ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 199

“ท่านพ่อ อย่างไรซะก็หาวิธีให้ทั้งสองครอบครัวได้เจอหน้ากันก่อนค่อยว่ากันอีกทีเถอะ”เฉินจื่ออานพูดขอร้อง คาดว่าเขาคงคิดคล้ายๆกับลู่ม่าน

ในที่สุดตาแก่เฉินก็เห็นด้วย แล้วก็สูบยาเส้นเข้าไปเฮือกหนึ่งจากนั้นจึงพูดว่า “เช่นนั้นก็เป็นสามวันหลังจากนี้ สามวันหลังจากนี้เป็นวันที่มีตลาดพอดี หาข้ออ้างไปเจอกันในเมืองหาสถานที่ดีๆคุยกัน”

เฉินจื่ออานรีบพยักหน้ารับทันที“ถ้าเช่นนั้นก็ไปที่ภัตตาคารเฟิ่งหลายดีกว่า ที่นั่นมีคนเข้าออกมากมาย น่าจะเหมาะกับการคุยกัน”

เดิมทีตาแก่เฉินคิดว่า ทำไมไม่ไปที่ร้านหม้อไฟของเฉินจื่อฉาย แต่เมื่อคิดดูอีกทีจึงไม่พูดดีกว่า

เพราะว่าปัญหาระหว่างเฉินเถาฮัวกับเฉินหลิ่วเอ๋อนั้นไม่เล็กเลย ถ้าหากไปที่นั่น เกรงว่าจะเกิดปัญหาขึ้น

หลังจากตกลงกันเรียบร้อย ตาแก่เฉินก็กลับไป

ในที่สุดพวกเฉินจื่ออานก็รู้สึกโล่งใจได้เสียที อาศัยช่วงที่ไปในโรงงานเฉินจื่ออานก็ดึงตัวเฉินจูชิงไปคุยเป็นการส่วนตัวว่าหลังจากนี้สามวันจะมีการพบปะกันของทั้งสองครอบครัว อีกทั้ง เฉินจื่ออานได้เตือนอ้อมๆว่า ให้เขาคุยกับผู้อาวุโสในครอบครัวของตนเองได้แล้ว

เฉินจูชิงรู้สึกดีใจมาก พยักหน้ารับไม่ขาดสาย

เวลาสามวันผ่านไปไม่นานก็มาถึง ตอนเช้าเดิมทีลู่ม่านนั้นไม่อยากไป ความรู้สึกที่เธอมีต่อเฉินหลิ่วเอ๋อ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางเป็นความรู้สึกดีๆได้

ถ้าหาก ก่อนหน้านี้หลังจากที่ถูกหลี่ยวี่ทอดทิ้ง นางสามารถตั้งสติและทำตัวให้ดีขึ้น ใช้ชีวิตดีๆ บางทีนางอาจจะสนใจนางอยู่บ้าง

แต่ว่าตอนนี้ นางกลับมีท่าทีหมดอาลัยตายอยาก กระทั่งเพราะถูกกระตุ้นจิตใจ ถึงกับลงมือทำร้ายพ่อของตนเอง

ลู่ม่านรู้สึกไม่ชอบจากใจจริง

แต่เฉินจื่ออานกลับบอกว่า ไม่ว่าอย่างไรลู่ม่านก็เป็นพี่สะใภ้ เรื่องนี้ เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตของเฉินหลิ่วเอ๋อ ทุกคนในบ้านต่างก็ไปกันหมด จะขาดลู่ม่านไปได้อย่างไร

ลู่ม่านจึงลุกขึ้นมาล้างหน้าแต่งตัว เพราะวันนี้มีเฉินหลิ่วเอ๋อเป็นตัวหลัก ฉะนั้น ลู่ม่านก็ไม่ได้บรรจงแต่งตัวอะไรมากนัก อีกทั้งยังเลือกที่จะสวมชุดที่ดูค่อนข้างแก่เสียด้วยซ้ำ บนศีรษะก็ปักแค่ปิ่นเงินหนึ่งชิ้น เช่นนี้ไม่มีทางเด่นกว่าเฉินหลิ่วเอ๋อแน่นอน

การปฏิบัติเช่นนี้ต่อเฉินหลิ่วเอ๋อ นับว่าทำดีที่สุดแล้ว

พวกเขานั้นแยกกันเดินทางไป เมื่อลู่ม่านกับเฉินจื่ออานไปถึง พวกเฉินหลิ่วเอ๋อได้นั่งอยู่ที่โถงใหญ่ที่อยู่ทางด้านล่างของร้านแล้ว

พวกลู่ม่านแสร้งทำเป็นว่ามาทำธุระ และบังเอิญมาพบพวกเขา ตาแก่เฉินจึงเรียกให้พวกเขามานั่งด้วยกัน

เพิ่งจะนิ่งลง ก็เห็นเฉินจื่อฉายวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาจากทางนอกร้าน ตอนนี้เฉินจื่อฉายหลังจากที่ได้เป็นเถ้าแก่แล้ว เขาก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่น่าจะเป็นเฉินเถาฮัวซื้อให้เขา น่าดูกว่าเมื่อก่อนมากทีเดียว

ถ้าหากไม่ยิ้ม ยังคงเหมือนเมื่อก่อนที่ดูขี้ขลาดไม่กล้าแสดงออกอยู่ดี ลู่ม่านนึกว่าเจอกับเถ้าแก่ใหญ่เข้าแล้วเสียอีก

เฉินจื่อฉายเดินเข้าไปทักทายพวกตาแก่เฉินกับเฉินหลี่ซื่อ ตาแก่เฉินรู้สึกไม่พอใจในการแต่งกายของเฉินจื่อฉายสักเท่าไหร่ “ทำไมจึงแต่งตัวเช่นนี้”

เฉินจื่อฉายนิ่งอึ้ง ยิ้มอย่างซื่อๆ “นี่เป็นชุดที่เถาฮัวเตรียมไว้ให้ข้า บอกว่าอย่าให้เสียหน้าท่านอาของนางเด็ดขาด”

เฉินจื่อฉายไม่อยู่บ้าน จึงไม่รู้เลยว่าเฉินหลิ่วเอ๋อนั้นไม่รู้เรื่องการจับคู่แต่งงานครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย

ตาแก่เฉินรีบตัดบทของเฉินจื่อฉายทันที พูดยิ้มๆ “หิวกันแล้วกระมัง ยากมากที่ครอบครัวเราจะอยู่กันพร้อมหน้า ดูสิว่าอยากจะกินอะไร จื่ออาน เจ้าไปสั่งเถอะ”

เฉินจื่ออานส่ายหน้า “ให้ท่านแม่กับหลิ่วเอ๋อไปสั่งดีกว่า ”

เฉินหลิ่วเอ๋อยังคงซึมๆ สุดท้ายก็เป็นเฉินหลี่ซื่อที่เรียกเสี่ยวเอ้อมาถาม จากนั้นก็สั่งอาหารไปสองสามอย่าง

ตอนที่รออาหาร นอกประตูมีคนที่แต่งชุดสีแดงเพลิงทั้งร่างเดินเข้ามาในร้าน พอคนคนนั้นเข้ามา ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ในร้าน

ไม่เพียงแต่ชุดที่มีสีสันสวยสะดุดตา บนศีรษะยังประดับสิ่งของไว้ไม่น้อย เพียงแต่ดูจงใจแต่งมากเกินไป ทำให้สูญเสียความงามไป

กวาดตามองดูในห้องโถง คนคนนั้นเดินตรงมาทางด้านที่พวกลู่ม่านกับเฉินจื่ออานนั่งอยู่ จนกระทั่งนางเดินมาถึงด้านหน้าของเฉินจื่อฉาย เรียกเขาว่าท่านพ่อ ทุกคนจึงได้สติเหมือนเพิ่งตื่นจากความฝัน คนคนนี้ก็คือเฉินเถาฮัวนั่นเอง

“เถาฮัว เจ้ามาได้อย่างไร”เฉินจื่อฉายก็ประหลาดใจอยู่บ้างเหมือนกัน

“ทำไมข้าจะมาไม่ได้เล่า”เฉินเถอฮัวพูดยิ้มๆ “วันนี้เป็นวันมงคลของท่านอาเล็ก ข้าย่อมต้องมาช่วยท่านอาดู ท่านอา ข้าแต่งกายเช่นนี้คงไม่ทำให้ท่านขายหน้ากระมัง”

เฉินเถาฮัวไม่เสียทีที่เป็นคนเคยไปยังสถานที่แบบนั้นมาก่อน แม้จะอายุแค่สิบกว่าปี แต่ว่าท่าทีชม้ายชายตายามพูดจาเช่นนั้น นางแสดงออกได้อย่างเป็นธรรมชาติดีมาก

เฉินจื่อฉายรีบดึงนางเอาไว้ “เถาฮัว อย่าเหลวไหล”

กลับเป็นเฉินหลิ่วเอ๋อ ที่ถูกคำพูดของพวกเขาแต่ละคน เตือนสตินางขึ้นมา นางเพิ่งจะสังเกตว่าคนทั้งบ้านขนกันมาในเมืองอย่างกะทันหันเป็นเรื่องที่ไม่ปกติเลยสักนิด

จึงลุกพรึ่บยืนขึ้นทันที เฉินหลิ่วเอ๋อพูดเสียงเย็นว่า “ไม่กินแล้ว!”

“หลิ่วเอ๋อ”เฉินหลี่ซื่อนั้นรักลูกสาวคนนี้มาก โดยเฉพาะหลังจากที่สูญเสียเฉินจื่อคังไปแล้ว ลูกสาวคนนี้แทบจะเป็นเพียงหนึ่งเดียวที่นางเหลืออยู่ แต่เมื่อเห็นว่าลูกสาวยิ่งอยู่ก็ยิ่งมีการกระทำที่เลยเถิด นางจึงยอมรับความเห็นของตาแก่เฉิน คิดอยากจะหาคนที่ค่อนข้างดีให้แต่งงานด้วย

ส่วนเฉินจูชิงคนนั้น ก่อนหน้านี้นางเองก็เคยเจอโดยบังเอิญหลายครั้ง เจ้าหนุ่มนั้นหน้าตาใช้ได้ทีเดียว และมีมารยาทมาก โดยเฉพาะ ในครอบครัวเขาไม่มีพ่อแม่ หลิ่วเอ๋อแต่งงานไปก็ไม่ต้องทนรับใช้ใคร

ด้วยนิสัยของหลิ่วเอ๋อ นี่คือตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

ฉะนั้น เฉินหลี่ซื่อจึงใส่ใจเรื่องการแต่งงานครั้งนี้มาก เพราะฉะนั้น นางรีบดึงตัวเฉินหลิ่วเอ๋อเอาไว้อย่างร้อนใจ ขอร้องด้วยคำพูดดีๆว่า “เด็กคนนั้นไม่เลวเลย แม่เคยเห็นแล้วต้องเป็นแบบที่เจ้าชอบแน่นอน ในเมื่อเจ้าก็มาแล้ว ไม่สู้อยู่ดูกันก่อน……”

“ข้าไม่ดู!”เฉินหลิ่วเอ๋อปฏิเสธเสียงแข็ง “ท่านแม่ ข้าเคยบอกแล้ว เรื่องของข้าพวกท่านไม่ต้องยุ่ง!”

“หลิ่วเอ๋อ……”เฉินหลี่ซื่อยังอยากจะขอร้องต่อ ตาแก่เฉินเคาะโต๊ะแรงๆ “เป็นสาวเป็นแส้ ทำไมจึงไม่ต้องการให้พวกเราตัดสินใจด้วย ตัวเจ้าเองจะตัดสินใจเองได้อย่างไร”

เฉินหลิ่วเอ๋อยังคงรู้สึกผิดต่อตาแก่เฉินอยู่ จึงไม่โต้เถียง แต่ว่าสีหน้ายังคงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง สะบัดมือของเฉินหลี่ซื่อออก แล้วนางก็วิ่งออกไป

เพิ่งจะวิ่งไปได้สองก้าว ก็ชนเข้ากับเฉินจูชิงที่กำลังเดินเข้ามาพอดี

เฉินจูชิงตกใจสะดุ้งโหยง รีบประคองตัวเฉินหลิ่วเอ๋อเอาไว้ เมื่อมองเห็นชัดเจนแล้วว่าเป็นเฉินหลิ่วเอ๋อ แม้แต่เฉินจูชิงที่เป็นบุรุษอกสามศอก ยังอดที่จะหน้าแดงไปถึงใบหูไม่ได้

“เจ้า เจ้าไม่เป็นไรกระมัง”

เฉินหลิ่วเอ๋อไม่สนใจเขา หลังจากลุกขึ้นแล้ว ก็ผลักตัวเขาออก

พวกตาแก่เฉินรีบตามไป เห็นว่าเป็นเฉินจูชิง ก็ยิ้มและพูดว่า “มาแล้วหรือ”

เฉินจูชิงพยักหน้า ด้านหลังของเขา มีเฉินเหมยเซียงตามมาด้วย คนของตระกูลเฉินเห็นว่าเฉินเหมยเซียงก็มาด้วย ต่างก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง

นี่แสดงว่า เฉินเหมยเซียงไม่คัดค้านการแต่งงานในครั้งนี้แล้ว

เช่นนั้น เรื่องที่จะดองญาติกันน่าจะมีโอกาสเป็นไปได้สูง

ตาแก่เฉินยินดีมาก จึงพูดออกไปว่า “ไม่ต้องแยกกันนั่งแล้ว ในเมื่อก็เปิดเผยแล้ว ก็นั่งด้วยกันเถอะ เสี่ยวเอ้อ รีบมาเพิ่มเก้าอี้ให้อีกสองตัว……”

เฉินจูชิงได้ยินดังนั้น ก็แอบมองไปทางเฉินหลิ่วเอ๋อ

นางรู้แล้วหรือ? ฉะนั้น นางก็เห็นด้วยหรือ?

ไม่เพียงแต่หญิงสาวที่สามารถตกอยู่ในห้วงอารมณ์แห่งความรักอันบริสุทธิ์ได้ แม้แต่จิตใจของชายหนุ่มก็ล้ำค่าเช่นกัน

เฉินหลี่ซื่อก็ดีใจมาก นางรู้ว่ารู้สาวนาง อย่างไรก็ต้องมีความโดดเด่น แม้จะเป็นการดูตัว ก็คงไม่มีใครไม่ชอบ

นึกถึงตรงนี้ นางก็ดึงมือเฉินหลิ่วเอ๋อขึ้นมาอีกครั้ง ค่อยๆดึงไปทางโต๊ะที่นั่งอยู่ครู่

ในขณะทั้งสองครอบครัวกำลังจะนั่งลง ทันในนั้นเฉินหลิ่วเอ๋อก็สะบัดมือของเฉินหลี่ซื่อออก “อย่าดึงข้า!”

เฉินหลี่ซื่อนิ่งอึ้ง แต่กลับเห็นเฉินหลิ่วเอ๋อกำลังเดินไปตรงหน้าเฉินจูชิง“เจ้าคือคนที่มาดูตัวข้าใช่ไหม”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน