ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 177

สำหรับสถานการณ์นี้ เฉินจื่ออานกับลู่ม่านก็คิดไม่ถึงเช่นกัน

เดิมทีคิดว่าคนที่มาเป็นคนรู้จักของตาแก่เฉิน แต่ใครจะรู้ว่าจะเป็นตาแก่เฉินเอง

ทั้งสองไม่สนใจเรื่องอื่นใด รีบตามแม่บ้านคนนั้นไปที่โรงงานทันที มองจากระยะไกล ก็เห็นมีคนหลายคนกำลังยืนล้อมตาแก่เฉินอยู่

ตาแก่เฉินเองก็เป็นคนรักหน้าตาของตัวเอง ตอนนี้ต้องถูกคนจำนวนมากมายืนมอง และยังพูดอยู่ข้างหูไม่หยุด “ลูกชายของท่านเป็นเจ้าของโรงงานแห่งนี้ ท่านจะมาทำงานได้อย่างไร”

หลังจากพูดอยู่หลายครั้ง เขาก็เริ่มอารมณ์ขึ้น

เฉินจื่ออานรีบเข้าไปคว้าแขนของตาแก่เฉินไว้ “ท่านพ่อ นี่มันเกิดอะไรขึ้น”

ตาแก่เฉินเหลือบมองผู้คนรอบตัวเขาอย่างกระดากอาย ลู่ม่านจึงรีบพูด “ทุกคนไปทำงานเถอะ ไม่มีอะไรแล้ว!”

จากนั้นฝูงชนก็แยกย้ายกันไป เหลือเพียงพวกเฉินจื่ออานสามคน ตาแก่เฉินจึงกล่าวว่า “จื่อฉายแยกบ้านออกไปแล้ว ไม่มีเงินติดตัวเลยแม้แต่เหวินเดียว เขากำลังจะเปิดร้าน ข้าในฐานะพ่อ ก็ต้องเตรียมอะไรให้เขาบ้าง...”

ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ตอนนี้ในบ้านเฉินไม่มีเงินแล้วจริงๆ ตาแก่เฉินจึงตั้งใจจะมาทำงานหาเงินอย่างนั้นเหรอ?

“ถึงอย่างนั้นท่านก็ไม่ควรมาทำงานแบบนี้!” เฉินจื่ออานกล่าว

ตาแก่เฉินก้มหน้าลงทันที “จื่ออาน พ่อผิดเอง พ่อไม่คิดว่าการที่พ่อมาทำงานที่นี่ จะทำให้เจ้าเสียชื่อเสียง เดี๋ยวพ่อจะกลับเดี๋ยวนี้”

เฉินจื่ออานส่ายหน้าอย่างจนใจ “ท่านพ่อ ท่านพ่อคิดจะไปไหน ไม่ใช่ว่าข้ากลัวว่าจะเสียชื่อเสียง แต่ข้ากลัวว่าท่านพ่อจะเหนื่อยเกินไป ท่านอายุมากแล้ว…”

“ใช่แล้วท่านพ่อ!” ลู่ม่านก็พยักหน้าเช่นกัน และเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ลู่ม่านก็รีบพูดขึ้นมา “เอาอย่างนี้ดีกว่า ท่านพ่อ หลายวันก่อนพวกเราตกลงกันแล้วว่าเราจะให้เงินค่าเลี้ยงดูสามพวงต่อปี ปีนี้พวกข้าจะให้ท่านพ่อในส่วนของเราก่อน ท่านแม่อายุมากแล้ว นางอาจจะอาจจะขี้เหนียวไปบ้าง เงินเหล่านี้มอบให้ท่านเป็นคนเก็บไว้ดีกว่า ถ้ามีอะไร ท่านก็สามารถนำมันออกมาใช้ได้”

อย่าโทษลู่ม่านที่คิดเป็นคนใจแคบ นางไม่ชอบนิสัยของเฉินหลี่ซื่อจริงๆ ดังนั้น ถึงแม้จะเป็นหน้าที่ของลูกกตัญญูที่ต้องมอบค่าเลี้ยงดู แต่นางก็ไม่อยากมอบให้เฉินหลี่ซื่อ

ถ้าตาแก่เฉินสามารถเก็บเงินไว้ได้ นางจะดีใจมาก อย่างน้อยที่สุด เงินก็จะถูกนำไปใช้ในจุดที่เหมาะสมที่สุด ไม่เหมือนตอนที่เงินอยู่ในมือของเฉินหลี่ซื่อ ที่สุดท้ายจะกลายเป็นเงินสินสอดทองหมั้นของเฉินหลิ่วเอ๋อทั้งหมด

เพราะเรื่องที่เฉินเถาฮัวถูกขาย ทำให้ตาแก่เฉินผิดหวังต่อเฉินหลี่ซื่อมาก แต่ว่า เรื่องที่จะให้เฉินจื่ออานและคนอื่นๆ ให้เงินค่าเลี้ยงดู ในตอนนั้นเขาก็ไม่ได้เห็นด้วยเช่นกัน...

“เรื่องเงินค่าเลี้ยงดู เป็นแม่ของพวกเจ้าพูดเหลวไหลไปเอง พ่อยังหาเงินเองได้ทำไมจะต้องขอเงินค่าเลี้ยงดูจากพวกเจ้าด้วย แล้วอีกอย่าง ที่บ้านยังมีพี่รองของเจ้าอยู่ทั้งคน”

คำพูดของตาแก่เฉินค่อนข้างหลอกลวงตัวเองเกินไป ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเฉินจื่อฟู่เชื่อถืออะไรไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวที่จะต้องจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูสามพวงต่อปี และอยากควานหาผลประโยชน์จากเฉินจื่อฉายกับเฉินจื่ออาน เขาคงจะหนีไปนานแล้ว

“ท่านพ่อ ท่านรับไว้เถอะ” เฉินจื่ออานกล่าว “ของพี่รองก็เป็นของพี่รอง ของพวกเราก็เป็นของพวกเรา”

ตาแก่เฉินได้ยินแบบนี้จึงยอมรับมา และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “งั้นข้าจะเก็บไว้ให้พวกเจ้าก่อน”

เฉินจื่ออานไม่ได้พูดอะไรอีก ลู่ม่านนำเงินสามพวงจากโรงงานมามอบให้ตาแก่เฉิน

เฉินจื่ออานหยิบแส้ตีม้าจากมือของตาแก่เฉินแล้วกล่าว “ท่านพ่อกลับไปก่อนเถอะ!”

ตาแก่เฉินพยักหน้า แต่พอเดินออกไปได้สองสามก้าว เขาก็หันกลับมาพูด “จื่ออาน ข้ามีอีกคนที่สามารถทำงานนี้ได้”

พอเฉินจื่ออานได้ยินแบบนี้ เขาก็มองไปทางตาแก่เฉินอย่างสงสัย เขาสงสัยว่าตาแก่เฉินกำลังหาข้ออ้างที่จะมาส่งสินค้าด้วยตัวเองอีกหรือไม่

“ท่านพ่อ ข้าหาคนมาทำงานนี้เองได้”

แต่ใครจะคิดว่า คราวนี้ตาแก่เฉินมุ่งมั่นมาก “พ่อเจอคนที่เหมาะมากจริงๆ คราวนี้ลูกต้องฟังพ่อ”

เฉินจื่ออานตกตะลึงเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านกำลังพูดถึงใคร”

“เขาเป็นหนึ่งในคนงานชั่วคราวที่พวกเจ้าจ้างมา คนที่ชื่อเฉินจูชิง ดูเหมือนว่าหลายวันมานี้พวกเขาทำงานในทุ่งนา หลังจากทำงานเสร็จ เฉินจูชิงก็จะกลับบ้านเลยใช่ไหม พ่อหนุ่มคนนั้นไม่เลว เขามีการศีกษา และขยันหมั่นเพียร ช่วยพวกเจ้าส่งของ ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน”

เฉินจื่ออานเหลือบมองทางลู่ม่านที่กำลังพยักหน้าให้เช่นกัน

“ท่านพ่อพูดถูก เฉินจูชิงเป็นคนที่ไม่เลวเลยทีเดียว” การแนะนำของตาแก่เฉินน่าเชื่อถือมาก เดิมที นางยังคิดว่า ถ้าเฉินเฉินจูชิงทำงานชั่วคราวนี้เสร็จ นางจะจัดการอย่างไรดี

“งั้นก็ตกลง ทำตามที่ท่านพ่อแนะนำเลย!” หลังจากได้รับคำยืนยันจากลู่ม่าน เฉินจื่ออานจึงกล่าวออกมา

พอได้รู้ว่าเฉินจูชิงสามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้ ตาแก่เฉินก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นจึงเดินตรงไปหาเฉินจื่อฉายพร้อมเงินในมือ

พอเห็นตาแก่เฉินเดินจากไปไกล เฉินจื่ออานจึงกล่าวว่า “ทำไมท่านพ่อดูมีความสัมพันธ์กับเฉินจูชิงคนนั้นดีแบบนี้ล่ะ?”

“อืม ผู้ชายคนนั้นไม่เลวทีเดียว” ลู่ม่านกล่าว

หลังจากที่เฉินจื่ออานได้ยิน เขาก็วางเชือกเกวียนวัวลง แล้วหันหลังกลับ “ข้าจะไปดูงานตรงที่นา”

ลู่ม่านไม่รู้ว่าเฉินจื่ออานไปดูแล้วได้ผลลัพธ์ว่าอย่างไร แต่วันรุ่งขึ้น ตอนที่จ่ายค่าจ้างคนงานชั่วคราว เฉินจื่ออานให้เงินเฉินจูชิงเพิ่มวันละห้าเหวิน

คนอื่น ๆ ได้รับค่าจ้างวันละยี่สิบเหวิน เหตุผลหลักเพราะทำนางานหนักมาก ลู่ม่านคิดว่าควรจะให้ค่าจ้างจำนวนนี้ถึงจะเหมาะ

ทุกคนรับเก็บของและกล่าวคำอำลาไปอย่างพึงพอใจ มีเพียงเฉินจูชิงเท่านั้นที่ดูสีหน้าเหงาหงอยเล็กน้อย

เขายืนอยู่ตรงลานและมองไปรอบ ๆ เรือนหลังเล็กที่เขาอาศัยอยู่มาครึ่งเดือนด้วยสายตาที่ไม่อยากจากไป

เฉินจื่ออานกับลู่ม่านเดินเข้ามาทีละคนและยกยิ้มให้ “เป็นอะไรไป ข้าเห็นว่าเจ้ายังไม่เริ่มเก็บของเลย”

“ข้าเก็บเสร็จแล้วล่ะ” เฉินจูชิงกล่าว “แต่ว่า ครึ่งเดือนนี้ข้าใช้เวลาอยู่ที่นี่อย่างเต็มที่ ก็เลยรู้สึกไม่อยากจากไปเล็กน้อย”

“ถ้าไม่อยากจากไปก็ไม่ต้องไป!” เฉินจื่ออานยกยิ้ม “ข้ากำลังขาดคนส่งของพอดี ข้าได้ยินมาว่าเจ้าสามารถอ่านและเขียนหนังสือได้ แต่เงินอาจน้อยกว่าค่าแรงงานชั่วคราวของเจ้า เจ้าจะทำไหม”

“ข้าทำ!” เฉินจูชิงกล่าว

เฉินจื่ออานตบมือตัดสินใจทันที “ตกลงตามนี้ พรุ่งนี้เจ้ามาทำงานได้ ส่วนที่พักของเจ้า ตอนนี้ที่นี่ก็ไม่มีใครอยู่แล้ว เจ้าอยู่คนเดียว และยังสามารถซื้อของมาทำอาหารได้ด้วยตัวเอง ปกติแล้วในโรงอาหารก็มีอาหารให้ด้วย”

“ได้เลย!” เฉินจูชิงดีใจมาก ก่อนจะโค้งคำนับให้ทั้งสองคน

ไม่นานเฉินเหมยเซียงก็ได้ยินเรื่องที่เฉินจูชิงสามารถทำงานอยู่ที่นี่ต่อไปได้ จากนั้นนางก็เอาของจากที่บ้านมาขอบคุณลู่ม่านเหมือนทุกครั้ง

ลู่ม่านรับมาด้วยความยินดี

เดิมที ลู่ม่านกังวลว่าเหยาซื่อจะรู้สึกไม่พอใจในเรื่องนี้ เพราะพี่ชายของเหยาซื่อก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ไม่ได้ถูกเรียกให้อยู่ต่อ

แต่ใครจะไปรู้ เหยาซื่อกลับเข้าอกเข้าใจดี นางบอกว่าพี่ชายของนางเดิมทีก็ไม่ถนัดงานนั้น ก่อนจะต้องยุ่งกับการทำนาตามฤดูกาล สามารถหารายได้เสริมบ้าง นางก็ดีใจมากแล้ว

……

ลู่ม่านทำการเพาะปลูกในที่ดินห้าสิบไร่กะทันหัน ทำให้หลายคนในหมู่บ้านเริ่มให้ความสนใจกับสิ่งที่นางปลูก

จนในที่สุดหลังจากที่ต้นอ่อนของพริกเริ่มแตกหน่อออกมา ก็เกิดการถกเถียงกันในหมู่บ้าน หลายคนต่างก็เป็นแบบนี้ สำหรับสิ่งที่พวกเขาไม่เคยเจอ พวกเขามักจะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี

อีกทั้ง ตนเองรู้สึกว่าไม่ดีคนเดียวยังไม่พอ ยังจะทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดีไปด้วยถึงจะดี

แต่เรื่องนี้สำหรับลู่ม่านแล้ว มันไม่ส่งผลกระทบอะไรเลย แต่ว่า ตาแก่เฉินได้ยินแล้วรู้สึกไม่พอใจมาก

สำหรับเรื่องนี้ เฉินจื่ออานกับลู่ม่านต่างก็ไม่ใส่ใจ บอกเขาเพียงแค่ว่า เวลาจะพิสูจน์ทุกอย่าง แต่ถึงจะพูดแบบนี้ ต้นพริกถูกทำลายไปจำนวนมาก ด้วยฝีมือของคนที่อยากรู้อยากเห็น

ในขณะที่ลู่ม่านกำลังคิด ว่าจะหาวิธีข่มขู่ผู้ที่พยายามยั่วยุในหมู่บ้านอย่างไรดี ในที่สุดก็ได้ข่าวจากจวนอ๋องหนิง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน