ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 202

ลู่ม่านพยักหน้า “อยู่ในแผนการทั้งหมดแล้ว พริกเริ่มโตออกมากันแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นาน ก็จะสามารถเด็ดได้”

ผู้ดูแลได้ยินแล้วก็ดีใจมาก “งั้นครั้งนี้ข้าก็ขอยินดีกับแม่นางไว้ล่วงหน้าเลยแล้วกัน”

ลู่ม่านอึ้ง “ทำไมถึงพูดเช่นนี้ล่ะ?”

ผู้ดูแลก็ถึงพูดว่า “ครั้งนี้ข้ากลับมาจากเมืองหย่งอาน ได้ยินคุณชายบอกว่า สงครามทางเหนือได้รับชัยชนะแล้ว ฝ่าบาททรงพอพระทัยมาก ดังนั้นท่านจึงจะให้รางวัลแก่ทุกคนที่ได้ทำคุณงามความดีแก่สงครามในครั้งนี้ และด้านเสบียงกองทัพ คุณชายจวงรายงานเรื่องบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของแม่นางไปแล้ว บอกว่าทางเหนือเป็นพื้นที่เหน็บหนาวมีหิมะตกเกือบตลอดเวลา ถ้าไม่ได้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปร้อนๆของแม่นาง ทหารมากมายคงจะอดตายกันแล้ว ดังนั้น คุณชายจึงฝากมาบอกให้ท่านรอรับรางวัลได้เลย!”

จิ๊ ยังมีเรื่องดีขนาดนี้ด้วยเหรอ?

ลู่ม่านเม้มริมฝีปาก “จริงเหรอ?”

“จริงแท้แน่นอนขอรับ!” ผู้ดูแลพูด “ถ้าไม่แน่ใจ คุณชายของเราก็คงไม่พูดเช่นนี้”

ลู่ม่านดีใจมาก จึงรีบถามว่า “งั้นฝ่าบาทจะให้รางวัลอะไรล่ะ ปกติจะให้รางวัลยังไงเหรอ?”

ผู้ดูแลอึ้ง คงไม่คิดว่าจะมีคนถามแบบนี้? สำหรับชาวบ้านทั่วไป ขอแค่ได้รับรางวัลของฝ่าบาท ถึงจะเป็นก้อนหิน ก็จะเก็บเอาไว้บนหิ้งอยู่ดี อีกอย่าง ฝ่าบาทคงไม่ให้แค่ก้อนหินหรอก

“คือ……ถ้าเป็นปกติ ก็น่าจะให้เงินไม่ก็ที่ดินนะ!”

แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน! ลู่ม่านรีบถามด้วยรอยยิ้มว่า “งั้นคุณชายของพวกเจ้าจะกลับมาเมื่อไหร่?” ลู่ม่านถาม

“คือว่า……” ผู้ดูแลลังเลสักพัก “ยังไม่แน่ใจขอรับ ตอนนี้หลังจากที่สงครามจบไปแล้ว ท้องพระคลังว่างเปล่า ได้ยินมาว่าเบื้องบนอาจจะเริ่มสืบหาพวกขุนนางที่คดโกง ตระกูลจวงของเราถึงแม้จะไม่ได้รับผลกระทบทางด้านนี้ แต่คุณชายก็ต้องอยู่ในเมืองหลวงคอยสังเกตสถานการณ์ตลอดเวลา”

น่าจะเป็นเพราะเรื่องของอ๋องหนิงสินะ? อ๋องหนิงอยู่มาจนถึงตอนนี้ น่าจะมีอำนาจของตัวเอง เขาก็ไม่กล้ารับประกันว่าลูกน้องของเขาไม่มีคนคดโกง

ลู่ม่านจึงไม่ถามอีก หลังจากที่บอกลากันแล้ว ก็ไปหาเฉินจื่ออานที่ไร่ทันที

ไม่คิดว่า เพิ่งเดินออกมาจากด้านใน ก็เห็นมีคนแอบปีนเข้ามาทางหน้าต่าง

“ใคร?” ลู่ม่านพูดเสียงเข้ม

เหอเย่วรีบตามไป แต่นางก็ไปช้าเกินไป ไม่เห็นอะไรเลย

ลู่ม่านขมวดคิ้ว ตามหลักแล้วทางโรงงานก็มีแต่คนที่ตระกูลจวงคัดเลือกมา นอกเหนือจากนั้น ก็เป็นชาวบ้านธรรมดาทั่วไป จะมีคนมาแอบฟังได้ยังไงกันนะ?

“พี่เสี่ยวม่าน ขอโทษด้วย เป็นเพราะข้าคนเดียว……” เหอเย่วรู้สึกผิดมาก

ลู่ม่านส่ายหน้า “ช่างเถอะ เมื่อกี้พวกเราไม่ได้พูดความลับอะไรสักหน่อย เขาน่าจะไม่ได้ยินอะไรหรอก ครั้งหน้าก็ระวังหน่อยแล้วกัน!”

เฉินจื่ออานกำลังตัดแต่งต้นพริกอย่างระมัดระวังในสวน เพราะเป็นสวนที่ทดลองเพาะปลูก เฉินจื่ออานอยากทำให้ดีที่สุด ดังนั้นทุกวันพอเรียนเสร็จแล้ว เขาก็จะมาช่วยงานที่นี่ทันที

ลู่ม่านเดินไปก้มดูพริกที่เติบโตขึ้นทุกวัน เดินเข้าไปแล้วปิดตาของเฉินจื่ออาน

“เดาสิข้าเป็นใคร?” อารมณ์ดี น้ำเสียงของลู่ม่านจึงอ่อนหวานไปด้วย

“เสี่ยวม่าน!” เฉินจื่ออานยิ้มแล้วแกะมือของลู่ม่านออก “วันนี้ทำไมถึงมาที่สวนล่ะ?”

“ก็ต้องมาบอกข่าวดีกับเจ้าน่ะสิ!” ล่ม่านกะพริบตาพูดต่อ “เจ้าลองเดาสิ”

เฉินจื่ออานส่ายหน้า เขาเดาไม่ออกจริงๆ ลู่ม่านมีความคิดแปลกๆตลอด เขาจะเดาออกได้ยังไง? ลู่ม่านก็ไม่อยากทำให้เขาลำบากใจ จึงบอกเรื่องวันนี้ที่ผู้ดูแลบอกมาทั้งหมดแก่เขา

เฉินจื่ออานได้ยินแล้วก็ดีใจอย่างมาก “ฝ่าบาทจะให้รางวัลงั้นเหรอ? นั่นเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเลยนะ!”

ปฏิกิริยาตอนที่ได้ยินว่าจะได้รับรางวัลจากฝ่าบาทของคนยุคโบราณกับคนยุคสมัยใหม่ช่างแตกต่างกันจริงๆ ปฏิกิริยาของเฉินจื่ออานเหมือนกับคนยุคโบราณปกติไม่มีผิด

“ไม่ได้ พวกเราจะต้องเปลี่ยนโฉมของรับแขกสักหน่อย ถึงเวลาจะได้บูชาราชโองการไว้!” ว่าแล้ว เฉินจื่ออานก็เดินออกจากสวน

ลู่ม่านรีบลากเขาไว้ “ไม่ต้องรีบหรอก เรื่องนี้แค่พูดเท่านั้น คุณชายจวงยังไม่กลับมา ได้ยินมาว่าฝ่าบาทจะจัดการพวกขุนนางที่คดโกง……”

พูดถึงตรงนี้ เสียงของลู่ม่านก็เบาลง ทั้งสองเงียบลงพร้อมกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ของบ้านเมือง พวกเขาโชคดีได้รับรู้ แต่ก็จะเอาไปเผยแพร่ไม่ได้

หลังจากที่ช่วยเฉินจื่ออานตัดแต่งกิ่งไม้เสร็จแล้ว ระหว่างทางที่กลับไปลู่ม่านก็ไปที่พื้นที่ห้าสิบไร่นั้นอีกครั้ง

ห้าสิบไร่นั้นมีครึ่งหนึ่งที่นางปลูกพริกเอาไว้ เพราะปลูกไว้นานกว่า จึงสุกกว่าไร่อื่น มีทั้งเขียวและแดง ดูงดงามมากภายใต้แสงแดดที่สาดส่องลงมา

เฉินจื่ออานนึกถึงคำถามที่ผู้ดูแลถามเมื่อกี้ ในใจก็รู้สึกกังวล

“ตอนนี้มีพริกเยอะขนาดนี้ พวกเรากลับเอาไปขายไม่ได้ ไม่งั้น ก็จะออกมาเร็วกว่าที่ฝ่าบาทได้ทรงทดลองปลูกไว้ แต่ถ้าไม่เด็ดสักที ทิ้งไว้แบบนี้ต่อไปก็ได้เสียหมดน่ะสิ”

ลู่ม่านไม่กังวลหรอกนะ นางกะพริบตาพูดว่า “ไม่ต้องกลัวหรอก ในเมื่อมีพริกแล้ว พวกเราก็เก็บ หลังจากเก็บหมดแล้ว ข้ามีวิธีเก็บรักษาพวกมัน”

เฉินจื่ออานก็ถึงสบายใจ เขารู้ว่าลู่ม่านต้องมีวิธีแน่นอน

เรื่องของราชโองการ สองสามีภรรยาเก็บเงียบเอาไว้ ไม่เอาไปพูดที่ไหน

เพราะตอนเช้า ก็ต้องเริ่มเก็บพริกกันแล้ว

พื้นที่ยี่สิบกว่าไร่ แค่พวกเขาคงจะเก็บกันไม่ไหว ดังนั้น ลู่ม่านเลยให้เหยาซื่อไปหาคนงานระยะสั้นมา

แต่ครั้งนี้คนงานระยะสั้นกลับมีน้อยมาก

หลักๆเลยคือ ใกล้ถึงฤดูร้อนแล้ว เป็นช่วงที่ยุ่งที่สุดของชาวเกษตรกร พวกเขาให้ความสำคัญกับพืชผลมากที่สุด ดังนั้น ทุกคนจึงไปยุ่งอยู่กับสวนของตัวเอง

เหยาซื่อจึงแนะนำลู่ม่านว่า “ตอนนี้สวนของพวกเราเยอะขนาดนี้ ไปซื้อคนงานระยะยาวมาดีกว่านะ”

ลู่ม่านอึ้ง ถึงแม้จะอยู่ในยุคโบราณจะหนึ่งปีแล้ว แต่นางก็ยังรับไม่ได้กับการที่ต้องซื้อมนุษย์ ลู่ม่านที่เติบโตมาในยุคสมัยใหม่ ในสมองยังมีอุดมคติที่ว่ามนุษย์มีสิทธิ์เท่าเทียมกัน

“เรื่องนี้เอาไว้ก่อนเถอะ รองานช่วงนี้เสร็จแล้วค่อยว่ากันอีกที”

เหยาซื่อไม่รู้จะทำยังไงกับนาง จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าแปลกใจจริงๆ เมื่อก่อนเสี่ยวม่านมีครอบครัวยังไงกันนะ จะว่าเจ้าเป็นลูกสาวของชาวสวน แต่เจ้าก็อ่านหนังสือออก หาเงินจากการทำไร่ทำนา ทำเป็นทุกอย่าง ไม่เหมือนลูกสาวชาวสวนทั่วไป แต่จะบอกว่าเจ้าเป็นลูกสาวชนชั้นสูง? แค่ซื้อคนงานระยะยาวเจ้าก็ยังรับไม่ได้ งั้นที่บ้านเจ้าก็คงจะไม่มีข้ารับใช้สินะ?”

ลู่ม่านเศร้า “งั้นเจ้าก็ถือเสียว่าข้าเป็นคนแปลกแล้วกัน ข้าก็ไม่รู้ว่าเมื่อก่อนข้าเป็นยังไงเหมือนกัน”

เหยาซื่อส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ “ยังไงก็เถอะ ตอนนี้งานเจ้าหนักขึ้นเรื่อยๆแล้ว ก็ยอมรับไว้เถอะ ข้าเตือนไว้เพราะหวังดีกับเจ้า ไม่งั้นถึงเวลาเจ้าได้เหนื่อยตายแน่! ถ้ามีคนที่เหมาะสม เจ้าก็ซื้อกลับมาเถอะ……”

“อืม ข้าจะพิจารณาเอง” ลู่ม่านพยักหน้า

คนงานระยะสั้นครั้งนี้หาได้แค่สามคน ดังนั้นลู่ม่าน เฉินจื่ออาน เหอเย่ว เห่อซานอยู่ที่สวย เดิมทีลู่ม่านไม่ได้อยากให้เหอซานมาด้วย เหอซานอายุมากขนาดนี้แล้ว ถ้าเป็นในยุคสมัยใหม่ก็คงเกษียณเล่นหมากล้อมอยู่บ้านแล้วล่ะ นางจะให้เขามาทำงานลำบากอีกได้ยังไงกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน