ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 178

ช่วงบ่าย ในช่วงที่กำลังยุ่ง กลับแบ่งเวลาออกมาได้

ลู่ม่านกำลังนั่งพิงอยู่บนเก้าอี้โยกและพูดคุยกับเหอเย่วอยู่ เหอเย่วนั่งอยู่อีกฝั่งของเก้าอี้ ในมือกำลังปักผ้าอยู่

ลู่ม่านเหลือบมองไปก็เห็นว่าลายปักเป็นรูปนกแมนดารินคู่ที่เหมือนจริงมาก ดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้นมา

“เสี่ยวเย่ว ทำไมเจ้าถึงเก่งเช่นนี้” สำหรับคนที่มีความสามารถ ลู่ม่านไม่เคยปกปิดการชื่นชมของตนเอง

เหอเย่วรู้สึกเขินทันทีที่ได้รับคำชม “พี่เสี่ยวม่าน ถ้าพี่อยากเรียน ข้าสามารถสอนท่านได้”

“อย่านะ ไม่เอาล่ะ” ลู่ม่านโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว นางยังคงจำความหวาดกลัวตอนที่เหยาซื่อสอนนางทำเสื้อผ้าได้ เงินหาไม่ง่ายกว่า หรือว่าอาหารไม่อร่อยหรือไง?

ทำไมจะต้องทนทุกข์ทรมานเพื่อเรียนรู้ในสิ่งนี้ด้วย?

เหอเย่วหมดคำพูด “แต่พี่ก็น่าจะเรียนไว้สักหน่อย ถ้าพี่อยากจะปักถุงเงินให้พี่จื่ออาน พี่ต้องเรียนไว้บ้าง”

“ทำไมถึงต้องปักถุงเงินด้วย ซื้อไม่ได้หรือไง” ในยุคปัจจุบัน อยากจะได้อะไรขอแค่มีเงินก็ซื้อได้แล้ว ลู่ม่านคิดว่า มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลย

แต่ใบหน้าของเหอเย่วก็เปลี่ยนไป “แม่นางคนดีของข้า ถุงเงินจะซื้อไปเรื่อยไม่ได้ การให้ถุงเงินกับคนที่รัก การปักให้เองจะเป็นเรื่องที่มีความสุขมาก”

“ชิ!” ลู่ม่านเหลือบมองไปที่นาง “สาวน้อยเจ้ากำลังจะมีความรักแล้วหรือไง?”

ใบหน้าของเหอเย่วแดงก่ำอย่างฉับพลัน “ไม่ใช่สักหน่อย”

“ไม่ใช่ แล้วนกแมนดารินคู่นี้...” ลู่ม่านยกยิ้มอย่างกลั่นแกล้งเหอเย่วรีบดึงผ้าปักกลับมาซ่อนไว้ในฝ่ามือของนาง “ข้าไม่พูดกับพี่แล้ว!”

นางไล่สาวน้อยออกไปได้สำเร็จ ในที่สุดลู่ม่านก็สามารถนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่มสักที

พอนางหลับตาลง เหอเย่วก็วิ่งกลับมา “พี่เสี่ยวม่าน...”

“ปล่อยข้าไปเถอะ!” ลู่ม่านร้องขอความเมตตา แต่เหอเย่วกลับส่ายหน้า “ไม่ใช่นะจ๊ะ ข้างนอกมีคนกลุ่มหนึ่งมาหาพี่”

“ใคร” ลู่ม่านเอ่ยถาม

“ดูเหมือนจะเป็นคนของทางการ…” ก่อนที่คำพูดของเหอเย่วจะพูดจบ ลู่ม่านก็ลุกขึ้นมาจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย สักพัก ทั้งสองก็เดินออกมา

เหอซานได้เชิญแขกไปที่ห้องโถงแรกแล้ว ลู่ม่านเหลือบไปมอง มีคนมาไม่เยอะ ดูเหมือนจะมาที่นี่เพื่อจับกุมคน ในใจจึงรู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย

พอยกชายกระโปรงเดินเข้าประตู ลู่ม่านก็หันไปสั่งเหอเย่ว “ไปชงชามาต้อนรับแขกเร็ว”

จากนั้นนางก็ก้าวไปข้างหน้าและคำนับ “ผู้ว่าการอำเภอ”

“นี่คงเป็นแม่นางลู่สินะ!” ผู้ว่าการอำเภอต่างจากที่ลู่ม่านคิดไว้มาก ไม่มีความน่าเกรงขามเหมือนคนของทางการ แต่กลับมีรอยยิ้มที่พยายามประจบสอพลอออกมาแทน

คงใช้ชีวิตสะดวกสบายมาตลอด ถึงได้ทั้งขาวทั้งอวบแบบนี้

ลู่ม่านนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ไปทำเรื่องโอนย้ายโฉนดที่ดินก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ ดูท่า คงเป็นพวกไม่ได้เรื่องสินะ?

แต่ว่า นางไม่ใช่พวกหนุ่มสาวหัวร้อน บางครั้ง คนที่มีความโลภ กลับไม่ยุ่งยากอะไรเท่าไหร่

อีกทั้งอีกฝ่ายมาดีจะให้นางปฏิเสธออกไปได้อย่างไร!

ลู่ม่านพยักหน้า “เป็นข้าเองเจ้าค่ะ”

“เป็นข่าวดี แม่นางลู่!” ผู้ว่าการอำเภอกล่าว พอเห็นแบบนี้ลูกน้องที่อยู่ข้างๆ ก็หยิบเอกสารออกมายื่นให้อย่างสุภาพ เขากล่าวกับลู่ม่าน “นี่เป็นเอกสารฉบับล่าสุดที่ออกโดยซือหนงซื่อ*(กรมเกษตร)ในเมืองหลวง เราจะดำเนินการตั้งตำบลชางผิงเป็นจุดทดลองในการปลูกพริก หมู่บ้านไป่ฮัวแห่งนี้ได้รับการยืนยันว่าเป็นที่แรก ถ้าทำได้ ในอนาคต อำเภอเฟิงหนานของเราจะได้รับชื่อเสียงตามไปด้วย”

สำหรับผู้ที่ทำงานราชการ ผลงานเป็นสิ่งสำคัญเป็นอันดับแรก ถึงแม้ผู้ว่าการอำเภอจะมีท่าทางโลภมาก เขาเองก็ต้องการได้รับการเลื่อนตำแหน่งเช่นกัน ถึงจะมีอำนาจและร่ำรวยมากขึ้น

ลู่ม่านหยิบเอกสารขึ้นมาดู และเป็นไปตามที่ผู้ว่าการอำเภอบอกมา ในใจจึงมั่นใจมากขึ้น

พอคิดดูแล้ว นางก็ถามออกมาอีกครั้ง

“ถึงแม้ เบื้องบนจะออกเอกสารให้แล้ว แต่ไม่ทราบว่า คนในพื้นที่จะให้ความช่วยเหลือหรือเปล่า?”

ผู้ว่าการอำเภอยกยิ้มและกล่าวว่า “แน่นอน ในเมื่อกำหนดแล้วว่าหมู่บ้านไป่ฮัวจะถูกจัดตั้งขึ้นเป็นหมูบ้านนำร่อง แน่นอนว่าคนในหมู่บ้านจะต้องให้การสนับสนุน ข้าได้สั่งให้คนไปเรียกผู้ใหญ่บ้านมาแล้ว…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ผู้ใหญ่บ้านก็เดินเข้ามาจากข้างนอกพอดี

ก่อนหน้านี้เขากำลังยุ่งอยู่กับงานที่บ้าน แต่พอได้ยินข่าวเขาก็รีบมาทันที แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาไม่สามารถซ่อนไว้ได้เลย

และพวกที่ตามเขามา ยังมีชาวบ้านอีกหลายคนที่เห็นรถม้าของทางการของผู้ว่าการอำเภอขับเข้ามาจากภายนอก ในหมู่บ้านไป่ฮัวแห่งนี้ หลายปีมานี้ ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงมาแล้ว วันนี้พอมาก็เป็นผู้ว่าการอำเภอเลย

มีหลายคนที่คิดว่า จะเป็นตาแก่เฉินก่อเรื่องขึ้นมาอีก แต่ละคนเริ่มปล่อยข่าวลือออกไป จากสิบถึงร้อย จนทั้งหมู่บ้านรู้กันหมด

ทันทีที่เฉินจื่ออานเข้ามาในหมู่บ้านจากข้างนอก เขาก็ได้ยินข่าวลือ ว่ามีเจ้าหน้าที่ทางการกำลังมุ่งหน้าไปยังบ้านของเขา

เฉินจื่ออานตกใจ และวางของลงรีบวิ่งกลับบ้านไป พอเห็นอย่างนี้ ตาแก่เฉินก็รีบตามไป

ตรงประตูบ้านมีคนมุงดูจนแน่น เฉินจื่ออานรีบฝ่าฝูงชนเข้าไป และรีบวิ่งไปหยุดอยู่ตรงหน้าลู่ม่าน “เสี่ยวม่าน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

“นี่คือเฉินจื่ออานสินะ” ผู้ว่าการอำเภอยกยิ้มทักทาย

“ใช่ขอรับ!” ผู้ใหญ่บ้านลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้มแล้วบอกเล่าเรื่องราว เมื่อตะกี้ผู้ใหญ่บ้านได้ตอบตกลงเห็นด้วยแล้ว และจะเตรียมที่ดินในหมู่บ้านที่เหมาะสมกับการปลูกพริกออกมาให้ลู่ม่าน เพื่อนำมาทำเป็นจุดนำร่อง

เฉินจื่ออานถอนหายใจด้วยความโล่งอก และกล่าวขอบคุณผู้ว่าการอำเภอ

ตอนที่ตาแก่เฉินมาถึง ก็เห็นผู้ว่าการอำเภอกำลังพูดคุยกับเฉินจื่ออานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ส่วนเฉินจื่ออานที่ทำการศึกษามาหลายเดือนพร้อมกับทำการค้าขาย จึงมีประสบการณ์ทำให้แสดงท่าทางได้สุขุมมาก

ตอนที่พูดคุยกับผู้ว่าการอำเภอ เขาไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยองเกินไป ท่าท่างนิ่งสงบมาก

ตาแก่เฉินยืนตะลึงอยู่ข้างๆ ไม่กล้าเดินไปข้างหน้า สุดท้าย ผู้ใหญ่บ้านก็เรียกขึ้นมา “พี่เฉิน พี่เองก็มาแล้วเหรอ?”

เฉินจื่ออานเพิ่งจะเห็นตาแก่เฉิน จึงเดินไปพยุงเขาเข้ามา “ท่านพ่อ นี่คือผู้ว่าการอำเภอ”

ผู้ว่าการอำเภอกล่าวทักทายอย่างสุภาพว่า “ท่านผู้เฒ่า ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ที่มีลูกชายและลูกสะใภ้ที่ดีเช่นนี้!”

สถานการณ์ที่ได้เจอกับผู้ว่าการอำเภอ ตาแก่เฉินคิดถึงอยู่หลายปี บ่อยครั้งในช่วงกลางดึกเขามักจะฝัน ฝันว่าเฉินจื่อคังสอบติดได้เป็นชิ่วไฉ และได้เป็นเจ้าหน้าที่ของทางการ ส่วนเขาที่เป็นพ่อของเฉินจื่อคัง ก็สามารถใช้ชีวิตอย่างคนชนชั้นสูงด้วย

แต่ว่า เจ้าหน้าที่ทางการในความฝัน ล้วนแต่มีสีหน้าบึ้งตึง ไม่มีสักคน ที่เคยพูดกับเขาแบบนี้ เหมือนเพื่อนคนหนึ่ง!

แต่เขาได้รับทั้งหมดนี้กลับเป็นเพราะลูกชายที่เขาทอดทิ้งไปแล้วคนนี้ เฉินจื่ออานคนนี้

ตาแก่เฉินในตอนนี้ มีความรู้สึกผสมปนเปกันไปหมด

หลังจากนั้น ผู้ว่าการอำเภอคุยอะไรกัน เขาก็ไม่ได้ฟังเลย หัวใจของเขาสับสนวุ่นวายไปหมด ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

ตอนเที่ยง ผู้ว่าการอำเภออยู่รับประทานอาหารกลางวันด้วย

ทุกคำพูด ล้วนแต่อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับพริก ลู่ม่านจึงตัดสินใจทำอาหารเสฉวน และเตรียมหม้อไฟด้วยอีกหนึ่งเมนู

ปลาต้มผักกาดดอง ซุปเนื้อหมูพริกเผาเสฉวน เนื้อไก่หั่นเต๋าผัดใส่ถั่วลิสงพริกแห้ง...

พอเห็นพวกพริกที่ทั้งแดงและเขียวพวกนั้น ถูกนำมาปรุงอาหารยกมาวางไว้บนโต๊ะ แค่สีสันของอาหารก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนที่เห็นน้ำลายหก

ผู้ว่าการอำเภอมีตำแหน่งสูงสุด ทุกคนจึงกำลังรอให้เขาขยับตะเกียบก่อน แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ผู้ว่าการอำเภอผู้นี้จะเป็นคนที่กินรสเผ็ดได้ ถึงแม้ว่าในตอนแรกจะมีท่าทางลังเลเล็กน้อย

ไม่นาน เขาก็เริ่มตักเข้าปาก และกินอย่างเอร็ดอร่อย

ดูท่าทาง ยิ่งเผ็ดเขายิ่งชอบ

พอเห็นแบบนี้ ตาแก่เฉินก็คีบชิ้นหนึ่งเข้าปาก หลังจากรับรสเผ็ดแปลก ๆ เข้าไป เขาก็มองไปที่ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานที่มีท่าทางมั่นอกมั่นใจ

ทันใดนั้น เขาก็สะอึกไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน