ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 192

เมื่อตาแก่เฉินพูดคำนี้ออกไป เฉินหลี่ซื่อที่เดิมทียังแกล้งนอนหลับอยู่ก็ตื่นขึ้นมาทันที

ร่างอวบอ้วนของนาง ดีดตัวขึ้นมาจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ พุ่งไปตรงหน้าของตาแก่เฉิน ถลึงตาและตะคอกว่า “ท่านว่าอะไรนะ”

บนแก้มของตาแก่เฉิน รอยฝ่ามือเป็นทางแสดงออกถึงความน่าอับอายและความโมโหของเขา

เขาก็ลุกขึ้นมาเช่นกัน กัดฟันพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “ข้าบอกว่าข้าจะหย่ากับเจ้า”

“ได้ ท่านจะหย่ากับข้าเพื่อจะเอาผู้หญิงคนนี้เข้าบ้านใช่หรือไม่”เฉินหลี่ซื่อพูดจบ ก็พุ่งไปทางแม่หม้ายหนิว

ผู้ใหญ่บ้านรีบลุกขึ้นจะห้ามปราม ถูกเฉินหลี่ซื่อข่วนเข้าให้อย่างดุดัน ผู้ใหญ่บ้านเฉินโมโหจนควันออกหู “ช่างเป็นหญิงร้ายจริงๆ ”

“ท่านว่าใครร้าย”เฉินหลี่ซื่อในตอนนี้ไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น แม้ตายนางก็ไม่กลัวแล้ว นางจะถูกสามีหย่าแล้ว ยังจะกลัวคนอื่นให้ได้อะไรขึ้นมา

คนหนุ่มในตระกูลเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็รีบเข้าไปจับตัวเฉินหลี่ซื่อเอาไว้

เหล่าผู้อาวุโสจึงนั่งลง จ้องมองเฉินหลี่ซื่ออย่างโมโห “มีอย่างที่ไหน อย่าว่าแต่เจ้าห้าที่ยังไม่ได้ทำอะไรไม่ดีข้างนอกเลย ถึงแม้จะไปมีสัมพันธ์กับใครข้างนอกจริง แม่หม้ายหนิวคนนี้ ก็เป็นโสดตัวคนเดียว แต่งเข้ามาเป็นอนุแล้วจะเป็นไรไป”

ผู้ชายในสมัยโบราณต่างก็คิดว่า การมีเมียน้อยเป็นเรื่องเล็ก

เฉินหลี่ซื่อกุมอำนาจในบ้านมาครึ่งค่อนชีวิต ไหนเลยจะยอมรับได้ ตระกูลเฉินอยู่ในกำมือนางมาตลอด ไม่มีผู้หญิงคนไหน ยินดีที่จะให้สิ่งที่อยู่กำมือของตนเองถูกอีกคนมาแย่งชิงไป

“พวกท่านอยากจะบีบให้ข้าตายใช่หรือไม่”เฉินหลี่ซื่อร้องขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง จากนั้นก็นั่งลงไปร้องไห้กับพื้น

รู้ม่านรู้สึกว่า ครั้งนี้เฉินหลี่ซื่อไม่ได้จงใจแกล้งโวยวายร้องไห้แล้วขู่จะฆ่าตัวตาย แต่นางเสียใจจริงๆ

“ตาแก่ เจ้ามันไร้น้ำใจ”เฉินหลี่ซื่อพลางร้องไห้ พลางด่าด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “ตอนที่ข้าแต่งงานกับเจ้า ตระกูลเฉินมีอะไรบ้าง ก็แค่บ้านโทรมๆที่มีสามห้อง แม้แต่ลานบ้านก็ยังไม่มี ข้าเคยรังเกียจท่านหรือไม่ หลายปีมานี้ ข้าลำบากกับท่านมาตั้งเท่าไหร่ ยังให้กำเนิดลูกชายอีกตั้งสี่คน น้ำใจของท่านถูกสุนัขกินไปแล้วหรืออย่างไร”

ตาแก่เฉินได้ยินสิ่งที่เฉินหลี่ซื่อพูดด้วยเสียงสะอื้น ย่อมต้องนึกถึงวันเวลาเก่าๆเหล่านั้นที่เคยลำบากมาด้วยกัน เพียงแต่ ความสวยงามเหล่านั้น ได้ถูกนิสัยโวยวายชอบหาเรื่องของเฉินหลี่ซื่อทำลายจนหมดสิ้นไปตั้งนานแล้ว

เขากัดฟัน หันหลังให้อย่างใจดำ ไม่มองเฉินหลี่ซื่ออีก

เฉินหลิ่วเอ๋อเห็นดังนั้น ในที่สุดก็เดินไปจ้องมองตาแก่เฉินด้วยความเย็นชา ในสายตาของนาง ไม่มีความเคารพในตัวผู้เป็นบิดามาตั้งนานแล้ว อาจเป็นเพราะรู้สึกผิดหวัง มีแต่ความรู้สึกเกลียดชังผู้ชายที่ทอดทิ้งลูกเมียคนนี้

สายตานี้ เหมือนสายตาตอนที่เฉินหลิ่วเอ๋อเคยมองหลี่ยวี่

ตาแก่เฉินเห็นสายตาเช่นนั้นก็ตกตะลึงงัน “หลิ่วเอ๋อ……”

“อย่าเรียกข้า”เฉินหลิ่วเอ๋อทำเสียงในลำคอ หันไปกอดเฉินหลี่ซื่อเอาไว้ “ท่านแม่ ท่านลุกขึ้นเถอะ”

“หลิ่วเอ๋อ”เฉินหลี่ซื่อกอดเฉินหลิ่วเอ๋อและร้องไห้เสียงดังออกมา “พ่อเจ้าจะหย่ากับข้า ข้าอยู่กับเขามาหลายสิบปี เพื่อแม่หม้ายคนนี้ เขาถึงกับจะหย่ากับข้า”

ตาแก่เฉินโมโหมาก “ข้าเคยบอกแล้ว ข้ากับแม่หม้ายหนิวไม่มีอะไรกันทั้งนั้น”

“ข้าไม่เชื่อ ”เฉินหลี่ซื่อตะคอก “เมื่อก่อนข้าก็เป็นเช่นนี้ ทำไมท่านไม่หย่ากับข้า ทำไมต้องเป็นครั้งนี้ด้วย ท่านยังจะบอกว่าไม่มีอะไรอีก”

ตาแก่เฉินรู้สึกว่าแม้แต่พละกำลังที่จะใช้โต้ตอบกับนางก็ไม่มีแล้ว เขาโมโหจนต้องหันหน้าหนี “แล้วแต่เจ้าเถอะ”

“ในที่สุดท่านก็ยอมรับ”เฉินหลี่ซื่อยังคงใช้เสียงตะคอก “หลิ่วเอ๋อ เจ้าได้ยินแล้ว พ่อเจ้าเขายอมรับแล้ว”

ตาแก่เฉินไม่สนใจนางอีก หันหน้าไปทางด้านผู้ใหญ่บ้าน “รบกวนคนในตระกูลช่วยออกหนังสือหย่าให้ด้วย……”

คนในตระกูลกับผู้ใหญ่บ้านเฉิน หวังอยากจะให้ตาแก่เฉินหย่ากับภรรยาตั้งนานแล้ว ไม่มีคนก่อปัญหา หลังจากนี้คนทั้งหมู่บ้านไป่ฮัวคงจะมีชีวิตที่ดีขึ้น

แต่ผู้ใหญ่บ้านเฉินยังมีสติสัมปชัญญะอยู่บ้าง มองดูเฉินจื่ออานที่ไม่พูดไม่จาแวบหนึ่ง

“จื่ออาน เจ้าเห็นว่าอย่างไร”

เฉินจื่ออานไม่ชอบวิธีการแสดงออกของเฉินหลี่ซื่อมาตั้งนานแล้ว แต่เป็นเพราะว่าเฉินหลี่ซื่อเป็นมารดาของเขา แม้เขาจะไม่ชอบนางอย่างไร แต่คนที่เป็นลูกชาย ให้เขาตัดสินใจตอนนี้ว่าจะให้ท่านพ่อหย่ากับท่านแม่ของเขาหรือไม่นั้น เขาทำไม่ได้จริงๆ

“ท่านพ่อ……”เขามองไปทางตาแก่เฉิน ตาแก่เฉินได้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว

แล้วเขาก็มองไปทางเฉินจื่อฟู่ เฉินจื่อฟู่มีท่าทีราวกับไม่ใช่เรื่องของตน พี่รองคนนี้ แต่ไหนแต่ไรก็เป็นเช่นนี้ มีแผนการของตนเองอยู่ในใจเสมอ เวลาไหนควรพูด เวลาไหนไม่ควรพูด เขาล้วนรู้ดี

“จื่ออานเอ๋ย……”เฉินหลี่ซื่อเห็นว่าเฉินจื่ออานมีความลังเลอยู่ นางก็ร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง “หรือว่าเจ้าอยากจะเห็นแม่ถูกหย่าขาดจริงๆ”

“จื่ออาน”ทันใดนั้นตาแก่เฉินก็ตัดบทคำพูดของเฉินหลี่ซื่อ “เจ้าได้แยกครอบครัวออกไปแล้ว เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง ข้าตัดสินใจแล้ว……”

ผู้ใหญ่บ้านเฉินเห็นดังนั้น ก็ไม่ได้ถามอีก หันกลับไปมองผู้ทำบันทึกของตระกูล “เขียนเถอะ”

ผู้ทำบันทึกอายุไม่มาก ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ยังไม่เคยเขียนหนังสือหย่ามาก่อน เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากใจ จึงได้แต่มองไปทางตาแก่เฉิน “ท่านลุง ต้องเขียนอย่างไรบ้าง”

ตาแก่เฉินขมวดคิ้ว ใบหน้าแสดงความไม่พอใจ

เขาที่เป็นชาวนาคนหนึ่ง จะไปรู้ได้อย่างไรว่าหนังสือหย่าเขียนอย่างไร ผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ข้างๆเห็นดังนั้น ก็เข้าไปบอกว่า

“เจ้าเด็กคนนี้ เจ้าคิดเองก็ได้มิใช่หรือ”

ผู้ทำบันทึกคนนั้นจึงก้มหน้าลงไป ค่อยๆเริ่มเขียนหนังสือ ปัญหานี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยปกติ แต่กลับทำให้เฉินหลี่ซื่อเข้าใจถึงการตัดสินใจที่แน่วแน่ของตาแก่เฉินที่จะหย่ากับนาง

ครั้งนี้นางรู้สึกกลัวจริงๆ เข้าไปวิงวอนว่า “ตาแก่ เจ้าจะใจดำอย่างนี้จริงหรือ พวกเราอยู่ด้วยกันมาหลายสิบปีแล้ว……”

ตาแก่เฉินหันหลังไม่สนใจนาง เฉินหลี่ซื่อก็หมุนตามไปตรงหน้าเขา “ตาแก่ ข้าจะเปลี่ยน ข้าเปลี่ยนตัวเองก็ได้”

พูดจบ นางก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ หันไปทางแม่หม้ายหนิว

“แม่หม้ายหนิว เป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ควรเข้าใจพวกเจ้าผิด เจ้าช่วยข้าพูดกับตาแก่หน่อยเถอะ……”

แม่หม้ายหนิวทำเสียงในลำคอ ไม่สนใจนาง เฉินหลี่ซื่อได้แต่หันกลับมา มองไปทางตาแก่เฉิน

นอกประตู มีคนเอ่ยขึ้นมาว่า “พี่เมียของตาแก่เฉินมาแล้ว……”

คำพูดที่กำลังจะออกจากปากของเฉินหลี่ซื่อ ถูกปิดกั้นเอาไว้ทันที นางมองไปทางตาแก่เฉินอย่างนิ่งอึ้ง สองขาอ่อนแรง นางยังคิดว่า หากนางขอร้องให้มากหน่อย ตาแก่เฉินคงจะใจอ่อนเอง

คิดไม่ถึงว่า เขาถึงกับเรียกพี่ชายของนางมา

ตาแก่เฉินไม่สนใจนาง ปล่อยให้กลุ่มคนหลีกทางให้คนที่มาถึง ปล่อยให้หลี่ขุยที่เป็นพี่ชายของเฉินหลี่ซื่อเข้ามา

ทุกคนต่างพูดกันว่า หากไม่ใช่คนที่นิสัยเหมือนกัน ก็คงอยู่ร่วมบ้านกันไม่ได้ หลี่ขุยกับเฉินหลี่ซื่อก็เหมือนกัน ล้วนเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากที่สุด เมื่อก่อน ตอนที่ตระกูลเฉินยากจน พวกเขาไม่เคยมาเยี่ยมเลย

ตอนนี้ เฉินจื่ออานของตระกูลเฉินมีอนาคตสดใส ตาแก่เฉินได้ส่งคนไปตามเขา เขาจึงรีบมาทันที

ในมือยังถือของว่างมาด้วยเล็กน้อย พอเดินเข้าประตูมาก็ยิ้มกริ่มและมองไปทางเฉินจื่ออาน “จื่ออานก็อยู่ด้วยหรือ ทำไมหน้าประตูจึงมีคนมากมายขนาดนั้น ”

เขายังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เฉินจื่ออานพยักหน้าให้เขา ถือว่าเป็นการทักทาย

เขาก็ไม่โกรธ เอาของว่างในมือวางไว้บนโต๊ะแล้วมองไปทางเฉินหลี่ซื่อ “เป็นอะไรไป รีบลุกขึ้นเร็วเข้า นานๆทีเจ้าห้าถึงจะเรียกข้ามาที่บ้านสักครั้ง พวกเรามากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันสักมื้อ”

ลู่ม่านรู้สึกทึ่งจริงๆ เวลาอย่างนี้ ไม่รู้จริงๆว่าเขาโง่จริงๆหรือเปล่า จึงมองไม่ออกถึงบรรยากาศในบ้าน หรือแค่แกล้งโง่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน