ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 174

เฉินหลี่ซื่อรีบกอดเฉินหลิ่วเอ๋อไว้และร้องไห้ออกมาทันที “หลิ่วเอ๋อของแม่ โชคดีที่เจ้าอยู่ที่นี่ด้วย ไม่อย่างนั้น แม่คงถูกรังแกจนตายไปแล้ว!”

เฉินหลิ่วเอ๋อลูบหลังเฉินหลี่ซื่อเบา ๆ และพอเฉินหลี่ซื่อสงบลง นางก็ปล่อยเธอและเดินไปหาเฉินเถาฮัวช้าๆ

ก่อนที่เฉินเถาฮัวจะเตรียมตัวตั้งรับ นางก็ตบหน้าเฉินเถาฮัวไปแล้ว

“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงกล้ารังแกแม่ของข้าได้”

เฉินเถาฮัวถูกตบหน้า ถ้าเป็นเมื่อก่อน นางคงจะตกใจจนร้องไห้ไปแล้ว แต่ตอนนี้เฉินเถาฮัวเปลี่ยนไปแล้ว หลังจากถูกขายไป นางรู้ว่าโลกนี้ไม่มีคนที่ไว้ใจได้ มีเพียงตัวเองเท่านั้นที่จะช่วยตัวเองได้

ดังนั้น วินาทีต่อมา เธอก็กรีดร้อง แล้วพุ่งเข้าไปตบตีกับเฉินหลิ่วเอ๋อทันที

เฉินหลิ่วเอ๋อไม่ยอมด้อยกว่า เด็กสาวทั้งสองก็ตบตีกันเป็นอลวัน

ถึงแม้เฉินหลิาวเอ๋อจะไม่ได้กินอาหารมาหลายวันแล้ว แต่นางก็อายุมากกว่า ส่วนเฉินเถาฮัวถึงแม้จะตัวเล็ก แต่นางก็แรงเยอะมาก ไม่มีใครด้อยไปกว่าใคร แต่ก็ไม่มีใครเอาเปรียบใครได้

พอเห็นว่าทั้งสองคนตบตีกันไม่หยุด เฉินจื่ออานกับเฉินจื่อฉายก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป พวกเขารีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับทั้งสองคนแยกออกจากกัน

ผมของเฉินหลิ่วเอ๋อหลุดลุ่ย และมีรอยเล็บข่วนบนใบหน้าของนาง ส่วนเฉินเถาฮัวก็ไม่ได้ต่างกันมาก ชุดสีแดงที่เพิ่งซื้อมา ได้ถูกฉีกขาดไปแล้ว

เฉินเถาฮัวรู้สึกเสียดายและอยากจะพุ่งไปตบตีกับอีกฝ่ายอีกครั้ง แต่เฉินจื่อฉายรั้งนางไว้ก่อน

“เถาฮัว หยุดอาละวาดได้แล้ว”

“เฉินจื่อฉาย!” เฉินเถาฮัวรู้สึกผิดหวังมากจนแม้แต่พ่อนางก็ไม่อยากเรียกแล้ว “ท่านพาข้ากลับมา ก็เพื่อมาให้คนอื่นรังแกแบบนี้หรือไง แล้วท่านเรียกข้ากลับมาทำไม ถ้าต้องเป็นอย่างนี้ ท่านควรจะปล่อยให้ข้าอยู่ในเมืองหย่งอานต่อ อย่างน้อย ที่นั่นก็ไม่มีคนที่เรียกตัวเองว่าญาติพี่น้อง คนอื่นทำร้ายข้า ข้าก็จะโต้กลับไปเลย”

หัวใจของเฉินจื่อฉายเหมือนถูกมีดกรีดลึก แต่เฉินหลี่ซื่อกลับเอาแต่เป็นห่วงเฉินหลิ่วเอ๋อ และพูดอย่างไม่รักษาความรู้สึกของคนอื่น

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไปสิ ในเมื่อไม่อยากกลับมา เจ้าจะกลับมาอีกทำไม? ทำเหมือนทั้งครอบครัวเป็นหนี้เจ้า ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเรา เจ้าคิดว่าเจ้าคิดว่าเจ้าจะทำอะไรได้?”

เฉินจื่อฉายมองไปทางเฉินหลี่ซื่อด้วยสีหน้าผิดหวัง “ท่านแม่ มาถึงตอนนี้แล้ว ท่านยังพูดแบบนี้อยู่อีกเหรอ!”

“ข้าพูดแบบนี้แล้วมันยังไง?” เฉินหลี่ซื่อโมโหจนขาดสติ “ถ้ายัยเด็กน่าตายคนนี้ไม่กลับมา ครอบครัวของเราจะเป็นแบบนี้ได้ยังไง ถ้าเป็นแบบนี้ ปล่อยให้นางตายในเมืองหย่งอานเลยยังดีกว่า!”

“ท่านแม่!” เฉินจื่อฉายตะโกนเสียงดังและกัดฟันกรอด “ท่านไม่ต้องการลูกชายคนนี้แล้วจริงๆ ใช่ไหม”

เฉินหลี่ซื่อตกตะลึงไปสักพัก นางเคยชินกับการพูดจาทำร้ายจิตใจคนอื่นเช่นนี้ นางไม่มีการศึกษา และไม่เข้าใจการพูดรักษาน้ำใจคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้น นางเกิดมาพร้อมกับความมั่นใจในตัวเอง และไม่เคยมานึกเสียใจกับสิ่งที่นางเคยทำเลย

เช่นเดียวกับตอนนี้ ท่าทางเสียใจของเฉินจื่อฉาย ทำให้เธอรู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อย แต่ไม่นานนางก็กลับมาไม่สนใจตามเดิม

“ทำไม ข้าเป็นแม่ของเจ้า ต่อว่าเจ้าแค่ไม่กี่คำ เจ้าจะทำอะไร เจ้าก็อยากออกไปจากที่นี่ด้วยหรือไง ไปเลย! ออกไปกันให้หมด!”

“ยายแก่!” ตาแก่เฉินหยิบไม้หาบของขึ้นมาและกำลังจะตีอีกครั้ง แต่ก่อนที่ตาแก่เฉินจะตีถูก เฉินหลี่ซื่อก็วิ่งไปด้านหน้าของป้ายวิญญาณของเฉินจื่อคัง ก่อนจะร้องไห้ออกมา

“แม่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไร? ถ้าแม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ แม่ตายตามเจ้าไปยังดีกว่า จื่อคังของแม่ ลูกรักของแม่!”

ตอนที่เฉินหลี่ซื่อเผชิญหน้ากับป้ายวิญญาณของเฉินจื่อคัง นางรู้สึกเสียใจจริงๆ ลูกชายสุดที่รักของนางคนนี้ ต้องเสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่ม ตอนนี้ ลูกชายที่เหลือของนาง คนหนึ่งแยกตัวแยกใจออกไปนานแล้ว

อีกคนในช่วงเวลาวิกฤติก็คิดแต่จะเอาตัวรอดเอง ยังเหลือลูกชายคนโต เดิมทีเป็นลูกที่กตัญญูมาก แต่นางก็ไม่ได้โง่ เพราะนางขายเถาฮัวไป เธอรู้ดีว่าลูกชายคนนี้จะไม่มีวันเกลี้ยกล่อมกลับมาได้แล้ว

จะบอกว่าเสียใจทีหลัง อันที่จริงในยามราตรีที่เงียบสงบ นางคงจะเคยรู้สึกเสียใจบ้าง เดิมที ลูกชายคนโตคนนี้น่าพึ่งพามากที่สุด

แต่ว่า จะมานึกเสียใจทีหลังแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ในตอนนั้น นางเองก็ไม่รู้ว่าจื่อคังจะเป็นเสียชีวิตด้วย

ตาแก่เฉินไม่คำนึงถึงเสียงร้องไห้ของเฉินหลี่ซื่อ เขาหันไปมองเฉินจื่อฉาย “จื่อฉาย แม่ของเจ้าพูดจาเหลวไหล เจ้าอย่าใส่ใจเลย”

“ไม่ ท่านพ่อ!” เฉินจื่อฉายยกยิ้มเศร้า “ท่านพ่อ พวกเราแยกบ้านเถอะ!”

“อะไรนะ?” ตาแก่เฉินตกใจ เมื่อเทียบกับการขอแยกบ้านของเฉินจื่ออาน ครั้งนี้มันน่าตกใจกว่ามาก เพราะว่า เฉินจื่อฉายเป็นลูกชายคนโต ชาวบ้านทั่วไป เคยมีลูกชายคนโตขอแยกบ้านเมื่อไหร่กัน?

“จื่อฉาย พ่อรู้ว่าลูกไม่พอใจมาก เดี๋ยวพ่อจะเกลี้ยกล่อมแม่ของเจ้า จากนี้ไปเราก็ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสงบสุขตามเดิม...”

“ไม่แล้ว ท่านพ่อ! ข้าคิดดีแล้ว” เฉินจื่อฉายพูดอย่างหนักแน่น “แม่ของพวกเขาจากไปแล้ว จากนี้ข้าก็ต้องออกไปทำงานข้างนอก เถาฮัวยังเด็ก ถ้าอยู่บ้านก็จะต้องทะเลาะกับท่านแม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่ๆ ถ้าเป็นอย่างนี้คงจะไม่ดี ดังนั้นข้าคิดว่าแยกกันอยู่ชั่วคราวจะเป็นการดีกว่า ในอนาคตตอนที่ท่านพ่อกับท่านแม่แก่ตัวลง ถ้าต้องการข้า ข้ายินดีมอบเงินเลี้ยงดู!”

ตอนที่ตาแก่เฉินได้ยินแบบนี้ ในใจของเขาก็โศกเศร้าทันที

เขาแค่บอกว่า เขาจะจ่ายเงินเพื่อเลี้ยงดู แต่ไม่ได้บอกว่าเขาเต็มใจที่จะดูแล สุดท้ายแล้วเรื่องนี้ ก็ทำให้ลูกชายเสียใจจนตีตัวออกห่างแล้วสินะ

ตาแก่เฉินกัดฟันกรอดและถลึงตาไปที่เฉินหลี่ซื่อ เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าผู้หญิงคนนี้ จะแอบทำเรื่องที่ผิดต่อมนุษยธรรมแบบนี้

“เจ้าใหญ่ เจ้าพูดแบบนี้ได้ยังไงกัน พ่อกับแม่แก่ตัวไปยังต้องพึ่งเจ้าดูแลนะ…” ตาแก่เฉินพูดขึ้นมาอีกครั้ง

พอได้ยินแบบนี้ เถาฮัวที่ด้านข้างก็หัวเราะเยาะออกมา “ท่านปู่ ข้าคิดว่าท่านย่าคงไม่กล้าหวังพึ่งท่านพ่อของข้าหรอก นางยังมีความผิดติดตัวอยู่ ในอนาคตถ้ามาอยู่ที่บ้านข้า นางไม่กลัวหรือว่า...”

เฉินเถาฮัวยกยิ้มอย่างชั่วร้าย ทำให้เฉินหลี่ซื่อขนลุกซู่

“เจ้าเด็กเวร เจ้ากล้าทำอะไรกับข้า” เฉินหลี่ซื่อรวบรวมความกล้าพูดออกมา

“ถ้าอย่างนั้น ท่านย่าก็ลองดู!” เฉินเถาฮัวตอบ

เฉินหลี่ซื่อสะดุ้งตกใจ และรีบรั้งตาแก่เฉินไว้ “ตาแก่ เราไม่ต้องให้พวกเขาดูแล ถ้าพวกเขาอยากแยกออกไป ถ้าอย่างนั้นก็แยกออกไปทั้งหมดเลย! พี่น้องทั้งสามคน แต่ละครอบครัวต้องให้ค่าเลี้ยงดูปีละสามพวงกับพวกเรา ในช่วงวันหยุดหรือปีใหม่ ต้องมีซื้อของมาให้ ส่วนเรื่องอื่นๆ ข้าจะไม่สนใจอีก”

เฉินหลี่ซื่อถูกเฉินเถาฉัวขู่จนกลัวแล้วจริงๆ อีกทั้งเงินคนละสามพวงก็ไม่น้อยแล้ว

“สามพวง ทำไมพวกท่านไม่ไปปล้นเลยล่ะ” เฉินเถาฮัวมองไปที่เฉินหลี่ซื่อด้วยดวงตาที่เย็นชา ตามค่าจ้างปัจจุบันในหมู่บ้านไป่ฮัวที่ทำงานในโรงงานของลู่ม่าน จะได้ค่าแรงเดือนละสามร้อยเหวิน

เงินสามพวงเท่ากับเงินเดือนทั้งสิบเดือน หรือก็คือเกือบหนึ่งปี

“เงินสามพวงเยอะมากหรือไง?” เฉินหลิ่วเอ๋อกัดฟันพูด “ถ้าไม่ให้ ท่านพ่อท่านแม่เลี้ยงดูพวกท่านมาจนโต หรือจะเทียบเท่ากับเงินสามพวงไม่ได้”

ทั้งสองคนเริ่มทะเลาะกันอีกครั้ง ยิ่งทะเลาะเสียงยิ่งดัง

ในที่สุดเฉินจื่อฉายก็ตะโกนออกมา “หยุดเถียงกันได้แล้ว! เงินสามพวงก็สามพวง ข้าตกลง!”

ตาแก่เฉินกลับคิดต่างออกไป เดิมทีเขาคิดว่าพวกเขาได้ยินว่าต้องให้เงินสามพวง พวกเขาจะไม่เห็นด้วย แต่ตอนนี้เฉินจื่อฉายกลับเห็นด้วย เขาจึงทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน

“จื่อฉาย อย่าพูดไร้สาระ!” ตาแก่เฉินดุว่า “จื่ออานแยกออกไปแล้ว จื่อคังก็ตายแล้ว ถ้าแยกบ้านกันอีก ครอบครัวของเราจะต้องจบสิ้นแล้วจริงๆ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน