไม่เชื่อใจนางเท่าไหร่ ไม่เพียงแต่ตาแก่เฉินเท่านั้น คนทั้งหมู่บ้านก็ไม่มีใครเชื่อนางเลย

แต่ต้นกล้าของนางดีมาก ในตอนที่ปลูกลงดินวันที่สี่ก็ตั้งขึ้นมาหมดแล้ว ทำเอาคนที่เคยว่านางหน้าแตกทุกคน

หลังจากนั้น ตาแก่เฉินก็เริ่มเชื่อใจในด้านการทำนาของลู่ม่านมากขึ้น

ใกล้ถึงเวลาใส่ปุ๋ยและปล่อยน้ำในนาข้าวแล้ว และทางไร่ถั่วก็ต้องกำจัดวัชพืชด้วย

ลู่ม่านทำคนเดียวไม่ไหวแน่นอน เป็นการยากที่ตาแก่เฉินจะมาช่วยลู่ม่าน นางพยักหน้าแล้วพูดว่า “เจ้าค่ะ ขอบใจท่านพ่อมาก รอจื่ออานกลับมาแล้ว ข้าจะให้เขาไปช่วยพวกท่าน……”

“ไม่ต้องหรอก!” ตาแก่เฉินพูดจบ ก็กลับหลังหันเดินจากไปทันที

ลู่ม่านมองดูแผ่นหลังของเขาสักพัก จากนั้นก็รีบเดินไปทางโรงงานทันที

ทางโรงงาน เมื่อก่อนเรื่องการรับสมัครคนนางก็ไหว้วานเหยาซื่อตลอด เหยาซื่อมีนิสัยตรงไปตรงมา แถมยังมองคนเก่ง ดังนั้นคนที่หามาทุกครั้งก็ใช้ได้ทั้งหมด

ถึงแม้ลู่ม่านจะมีทักษะในด้านนี้เหมือนกัน แต่ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่รับสมัครคน ในใจก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน