ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 170

ยังดีที่ผู้ดูแลกับจวงลี่จ้งยังอยู่ ตอนที่เจอกับปัญหา ก็จะมีคนจัดการให้ วันนี้ก็ถือว่าไม่มีปัญหาอะไรมาก

รับสมัครคนในหมู่บ้านเพิ่ม แน่นอนว่าครั้งนี้ รับสมัครคนนอกหมู่บ้านมาเยอะเหมือนกัน

ต่างก็เป็นคนที่ดูซื่อสัตย์หมด

หลังจากที่จัดการเสร็จแล้ว ลู่ม่านก็เริ่มทำการฝึกอบรมพนักงานใหม่ จากนั้นก็เริ่มวิจัยบะหมี่แห้งของตัวเอง ทำออกมาหลากหลายรสชาติ จากนั้นก็เริ่มทำการผลิตอย่างเป็นทางการ

ทำงานมาสิบกว่าวัน ลู่ม่านก็ได้พักผ่อนสักที

หลังจากทางนี้มั่นคงดีแล้ว จวงลี่จ้งก็กลับไปแล้วเช่นกัน

ลู่ม่านก็หันไปสนใจพริกของตัวเอง ไม่ว่าทางอ๋องหนิงจะสำเร็จไหม แต่ลู่ม่านเองก็จะต้องทำมันแน่นอน กว่าจะปลูกต้นพริกได้สำเร็จ ตอนนี้ใช้โอกาสที่เป็นช่วงฤดูกาลปลูกและมีเมล็ดพืชด้วย จึงอยากจะซื่อที่เพื่อเพาะปลูกพริกโดยเฉพาะ

พูดแล้วก็ลงมือทำทันที เช้าวันต่อมาลู่ม่านก็เดินทางไปยังตำบล

เพราะไม่รู้ว่าซื้อที่ดินต้องไปหาใคร เถ้าแก่จางก็อยู่ในตำบลพอดี ดังนั้นลู่ม่านเลยไปหาเถ้าแก่จางเอง

ไม่เจอกันนาน ตอนนี้เถ้าแก่จางเริ่มเปิดสาขาย่อยแห่งที่สามแล้ว

ตอนที่ลู่ม่านไป เขากำลังจะออกจากบ้าน บอกว่าจะไปอำเภอเฟิงหนาน วางแผนว่าจะเปิดร้านขายของชำที่นั่นอีกร้าน

ได้ยินว่าลู่ม่านจะมาหานายหน้า เถ้าแก่จางก็บอกกับข้ารับใช้ที่รออยู่ด้านนอกทันทีเลยว่า “รอข้าอีกสักสองสามชั่วโมงนะ ข้าไปแล้วจะรีบกลับมา”

ลู่ม่านเกรงใจ “ไม่รู้ว่าวันนี้ท่านมีธุระ ท่านบอกสถานที่กับข้าก็พอ ข้าไปดูเองก็ได้แล้ว”

“จะได้ได้ยังไงกัน?” เถ้าแก่จางแน่วแน่มาก “ถ้าไม่มีแม่นางลู่กับน้องเฉิน ตอนนี้ข้าจะเปิดสาขาย่อยสามได้ยังไง? ไม่แน่ ร้านนั้นอาจจะปิดไปแล้วก็ได้”

เถ้าแก่จางพูดแล้วก็มองไปยังร้านที่อยู่ตรงข้าม ก่อนหน้านี้หลังจากที่เถ้าแก่ซุนถูกจับตัวไป ร้านนั้นก็เปลี่ยนเจ้าของไป

ตอนนี้เพิ่งผ่านไปไม่กี่เดือน ก็เปลี่ยนไปหลายอาชีพแล้ว แต่ทุกร้านที่เปิดก็จะเปิดได้ไม่นาน

ลู่ม่านเห็นแล้วก็ไม่ปฏิเสธอีก ยอมให้เถ้าแก่จางนำทางตัวเองไปหานายหน้า

พอเข้าไป เถ้าแก่จางก็แนะนำลู่ม่านให้พวกเขารู้จัก “แม่นางลู่เป็นผู้มีพระคุณของข้า พื้นที่ไร่นาที่ท่านแนะนำต้องดีหน่อยนะ”

นายหน้าหวังได้ยินแล้วก็พยักหน้า “ได้ยินชื่อแม่นางลู่จากหมู่บ้านไป่ฮัวมานานแล้ว ถึงข้าจะกล้ามากแค่ไหนก็ไม่กล้าหลอกแม่นางลู่หรอก ไม่ทราบว่าแม่นางลู่ต้องการที่ดินแบบไหนหรือ?”

ลู่ม่านคิดแล้วก็พูดว่า “ข้าอยากได้ที่ดิน ที่มีดินที่ค่อนข้างแห้ง ทางที่ดีข้างๆมีแหล่งน้ำด้วย! และใกล้กับหมู่บ้านไป่ฮัวหน่อย”

คำขอแบบนี้ ถือว่าไม่ค่อยสูงมากสำหรับหมู่บ้านไป่ฮัว

นายหน้าหวังหยิบสมุดบนโต๊ะขึ้นมาแล้วตรวจสอบดู จากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พวกท่านมาได้ทันเวลาจริงๆ มีที่ดินแบบนี้อยู่พอดี”

ลู่ม่านดีใจ “อยู่ไหนเหรอ?”

“อยู่ในหมู่บ้านไป่ฮัวก็พวกท่านเลย” นายหน้าหวังพูด “เรื่องนี้พูดทีเดียวไม่ชัดเจนหรอก ให้ข้าพาพวกเจ้าไปดูที่เลยดีกว่า”

“งั้นก็ดีเลย”

ลู่ม่านกลับหลังหันบอกลาเถ้าแก่จาง เพราะซาบซึ้งกับการช่วยเหลือของเถ้าแก่จาง หลังจากที่พูดจบแล้ว ลู่ม่านก็แนะนำให้เถ้าแก่จางคิดชื่อที่เป็นเอกลักษณ์ เพื่อที่จะได้ทำเป็นตราสัญลักษณ์ประจำร้านของตัวเอง

ได้ยินดังนั้น เถ้าแก่จางก็ครุ่นคิด

หลังจากที่บอกลากันแล้ว ลู่ม่านก็ตามนายหน้าหวังกลับมาถึงหมู่บ้านไป่ฮัว แปลงที่ดินที่เขาแนะนำมานั้นบังเอิญอยู่ใกล้กับบ้านของพวกนางพอดี

อยู่ด้านหลังป่าไผ่ที่ลู่ม่านซื้อไว้ ว่ากันว่าเมื่อก่อนเป็นที่ดินของเจ้าของที่ดินท่านหนึ่ง มีประมาณห้าสิบกว่าไร่ได้ เป็นที่ดินลาดชัน

เมื่อก่อนปลูกพวกต้นผลไม้ ต่อมาเพราะมีเหตุผลหลายอย่าง ครอบครัวเจ้าของที่จึงต้องขายไร่ขายนา พื้นที่นี้ก็ถูกขายเหมือนกัน

ลู่ม่านเห็นแล้วก็พึงพอใจอย่างมาก

พื้นที่แปลงนี้อยู่ใกล้กับบ้าน จากนั้นยังเป็นที่ลาดชัน ด้านหลังก็เป็นภูเขา ยังมีแม่น้ำอยู่ด้วย ซึ่งเป็นที่ดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูกอย่างมาก ทุกอย่างสมบูรณ์แบบไปหมด สุดท้ายก็เหลือแต่ราคาแล้ว

ที่ลาดชันราคาจะถูกกว่าพื้นที่ราบมาก บวกกับที่ลู่ม่านเป็นคนที่เถ้าแก่จางแนะนำอีก สุดท้ายก็ซื้อที่ดินห้าสิบไร่นี้ในราคาเงินสองพวง

ราคาเป็นเหมือนอย่างที่ลู่ม่านคาดการณ์เอาไว้ ที่สำคัญคือตำแหน่งดี เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา บ่ายวันนั้นลู่ม่านก็กลับตำบลไปพร้อมกับนายหน้าหวัง จากนั้นก็ไปที่สำนักงานราชการด้วยกัน

คนที่อยู่ด้านในไม่ค่อยสนใจพวกเขาเลย นายหน้าหวังก็รีบควักเงินสิบเหวินออกมาแล้วยื่นให้เขา คนผู้นั้นก็ถึงถามอย่างขี้เกียจว่า “พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

นายหน้าหวังรีบยื่นโฉนดที่ดินออกไป “พวกเรามาซื้อขายที่ดินกัน จะมาทำการโอนย้ายกรรมสิทธิ์กัน”

คนผู้นั้นรับโฉนดที่ดินมาดู พอเห็นว่าเป็นห้าสิบไร่ ก็รีบมองลู่ม่านตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่นาน เขาก็วางของลงแล้วพูดว่า “วันนี้เกรงว่าจะทำไม่ได้!”

นายหน้าหวังก็ปาดเหงื่อ “ทำไมเป็นงั้นล่ะ? ท่านช่วยหน่อยเถอะนะ”

“ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วย วันนี้ใต้เท้ามา ตราประทับถูกเขาเอาไปหมดแล้ว ข้าจะทำอะไรได้?”

ลู่ม่านเห็นแล้วก็แสยะยิ้มเย็นชา เมื่อครู่ตอนที่พวกเขาเข้ามายังเห็นคนเพิ่งทำโฉนดได้อยู่เลย ทำไมพอถึงตานางกลับไม่มีตราประทับแล้วล่ะ?

นายหน้าหวังก็เอาเงินจากออกมาจากกระเป๋าอีกหลายสิบเหวินแล้วยื่นให้เขา “ท่าน ปกติทำงานกันอย่างไร ข้าจะไม่รู้ได้ยังไง? ท่านพูดมาตรงๆเถอะ อย่าหาเรื่องในเวลานี้เลยนะ!”

คนผู้นั้นรับเงินไปแล้วเก็บใส่กระเป๋า จากนั้นก็แสยะยิ้มเย็นชา “เหล่าหวัง เจ้าพูดอะไรกัน? ข้าจะหาเรื่องเจ้าได้ยังไง?”

เขาพูดไปด้วย พลางเหลือบตามองลู่ม่านไปด้วย

ลู่ม่านดูออกแล้วว่า คนผู้นี้เห็นว่านางสามารถซื่อที่ดินห้าสิบไร่ได้ในรวดเดียว ดังนั้นเลยอยากจะเก็บค่าส่วยจากนาง

ปกติลู่ม่านไม่ใช่คนขี้เหนียวอะไร การให้เงินกับคนที่มาช่วยนางทำธุระ นางก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีอยู่แล้ว

แต่คนผู้นี้ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก ลู่ม่านไม่มีทางให้เขาสักแดงเดียวหรอกนะ

นางแสยะยิ้มเย็นชา “นายหน้าหวัง ดูท่าแล้ววันนี้คงจะทำไม่ได้แล้วล่ะ งั้นก็ช่างเถอะ ยังไงข้าก็ไม่รีบซื้อ เรื่องของคุณชายจวงก็ให้คุณชายจวงสั่งให้คนของเขาไปทำเองเถอะ”

คนผู้นั้นได้ยินว่าเป็นคุณชายจวง สีหน้าก็แย่ลงเล็กน้อย แล้วมองไปยังนายหน้าหวัง “ท่านนี้คือ?”

นายหน้าหวังเหงื่อแตกเต็มหน้าผาก ในใจกลับแอบยกนิ้วโป้งให้ลู่ม่าน สมแล้วที่ได้ทำธุรกิจร่วมกับตระกูลจวง ท่าทางที่ดูไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่ง และไม่ถ่อมตัวเกินจนดูต้อยต่ำ

นายหน้าหวังตั้งใจพูดอธิบายอย่างระมัดระวัง “ท่านนี้คือแม่นางลู่จากหมู่บ้านไป่ฮัว……”

“จริงเหรอ?” คนผู้นั้นขมวดคิ้ว

“จริงแท้แน่นอน!” นายหน้าหวังพูดด้วยรอยยิ้ม

“ตายจริง ข้าต้องขออภัยด้วยจริงๆ!” คนผู้นั้นรีบลุกขึ้นมา คำนับลู่ม่านอย่างเคารพ ลู่ม่านก็ไม่คิดว่านางจะมีชื่อเสียงขนาดนี้ จึงอึ้งอยู่กับที่ไม่ชั่วคราว

คนผู้นั้นกลับรีบเอกสารในมือของลู่ม่านไป “แม่นางลู่จะซื้อที่ดิน ข้าจะรีบไปจัดการขอรับ”

เหอเย่วทนดูคนแบบนี้ไม่ไหว จึงพึมพำอย่างโมโหว่า “ไหนเมื่อครู่บอกว่า ตราประทับถูกคนเอาไปหมดแล้วไง?”

“ไอหยา แม่นางท่านนี้อย่าพูดเช่นนี้เลย เมื่อครู่ข้ามีตาหามีแววไม่ ไม่ทราบตัวตนที่แท้จริงของแม่นางลู่ อย่าล้อเลียนข้าเลย!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน