ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 191

“ต้าลี่”แม่หม้ายหนิวท่าทีแข็งกร้าวมาก ตอนที่เห็นลูกชายตนเอง ในที่สุดก็อ่อนลงบ้างแล้ว “ทำไมวันนี้จึงเลิกงานเร็วนักล่ะ ค่ำนี้จะกินอะไร”

หวังต้าลี่ไม่พูดอะไร ดวงตาหม่นหมองมองไปทางแม่หม้ายหนิว

แม่หม้ายหนิวรีบยื่นมือไปกำเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยให้แน่นขึ้น เพื่อรับประกันว่าไม่ได้เผยเนื้อหนังของตนให้ใครเห็นแล้วจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้ากลับไปก่อน วันนี้ถ้าข้าไม่ได้จัดการหญิงเจ้าเล่ห์คนนี้ที่ทำลายชื่อเสียงของข้า ข้าจะไม่ขอแซ่หนิวอีก”

แม่หม้ายหนิวย่อมไม่ใช่คนที่จะรังแกกันได้ง่ายๆ ไม่เช่นนั้น ไม่เช่นนั้นแม่หม้ายคนหนึ่งที่เลี้ยงดูลูกคนเดียวคงถูกรังแกจนตายไปนานแล้ว

“เฉินหลี่ซื่อ เจ้าคอยดู ข้าจะไปถามผู้อาวุโสของตระกูลมาเดี๋ยวนี้เลย……”

ว่าแล้ว แม่หม้ายหนิวก็เบียดเสียดกลุ่มคนเดินออกไป

ไหนเลยจะคาดคิดว่า ในกลุ่มคนนั้นมีตาแก่ที่ยังไม่แต่งงานอยู่คนหนึ่ง หมายปองในตัวของแม่หม้ายหนิวมานานแล้ว เมื่อครู่ตอนที่เสื้อของแม่หม้ายหนิวถูกฉีกจนเผยให้เห็นหัวไหล่ เขาเห็นเนื้อขาวๆของแม่หม้ายหนิว ก็มีใจคิดไม่ซื่อขึ้นมาทันที

แต่ว่าแม่หม้ายหนิวไม่เคยให้โอกาสเขาเลยสักครั้ง เพราะฉะนั้น ฉวยโอกาสตอนที่แม่หม้ายหนิวเดินผ่าน เขายื่นมือไปดึงเสื้อที่แม่หม้ายหนิวกำสาบเสื้อเอาไว้แน่น

ตาแก่คนนั้น ที่มีความคิดไม่บริสุทธิ์ แน่นอนว่า พละกำลังก็ต้องมีมากเช่นกัน

ทันใดนั้น ไหล่ข้างหนึ่งของแม่หม้ายหนิวก็เปิดเผยออกมาจนหมด

เดิมทีเฉินหลี่ซื่อที่ได้ยินแม่หม้ายหนิวบอกว่าจะไปเรียกผู้อาวุโสของตระกูลมา ก็ยังคงกังวลใจอยู่ เห็นเหตุการณ์นี้เข้า นางก็ทำเสียงในลำคอ “สมน้ำหน้า”

ผู้ชายที่รายล้อมอยู่ไม่ไกลนัก ต่างก็จ้องมองไปทางแม่หม้ายหนิว คนที่ดึงสาบเสื้อของแม่หม้ายหนิว ยังพูดจาแทะโลมว่า “คิดไม่ถึงว่าแม่หม้ายหนิวที่แก่ปูนนี้แล้ว ผิวพรรณไม่เลวเลย”

“ฮ่าฮ่าฮ่า”คนอื่นๆต่างก็ผิวปากหัวเราะชอบใจกันขึ้นมา

หวังต้าลี่โมโหมาก เดินพุ่งเข้าไปหาตาแก่โสดคนนั้น รัวหมัดเท้าทุบตีไปยกหนึ่ง

แม่หม้ายหนิวเกรงว่าลูกชายจะทำคนตาย จนเกิดเป็นเรื่องใหญ่ จึงรีบเข้าไปดึงเอาไว้ ชั่วขณะนั้น เดิมทีสถานการณ์ที่สงบลงแล้วก็โกลาหลขึ้นอีกครั้ง

โดยที่ไม่คาดคิด แม่หม้ายหนิวกลับสะบัดตัวแม่หม้ายหนิวออกไป จ้องมองนางอย่างดุดัน “ท่านอย่าแตะต้องข้า”

แม่หม้ายหนิวตะลึงงันไปทันที “ต้าลี่”

“ท่านทำให้ข้ารู้สึกรังเกียจ”หวังต้าลี่ด่าจบแล้ว ก็ใช้แรงเตะตาแก่โสดคนนั้นออกไป จากนั้นก็วิ่งหนีไป

แม่หม้ายหนิวถูกคำพูดนี้ทำให้ตกตะลึงนิ่งอึ้งไป และหลังจากนั้น ก็ราวกับลูกโป่งลมรั่ว รู้สึกไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาทันที

เฉินหลี่ซื่อเห็นเช่นนี้ ความโมโหในใจก็เหมือนจะคลายลงไปแล้ว นางลุกขึ้นเผชิญหน้าและทำเสียงถุยน้ำลายให้กับแม่หม้ายหนิว“ถุย”พูดจบแล้ว ก็เดินจากไป

เหมือนแม่หม้ายหนิวจะมีเรี่ยวแรงขึ้นมาอีกครั้ง ลุกขึ้นดึงตัวนางเอาไว้ “เจ้าจะไปไหนไม่ได้ เจ้าไปไม่ได้ เจ้าต้องไปอธิบายให้ต้าลี่เข้าใจ ข้าไม่ได้ยั่วยวนใคร ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น”

“เกี่ยวอะไรกับข้า”เฉินหลี่ซื่อสะบัดนางออก นางจึงเดินไปตรงหน้าตาแก่เฉิน “พี่เฉิน เรื่องมันเป็นยังไง ท่านรู้ดีกว่าข้าอยู่แล้ว ตอนนี้ต้าลี่โกรธข้าแล้ว ท่านต้องไปอธิบายให้ต้าลี่เข้าใจนะ”

แต่ไหนแต่ไรตาแก่เฉินในสายตาของคนภายนอกนั้นเป็นคนที่มีความยุติธรรมมาตลอด เขาเองก็รู้สึกไม่ยินดีกับการกระทำของเฉินหลี่ซื่อ แต่ไหนแต่ไรมา เรื่องที่ไม่เกินเลยไปมากนัก เขาสามารถอดทนให้ผ่านไปได้

แต่ว่าตอนนี้แก่ตัวกันแล้ว กลับถูกเมียแก่คนนี้ยัดข้อหาว่าถูกยั่วยวนจากหญิงอื่น วันหน้า จะมองหน้าคนในหมู่บ้านได้ยังไง

ตาแก่เฉินนึกถึงตรงนี้ ก็รู้สึกเสียใจที่เมื่อก่อนไม่หย่ากับเมียคนนี้ซะ

ใบหน้าเขาดำคล้ำ ตะคอกกับเฉินหลี่ซื่อว่า “ข้าจะหย่ากับเจ้า”

พูดจบแล้ว เขาก็ดึงข้อมือของเฉินหลี่ซื่อ ”ไป ไปพบผู้อาวุโสของตระกูลกัน”

เดิมทีเฉินหลี่ซื่อคิดว่าเรื่องนี้ได้จบไปแล้ว ในใจของนางคิดว่า แม้ว่าตาแก่เฉินกับแม่หม้ายหนิวคนนั้นจะมีอะไรกันจริงๆ แต่ถูกนางโวยวายเช่นนี้ วันหลังคงไม่กล้าทำอีกแล้ว

เพราะฉะนั้น นางคิดว่าตัวเองนั้นชนะแล้ว

แต่ใครจะไปรู้ ตาแก่เฉินนั้นคิดจะหย่ากับนางจริงๆ นางรีบดึงตัวเฉินหลิ่วเอ๋อทันที ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมไปด้วย “ข้าไม่ไป ข้าไม่ไปเด็ดขาด”

เฉินหลิ่วเอ๋อก็ไม่พูดจา ได้แต่กอดเฉินหลี่ซื่อไว้แน่น ไม่ให้นางถูกลากตัวไป

เฉินจื่ออานเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี จึงเดินเข้าไปพูดขอร้อง “ท่านพ่อ มีอะไรกลับไปค่อยว่ากันเถอะ”

ตาแก่เฉินก็พอจะรักศักดิ์ศรีอยู่บ้าง ได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้า “เจ้าไปเรียกผู้อาวุโสของตระกูลมา”

“จื่ออาน อย่าไปเด็ดขาด”เฉินหลี่ซื่อตะโกน

แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ว่าจะไปเรียกคนมาหรือไม่ เกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตขนาดนี้ ผู้อาวุโสต่างก็ได้ยินข่าวนานแล้ว

ก็เป็นเช่นนี้เอง เฉินจื่ออานยังไม่ทันได้ลังเลใจ ก็มีคนตะโกนขึ้นว่า “ผู้อาวุโสของตระกูลมาแล้ว”

เฉินหลี่ซื่อเห็นดังนั้น ก็ตาเหลือก เป็นลมล้มพับไปทันที

เฉินหลิ่วเอ๋อรีบกอดเฉินหลี่ซื่อเอาไว้ร้องไห้เสียงดังขึ้นมา สถานการณ์เริ่มเข้าสู่ความวุ่นวาย เฉินจื่ออานมองไปที่แพขนตาของเฉินหลี่ซื่ออย่างไม่ตั้งใจ วินาทีต่อมาเขาก็ต้องขมวดคิ้ว

เห็นได้ชัดว่าเฉินหลี่ซื่อกำลังแกล้งเป็นลมอีกแล้ว ครั้งที่แล้วก็เป็นเช่นนี้ ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน

คาดว่าคงเป็นเพราะเคยใช้ไม้นี้แล้ว ตาแก่เฉินจึงมองออก เขาก็ยิ่งโมโห แต่เพราะว่าเรื่องในบ้านไม่ควรจะโพนทะนาออกไป

เขาได้แต่พูดเสียงเย็นว่า “จื่ออาน จื่อฟู่ แบกแม่เจ้ากลับไป ”

จากนั้นตนเองก็หันไปเชิญผู้อาวุโสของตระกูลที่มาถึงแล้วด้วยตนเอง

ผู้อาวุโสของตระกูลเห็นตาแก่เฉินแล้วต่างก็รู้สึกระอาใจมาก “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ บ้านเจ้าไม่มีเรื่องสักวันสองวัน จะรู้สึกไม่สบายใจหรืออย่างไร”

สีหน้าของตาแก่เฉินยิ่งเคร่งขรึมลง เขาโค้งคำนับให้กับเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลและพูดว่า “เชิญไปคุยกันที่บ้านเถอะ”

แม่หม้ายหนิวเห็นดังนั้น ก็รีบเข้าไปร้องทุกข์ว่า “ผู้อาวุโสของตระกูลทั้งหลาย ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ข้านะ”

เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลเห็นว่า เสื้อผ้าของแม่หม้ายหนิวไม่เรียบร้อย ก็ยิ่งมีสีหน้าดำคล้ำเข้าไปใหญ่ จ้องมองไปทางตาแก่เฉิน “วันนี้ ถ้าเจ้าไม่อธิบายให้ชัดเจน เจ้าเจอดีแน่”

……

บ้านตระกูลเฉิน เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลต่างก็นั่งหันหน้าเข้าหากัน

ส่วนเฉินหลี่ซื่อหลังจากที่ถูกเฉินจื่ออานกับเฉินจื่อฟู่แบกเข้ามา ก็ถูกวางเอาไว้ให้พิงอยู่บนเก้าอี้ เฉินหลิ่วเอ๋อนั่งประคองอยู่ด้านหลังนาง นางยินดีแกล้งหลับ พวกเขาก็คงแกล้งทำเป็นไม่สนใจนางเอง

แม่หม้ายหนิวเข้ามาแล้วก็คุกเข่าลงกับพื้น ร้องไห้ราวกับสายน้ำไหลพลางร้องทุกข์กับเหล่าผู้อาวุโสของตระกูล

“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ข้าถูกใส่ความ พวกท่านให้คืนความยุติธรรมให้ข้าด้วย”

หลังจากที่เหล่าผู้อาวุโสฟังเรื่องที่แม่หม้ายหนิวเล่าจนจบแล้ว ก็มองไปทางตาแก่เฉิน “เจ้าล่ะว่าอย่างไร”

ตาแก่เฉินใบหน้าแดงเถือก ตั้งแต่เมื่อครู่จนถึงตอนนี้ เขายังคงดึงสติกลับมาจากความอับอายและโมโหไม่ได้ ตั้งแต่เขาเป็นหนุ่ม ก็ทำตัวอยู่กับร่องกับรอยมาตลอด อยู่ในหมู่บ้านนี้ ถูกสรรเสริญว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง

แต่ว่าการสรรเสริญเช่นนี้ หลังจากแต่งงานกับเฉินหลี่ซื่อ ก็เปลี่ยนไปแล้ว

หลายปีมานี้ เฉินหลี่ซื่อก่อเรื่องเดือดร้อนให้เขาไม่น้อย เขาเห็นแก่ลูกๆทั้งหลายของตนเอง จึงอดทนไว้ แต่ว่า คิดไม่ถึงว่า แก่ปูนนี้แล้ว ยังจะก่อเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาอีก

พอนึกถึงแววตาเยาะเย้ยของคนในหมู่บ้านเหล่านั้น ตาแก่เฉินก็โมโหจนอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอดจริงๆ

กัดฟันกรอด ตาแก่เฉินพยักหน้าพูดว่า “สิ่งที่แม่หม้ายหนิวพูดเป็นความจริง”

เหล่าผู้อาวุโสเห็นดังนั้นต่างก็พยักหน้า ผู้ใหญ่บ้านหันไปมองเฉินหลี่ซื่อที่ยังคงสลบอยู่ เอ่ยเบาๆว่า “พี่ชาย ใช่ว่าข้าอยากจะว่าท่านนะ ท่านต้องควบคุมบ้านนี้ให้ดีกว่านี้ พี่สะใภ้เอาแต่หาเรื่องคนอื่นไปทั่วเช่นนี้ ไม่ดีแน่”

ครั้งนี้ ตาแก่เฉินพยักหน้ารับอย่างจริงจังที่สุด

“เมื่อก่อนล้วนเป็นข้าที่ไม่ให้ความสำคัญ ตอนนี้จึงได้เสียใจอย่างสุดซึ้ง วันนี้พวกท่านมากันแล้ว ข้าก็มีเรื่องจะบอก”หยุดไปชั่วครู่ ตาแก่เฉินก็ถอนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ราวกับปลดปล่อยความอัดอั้นที่มีอยู่เต็มหัวใจออกมา

จากนั้น เขาจึงพูดขึ้นว่า “วันนี้ ข้าจะหย่ากับหญิงปากร้ายคนนี้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน