หลังจากกินข้าวเสร็จ ผู้ว่าการอำเภอก็จากไป ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานก็รีบเดินตามผู้ใหญ่บ้านไปดูทั่วหมู่บ้าน
ตาแก่เฉินมีประสบการณ์ในด้านการทำนา พอได้ยินมาว่ากำลังจะเลือกที่นาที่เหมาะสมกับการเพาะปลูก เขาจึงตามไปด้วย
คงต้องโทษที่คำสั่งนี้มาผิดเวลา ถ้ามาเร็วกว่านี้ แล้วที่นาห้าสิบไร่ของลู่ม่านทำการปลูกพริกทั้งหมด คงสามารถแบกรับแรงกดดันได้บ้าง
แต่ว่า ตอนนี้ถั่วเหลืองงอกออกมาแล้ว นางทำใจที่จะดึงต้นอ่อนพวกนั้นทิ้งไม่ได้จริงๆ
หลังจากเดินดูตลอดทั้งช่วงบ่าย ในที่สุดก็เลือกที่นาผืนหนึ่งที่ใกล้กับที่ดินห้าสิบไร่ของลู่ม่าน มันเป็นที่นาของครอบครัวเฉินเหมยเซียง เป็นที่ดินตอนที่สามีของนางยังอยู่ทำการถางไว้
ทำการบำรุงมาหลายปี ถือเป็นที่นาที่อุดมสมบูรณ์แล้ว
พอรู้ว่าเป็นที่นาของครอบครัวเฉินเหมยเซียง ผู้ใหญ่บ้านมีความมั่นใจมาก “เฉินเหมยเซียงพูดด้วยง่าย อีกทั้งนางยังต้องทั้งดูแลพ่อแม่สามีและลูกๆ ของนางด้วย การทำนาเดิมทีก็เป็นงานที่เหนื่อยมาก ถึงตอนนั้น ข้าจะใช้นามของหมู่บ้าน ให้ค่าชดเชยนางทุกปี พวกเจ้ากลับไปเตรียมการเพาะปลูกได้เลย!”
ลู่ม่านคิดว่าเฉินเหมยเซียงเป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ดังนั้นจึงกลับบ้านไป
เพราะนี่เป็นพื้นที่ทดลอง ดังนั้นครั้งนี้ลู่ม่านไม่ได้คิดจะว่าจ้างคนงานชั่วคราว
ในช่วงกลางคืนก่อนจะเข้านอน นางคุยกับเฉินจื่ออานด้วยเสียงเบา “คราวนี้ไม่แน่อาจจะเป็นโอกาสที่ดี ถ้าคำสั่งจากซือหนงซื่อ*(กรมเกษตร)เราทำได้ดี บางทีอาจจะเป็นประโยชน์ต่อท่านในการสอบบัณฑิตภายภาคหน้า”
นี่ก็เหมือนกับการเพิ่มสิทธิพิเศษในยุคปัจจุบัน มีจุดที่โดดเด่นบ้างไม่ใช่เรื่องไม่ดี
“ดังนั้น จื่ออาน จ้าอนากให้โอกาสนี้กับท่าน จะยกให้ท่านจัดการทุกอย่าง ส่วนข้านั้น จะคอยช่วยงานท่านอนู่ข้างๆ แต่คนที่ทำงานหนักที่สุดคือท่าน อย่ากลัวเหนื่อยเชียวนะ!”
เฉินจื่ออานไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดี ความจริงแล้ว ถ้าลู่ม่านเป็นผู้ชาย นางคงจะเก่งกาจกว่าผู้ชายเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ในโลกนี้ แต่ว่า ตอนนี้นางกลับมอบโอกาสทั้งหมดนี้ ให้กับเขา...
“เสี่ยวม่าน ขอบใจเจ้ามาก”
“พูดอะไรของท่าน” ลู่ม่านมองด้วยความโมโห “นอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”
เฉินจื่ออานยกยิ้มบาง ก่อนจะกอดเอวของลู่ม่านไว้ แล้วนอนหลับไป
วันรุ่งขึ้น เฉินจื่ออานทำการหยุดเรื่องเรียนทั้งหมด และสองสามีภรรยาก็ตรงไปที่นาตั้งแต่เช้า หลายวันก่อน เฉินเหมยเซียงได้จ้างคนงานชั่วคราวมาทำการถางหญ้าไว้แล้ว
ตอนนี้พวกเขาแค่ทำการพรวนดินในคันนา และทำการปลูกต้นกล้าพริกลงไปก็เรียบร้อยแล้ว
ต้นกล้าที่ใช้เป็นส่วนที่เหลือจากการปลูกที่นาห้าสิบไร่ก่อนหน้านี้ เพราะยังมีเหลืออยู่อีกมาก จึงมีพอใช้ ทั้งสองคนหนึ่งขุดรู อีกคนทำการนำต้นกล้าลงปลูก ทำงานกันอย่างมีความสุข
ในเวลาหนึ่งวัน ก็ทำการปลูกได้หนึ่งหมู่กว่าแล้ว เพราะเป็นพื้นที่ทดลอง ดังนั้นทั้งสองจึงทำงานกันอย่างระมัดระวัง
ลู่ม่านทำการปลูกไปด้วย และอธิบายเทคนิคการเพาะปลูกให้เฉินจื่ออานฟังไปด้วย เช่น ความชื้นของดินที่ใช้ปลูก อุณหภูมิ และองค์ประกอบทั้งสามประการในการงอกของต้นอ่อน
ในยุคปัจจุบัน เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ง่ายมาก แต่สำหรับคนในยุคโบราณแล้ว บางทีพวกเขาอาจจะเข้าใจ แต่ไม่รู้ว่าจะสรุปออกมาอย่างไร
ลู่ม่านจึงทำการสรุปออกมา ให้เขาได้รู้ไว้ก่อน
ตอนกลางคืน พอลู่ม่านนอนลงบนเตียง นางก็บ่นออกมา “โอ๊ย การทำนาเหนื่อยมากจริงๆ”
แต่ว่า มันเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจมาก
ตอนที่อยู่ในยุคปัจจุบัน จังหวะการใช้ชีวิตในเมืองนั้นเร็วมาก ทำให้มีหลายคน ที่คิดอยากไปใช้ชีวิตทำนาในชนบท
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...
บทที่241-311 หายค่ะ...