บ่ายวันนั้น คนงานชั่วคราวที่เหยาซื่อแนะนำ ก็มาถึงแล้วทั้งหมด
ส่วนใหญ่จะมาจากหมู่บ้านญาติทางฝั่งของเหยาซื่อ น้องชายของเฉินเหมยเซียงก็มาแล้ว เขาหน้าตาคล้ายเฉินเหมยเซียงมาก มีชื่อว่าเฉินจูชิง
เหมยเซียง (กลิ่นหอมของดอกเหมย) จูชิง (ไผ่งามเขียวขจี) ลู่ม่านกำลังดื่มด่ำกับชื่อของสองพี่น้อง มันมีความหมายงดงามมาก ดูท่าแล้ว พ่อของเฉินเหมยเซียงคงมีการศึกษาอยู่พอตัว
และเป็นไปตามที่นางคาดไว้ พอถามก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เฉินจูชิงติดตามศึกษาเล่าเรียนกับพ่อของเขามาตั้งแต่เด็ก จึงอ่านและเขียนได้ตั้งเเต่เด็ก
ลู่ม่านจึงยกหน้าที่ควบคุมคนงานชั่วคราวให้กับเขา คนงานชั่วคราวกลุ่มนี้มีประมาณสิบกว่าคน เพราะระยะทางอยู่ไกลจากหมู่บ้านของพวกเขา ดังนั้น โดยพื้นฐานแล้วจะต้องอยู่ทำงานจนเสร็จแล้วถึงจะกลับไปได้
เดิมที เหยาซื่อกล่าวว่า คนกลุ่มนั้นจะอาศัยอยู่ในบ้านของนาง แต่ลู่ม่านรู้ว่าที่บ้านของนางไม่มีที่มากพอ แล้วอีกอย่าง คนที่หาคนงานชั่วคราวคือตนเอง
ลู่ม่านจึงสั่งให้เหอเย่วทำความสะอาดเรือนหลังสุดท้ายด้านหลังออกมา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ในบ้านก็ไม่มีคนใช้ และไม่มีใครอยู่ที่นี่ด้วย
เรือนหลังนี้มีประมาณสิบห้อง แต่ละห้องสามารถพักได้หกคน มีเตียงใหญ่ ตู้เสื้อผ้า ครบทุกอย่าง
พอทุกคนเข้ามาก็เห็นเครื่องเรือนที่เป็นระเบียบเรียบร้อยภายใน ดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างเป็นประกาย “นี่มันดีกว่าอยู่ที่บ้านอีกนะเนี่ย”
“ใช่แล้ว เรือนพักดีๆ อย่างนี้ เราต้องรักษาให้ดี อย่าให้สกปรก” เฉินจูชิงกล่าว
กลุ่มคนที่มาล้วนแต่เป็นคนซื่อตรง พอได้ยินอย่างนี้ทุกคนจึงพากันพยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากเก็บของเรียบร้อย ทุกคนก็ไม่คิดจะพักเลย ทุกคนตรงไปที่ทุ่งนาเลย
ที่ดินห้าสิบไร่เชื่อมติดกัน เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีใครจัดการมาหลายปี ดังนั้นในทุ่งนาจึงเต็มไปด้วยวัชพืช ที่เรือนของลู่ม่านมีวัวเพียงตัวเดียวและต้องใช้มันขนส่งด้วย
ลู่ม่านคิดไปคิดมา ลู่ม่านจึงไปซื้อวัวมาอีกตัว จากนั้น ก็ซื้อรถลามาลากของมาอีกคัน!
บนรถลา ลู่ม่านซื้อโครงที่นั่งมาด้วย คล้ายกับรถม้าในยุคนี้ แต่รถลานั้นถูกกว่ารถม้ามาก และหาซื้อได้ไม่ยากเหมือนม้าด้วย
รถลาใช้สำหรับส่งของ โดยที่เกวียนวัวเดิมและเกวียนวัวที่ซื้อมาใหม่นั้น เอาไปใช้สำหรับทำนา
หลังจากจัดการทุกอย่างแล้ว ทุกคนก็เริ่มทำนาตามหน้าที่ทันที
การเคลื่อนไหวของลู่ม่านดังครึกโครมถึงขนาดนี้ ทุกคนในหมู่บ้านจึงรู้ว่าครอบครัวของเฉินจื่ออานซื้อที่ดินเพิ่มอีกแล้ว แต่คราวนี้ กลับไม่เรียกความสนใจเหมือนครั้งก่อน เพราะตอนนี้ทุกคนต่างก็ยอมรับแล้ว ตอนนี้เฉินจื่ออานถือว่าเป็นหนึ่งในคนที่มีหน้ามีตาในหมู่บ้านแล้ว
ดังนั้น ถึงแม้จะซื้อที่ดิน ก็เป็นเรื่องปกติ
แต่ว่าตาแก่เฉิน หลังจากรู้ว่าลู่ม่านซื้อที่ดินใหม่ห้าสิบไร่ ก็รีบมาดูอย่างดีใจ ตอนที่คนงานชั่วคราวกำลังทำงาน เขาก็มาดูด้วยหลายรอบ
พอเริ่มเพาะปลูก ตาแก่เฉินเห็นว่าพวกเขากำลังปลูกสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เขาก็รู้สึกกังวลใจเล็กน้อย
เขารีบไปที่บ้านของลู่ม่าน และเอ่ยถามอย่างอดทน “สิ่งที่เจ้าปลูกลงไปคืออะไร”
ลู่ม่านไม่รู้จะอธิบายอย่างไร นางจึงพาตาแก่เฉินไปที่สวนด้านหลัง พริกในสวนเจริญเติบโตได้ดีมาก รวมถึงช่วงนี้อากาศกำลังดี ทั้งแดงทั้งเขียว ทั้งแหลมทั้งกลม แต่ละเม็ดแขวนอยู่บนต้นพริกเหมือนโคมเล็กๆ
และมีดอกไม้สีขาวที่สวยงามเบ่งบานเต็มต้นอีกด้วย
ตาแก่เฉินมองต้นพริกที่มีพริกเกาะอยู่บนต้นด้วยความประหลาดใจ “นี่ก็คือพริกเหรอ?”
“ใช่แล้ว!” ลู่ม่านพูดยิ้มๆ “สิ่งนี้ในอนาคตจะกลายเป็นเครื่องปรุงรสที่สำคัญมากอย่างแน่นอน”
ตาแก่เฉินอ้าปากค้าง ถึงแม้ความคิดแบบเก่าของเขาจะทำให้เขาไม่ไว้วางใจในสิ่งนี้ แต่พอคิดถึงการถูกทำให้เสียหน้าหลายครั้งก่อนหน้านี้ เขาจึงระงับความสงสัยไว้ในใจ
“ในเมื่อเจ้ามีแผนในใจอยู่แล้ว ก็ดีแล้ว แต่ที่ดินกว้างขนาดนี้ เจ้าคิดจะปลูกพริกนี่… ทั้งหมดเลยหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...
บทที่241-311 หายค่ะ...