ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 201

คนปกติทั่วไปต่างก็คาดหวังว่าตอนตายตนสามารถกลับบ้านเกิดได้ ดังนั้นจึงเข้าใจความคิดนี้ของเหอซานได้

ลู่ม่านไม่เคยคิดที่จะจับพวกเขาให้ทำงานให้นางตลอดชีวิต นางไม่ใช่คนที่ชอบบังคับคนอื่นเท่าไหร่นัก ดังนั้น นางพยักหน้าแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าพูดเช่นนี้เลย ตอนนั้นพวกเราตกลงกันแล้ว พวกเจ้ามีอิสระอยู่แล้ว ถ้าอยากกลับบ้านเกิดจริงๆ พวกเราจะสนับสนุนพวกเจ้าแน่นอน”

“ใช่!” เฉินจื่ออานพยักหน้า “รีบลุกขึ้นมาเถอะ”

“แต่ว่า……” เหอซานพูดตะกุกตะกัก “หลานสาวของข้าไม่ต้องกลับไปแล้วล่ะ”

เหอเย่วอึ้ง “ท่านปู่……”

“ข้าตัดสินใจแล้ว เจ้ายังเล็ก อพยพหนีออกจากบ้านเกิดแต่เล็ก ไม่มีความรู้สึกต่อบ้านเกิดมากเท่าไหร่นัก ตอนนี้ในเมื่อหาที่อยู่ดีๆได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องกลับไปลำบากหรอก”

ชะงักเล็กน้อย เหอซานทำท่าจะคำนับลู่ม่านกับเฉินจื่ออานอีกครั้ง เฉินจื่ออานรีบยื่นมือห้าม

“ไม่ได้นะท่าน ไม่ได้ ท่านอายุเยอะกว่าพวกเราจะมาคำนับได้อย่างไร!”

เหอซานก็ถึงหยุดทำ แล้วพูดขอร้องว่า “ข้าไปแล้ว หลานสาวของข้าก็ฝากท่านทั้งสองดูแลหน่อยนะ!”

“ท่านปู่ ข้าจะกลับไปกับท่าน!” เหอเย่วพูดอย่างแน่วแน่ “ท่านอายุมากแล้ว จะกลับไปคนเดียวได้อย่างไร?”

“ข้าไม่เป็นไร!” เหอซานพูดอย่างแน่วแน่เช่นกัน “เสี่ยวเย่ว ดูแลรับใช้นายท่านกับนายหญิงให้ดีนะ ต่อไปเจ้าจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น”

มองออกว่า เหอซานอยากให้อนาคตที่ดีแก่เหอเย่ว และถึงแม้สงครามตรงบ้านเกิดจะจบลงแล้ว แต่ยังไงก็ยังเป็นชายแดนอยู่ดี อาจจะมีสงครามเกิดขึ้นได้ทุกครั้ง

ลู่ม่านลังเลสักพักถึงจะพูดขึ้นว่า “ตอนนี้สงครามเพิ่งหยุด สถานการณ์ยังไม่แน่นอน ถึงแม้อยากกลับไป ก็ไม่ต้องรีบมากหรอก และถึงแม้สงครามจะหยุดแล้ว แต่ที่ดินบ้านพวกนี้ก็ยังไม่มีการแบ่งเลย พวกท่านกลับไปแล้ว ที่พักอาศัยก็ยังไม่มีเลย รอดูสถานการณ์ที่นี่กับพวกเราก่อนดีไหม ถ้าสถานการณ์มั่นคงแล้วค่อยกลับก็ไม่สาย!”

ลู่ม่านพูดอย่างมีเหตุผล เหอซานลังเลสักพักแล้วพูดว่า “ไม่รู้ว่าต้องรอไปจนถึงเมื่อไหร่กัน”

ลู่ม่านคิดแล้วก็พูดว่า “คนของตระกูลจวงอาจจะรู้ก็ได้ รอตอนที่ข้าไปโรงงาน ข้าจะช่วยเจ้าถามผู้ดูแลให้นะ”

เหอซานจะคำนับลู่ม่านอีกครั้ง แต่ถูกลู่ม่านห้ามเอาไว้ก่อน

“แม่นางพูดถูก พวกเราจะรออีกสักพัก”

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ข่าวการชนะสงครามของราชสำนักก็แพร่กระจายออกไปเรื่อยๆ คนโบราณพึงพอใจได้อย่างง่ายดายจริงๆ

การชนะสงครามครั้งนี้ ทุกคนต่างก็ดีใจกันมาก โดยเฉพาะผู้อาวุโสกว่าต่างก็พูดกันว่า ที่ที่พวกเราอยู่เป็นชายแดนของเขตสงคราม ถ้าขวางข้าศึกทางเหนือไว้ไม่ได้ ข้าศึกก็จะบุกมาถึงที่นี่

สุดท้าย พวกเราก็จะถูกกระทบไปด้วย ถึงว่า ก่อนหน้านี้ที่ลู่ม่านไปที่ตำบล ก็เห็นมีคนในตำบลมากมาย

ที่นี่ใกล้กับเมืองหย่งอานมากที่สุด ถ้าเมืองหย่งอานพ่ายแพ้ เมืองแรกที่จะถูกกระทบเลยก็คือ ตรงที่ที่พวกเขาอยู่

วันที่สองตอนไปโรงงาน ลู่ม่านไปหาผู้ดูแล ไม่คิดว่าผู้ดูแลกลับไม่อยู่

ถามคนอื่นๆดู พวกเขาต่างก็บอกว่า ผู้ดูแลถูกคุณชายจวงเรียกตัวไปที่เมืองหย่งอาน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า คุณชายจวงก็ต้องตามไปแน่นอน

ถามว่ากลับมาเมื่อไหร่ คำตอบที่ได้คือน้อยสุดครึ่งเดือน มากสุดก็สามเดือน

ลู่ม่าน “……”

ดูท่าแล้ว ตอนนี้คงจะยังไม่ได้ข่าวสารใหม่ๆอะไร

ตอนที่ออกมา ลู่ม่านก็เห็นเฉินจูชิงส่งของกลับมา ตั้งแต่ที่นัดบอดไม่สำเร็จแถมยังโดนเฉินหลิ่วเอ๋อดูถูกอีก เขาพูดจาน้อยลงไปมาก

ถึงแม้พวกเขาสองพี่น้องจะไม่โทษเฉินจื่ออานกับลู่ม่าน แต่ลู่ม่านก็ยังรู้สึกตงิดใจอยู่ดี

นางน่าจะคิดได้ตั้งแต่แรกว่าด้วยนิสัยของเฉินหลิ่วเอ๋อ น่าจะยอมรับเฉินจูชิงไม่ได้

กำลังมองไปอยู่นั้น กลับเป็นด้านหลังของเฉินจูชิง เหอเย่วที่สวมชุดสีเขียวเดินออกมาจากประตู ในมือยังมีกล่องอาหารเล็กๆอีกด้วย

ลู่ม่านรีบถอยหลังกลับไปยืนที่เดิม

เห็นเหอเย่วเดินไปนั่งลงตรงก้อนหินข้างๆ วางกล่องอาหารในมือลงบนนั้น จากนั้นก็ลุกขึ้นเก็บฟางข้าวขึ้นมาแล้วเดินไปหาเฉินจูชิง

เฉินจูชิงรีบพูดว่า “รีบวางลงเร็ว เจ้าไม่ต้องทำหรอก”

“ไม่เป็นไรหรอก!” เหอเย่วทำต่อ “เมื่อก่อนตอนอยู่ที่บ้าน ข้าก็ช่วยท่านปู่ทำบ่อยๆ” ว่าแล้ว นางก็เอาฟางข้าวป้อนให้วัวที่อยู่ตรงหน้าทีละนิดอย่างเชี่ยวชาญ

จากนั้นก็ใช้โอกาสตอนที่เฉินจูชิงไปล้างทำความสะอาดอ่างน้ำ ก็ไปเอาแปรงขัดมาจากมือของเฉินจูชิงแล้วขัดหลังของวัวเบาๆ

ทั้งสองเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ดูเหมาะสมกันเสียจริง

หลังจากที่ทำเสร็จแล้ว เหอเย่วก็ถึงเปิดกล่องข้าวออก เอาอาหารด้านในออกมาวางบนก้อนหิน “วันนี้พวกเราทำเยอะไปหน่อย เลยเก็บไว้ให้เจ้าน่ะ เจ้ายังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม? รีบกินสิ!”

ลู่ม่านมองดูอาหารตรงนั้น นั่นเรียกว่าทำเยอะไปเหรอ? นั่นมันเป็นอาหารของเหอเย่วเองต่างหาก นางประหยัดอดออม ก็เพื่อเก็บไว้ให้เฉินจูชิงกิน

ยัยบื้อคนนี้นี่จริงๆเล้ย

เฉินจูชิงกลับดันออกไป เขาพูดด้วยสีหน้าเข้มงวดว่า “ข้ากินแล้ว ต่อไปเจ้าอย่าเอามาให้ข้าอีกแล้ว”

“พี่จูชิง!” เหอเย่วพูดอย่างไม่พอใจ “ทั้งที่พี่ก็รู้ว่าทำไมข้าถึงส่งอาหารให้พี่ทุกวัน เหตุใดพี่ถึงไม่ยอมรับล่ะ?”

เฉินจูชิงรู้ตั้งนานแล้ว แต่ว่า……

เขาแสยะยิ้มอย่างขมขื่น ในสมองมีภาพหญิงสาวงดงามปรากฏขึ้น และคำพูดแทงใจดำนั้น “ข้าไม่มีอะไรเลย ไม่มีบ้าน และไม่มีครอบครัวด้วย ข้าให้อะไรเจ้าไม่ได้ เจ้าอย่ามาหาข้าอีกเลย!”

“ข้าไม่!” เหอเย่วขวางเฉินจูชิงเอาไว้

“ข้าไม่สนว่าพี่จะมีอะไรหรือไม่มีอะไร ข้าชอบพี่ ถึงคนอื่นจะรังเกียจพี่ยังไง นั่นเป็นเพราะนางคนนั้นไม่มีบุญ ข้าไม่เหมือนคนพวกนั้นหรอกนะ”

ลู่ม่านอิจฉาเฉินจูชิงจริงๆ คำสารภาพตรงๆของหญิงสาวตรงหน้า ลู่ม่านเป็นผู้หญิงฟังแล้วยังหวั่นไหวไปด้วยเลย

แต่ว่า เฉินจูชิงกลับใจแข็ง เขาผลักเหอเย่วออกไปอีกครั้ง “เจ้าเป็นผู้หญิง ไม่รู้จักอายบ้างเลยหรือไง? ใครสั่งสอนเจ้าแบบนี้กัน?”

คำพูดนี้แรงมาก เหอเย่วหน้าซีดเซียวลงทันที

“พี่รังเกียจข้าเหรอ?”

เฉินจูชิงเม้มริมฝีปาก นัยน์ตาประกายไปด้วยความสับสน แต่ไม่นาน เขาก็พยักหน้าพูดว่า “ใช่ ดังนั้น ต่อไปเจ้าอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก!”

ว่าแล้ว เขาก็เดินออกไปทันที

เหอเย่วนั่งยองลงพื้นอย่างหมดแรง ลู่ม่านอยากจะออกไป แต่คิดแล้วก็ถอยกลับมาดีกว่า

ผู้หญิงคนหนึ่งกว่าจะรวบรวมความกล้าสารภาพรักได้มันไม่ง่ายเลย แต่ว่า ตอนนี้กลับถูกคนที่ชอบปฏิเสธอีก นางคงจะไม่อยากให้คนอื่นเห็นสภาพนี้ของนาง

คิดได้เช่นนี้แล้ว ลู่ม่านก็กลับหลังหันเดินออกไป

หลังจากนั้นสองสามวัน เหอเย่วก็ไม่ได้ออกไปไหนอีกเลย ทุกวันเอาแต่ทำงานของตัวเองให้เสร็จ แล้วก็อยู่คนเดียวลำพัง

ครึ่งเดือนหลังจากนั้น ผู้ดูแลของจวงลี่จ้งก็กลับมาจากเมืองหย่งอาน

หลังจากที่กลับมา เขาก็ไปหาลู่ม่านทันที เหอเย่วยืนเหม่ออยู่ข้างๆ

ผู้ดูแลนั่งลงแล้ว ก็เอาของฝากจากเมืองหย่งอานมาให้ลู่ม่าน จากนั้นก็ถามว่า “คุณชายฝากข้าถามว่า ไม่ทราบว่าการทดลองปลูกพริกเป็นอย่างไรแล้วบ้าง!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน