ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 209

หวังต้าลี่แสยะยิ้มอย่างขมขื่น “เหมือนอย่างที่เจ้าพูด เมื่อวานที่ข้าตกใจตอนเจอผู้ชายคนนั้นก็เพราะว่าเห็นกระเป๋าในมือของเขา ตอนนั้น ข้าคิดว่านางถูกคนอื่นรังแก ต่อมา ตั้งแต่ที่ข้าออกมาจากโรงงาน ข้าก็รีบไปที่ตำบลทันที แต่กลับเห็นภายในบ้านของนางว่างเปล่า ข้าเลยรู้ว่า ข้าโดนหลอกแล้วล่ะ”

มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ เฉินจื่ออานเบิกตาโพลงอย่างไม่อยากจะเชื่อ

แต่ว่า สิ่งที่น่าตกใจมากกว่าก็คือความสามารถในการยอมรับของหวังต้าลี่ เขาใจเย็นมากจริงๆ

เฉินจื่ออานขมวดคิ้ว “ต้าลี่ เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“ไม่เป็นไร เรื่องที่แม่ข้าจากไปข้ายังยอมรับได้เลย ยังมีอะไรที่ข้ายอมรับไม่ได้อีกล่ะ?”

เฉินจื่ออานก็ถึงวางใจ หวังต้าลี่ก็พูดต่อว่า “แต่ว่า ข้าเองก็เตรียมจะใส่ร้ายเจ้าเหมือนกัน วันนั้นตอนที่ข้ายืนอยู่ด้านนอก ได้ยินแม่เจ้าพูดกับผู้ดูแลว่า แปลงทดลองปลูกพริกของพวกเจ้าอาจจะได้รับรางวัลจากฮ่องเต้ ตอนแรกข้าว่าจะเอาน้ำเสียไปสาดใส่แปลงปลูกพริกของพวกเจ้า!”

เฉินจื่ออานตกใจ “หวังต้าลี่ เจ้า……”

“แต่ว่า ข้าไม่ได้สาด!” หวังต้าลี่หัวเราะเสียงดัง “ข้าทิ้งไปแล้วล่ะ! ต่อไป เจ้าก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน”

พูดจบ เขาก็ก้าวเดินออกไปภายใต้พระอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องมา

เฉินจื่ออานยืนอยู่ตรงนั้นสักพัก ก็ถึงเดินกลับไป ลู่ม่านตื่นเพราะเสียงของเขา นางลืมตามองเขาอย่างงัวเงีย “ทำไมถึงตื่นเช้าแบบนี้ล่ะ?”

เฉินจื่ออานขึ้นเตียงอีกครั้ง เขากอดลู่ม่านเอาไว้แน่น ลู่ม่านก็ซบลงไปในอ้อมกอดของเขา แล้วหลับตานอนต่อ

ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันอีก ผ่านไปอีกสักพัก ลู่ม่านก็ถึงลืมตาขึ้น “ทำไมเหรอ? ตอนเช้าใครมาหาเจ้าเหรอ?”

“หวังต้าลี่!” เฉินจื่ออานพูด “เขาไปแล้ว บอกว่าจะไปเมืองหย่งอาน”

ลู่ม่านคิดไม่ถึงเลยว่า หวังต้าลี่จะมีความคิดแบบนี้ได้ นางพยักหน้าแล้วพูดว่า “เป็นเรื่องดีนี่ เขาคิดอยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ก็ดี พวกเราควรจะอวยพรเขาสิ”

“แต่ว่า เขาบอกเรื่องหนึ่งกับข้า……” เฉินจื่ออานขมวดคิ้ว

“เรื่องอะไรเหรอ?” ลู่ม่านรีบเงยหน้าขึ้น ขนาดมือที่กอดแขนของเฉินจื่ออานก็ยังแน่นขึ้นเลย ปกติ นางมักจะทำตัวไม่เกรงกลัวอะไรอยู่แล้ว

แต่ว่า นางเป็นผู้หญิง มักจะมีสิ่งที่ตัวเองกลัวอยู่ในใจ

เฉินจื่ออานรู้ว่า ในใจของลู่ม่าน เป็นห่วงเขามากที่สุด ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แล้วเกี่ยวข้องกับเขา นางจะกังวลอยู่ตลอดเวลา

“ไม่มีอะไรหรอก!” คำพูดถึงปากแล้ว ก็ต้องกลืนกลับเข้าไปใหม่ กลับไปคิดวิธีหาคนคนนั้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน!

คิดได้เช่นนี้แล้ว เฉินจื่ออานก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นสิ เห็นเขาไปแบบนี้แล้ว ข้าก็คิดในใจเยอะมาก ตอนเด็ก ข้ากับเขาก็ถือได้ว่าโตมาด้วยกัน”

ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ลู่ม่านลุกขึ้นกอดคอของเฉินจื่ออานไว้ “เจ้ายังมีข้านะ”

“อืม!” เฉินจื่ออานพูดด้วยรอยยิ้ม “มีเจ้าแล้วดีจริงๆ”

“ปากหวานจริงๆ!” ลู่ม่านดีใจจึงพูดว่า “ใกล้ถึงวันไหว้บ๊ะจ่างแล้ว ข้าได้ยินมาว่า ที่ตำบลมีกิจกรรมพายเรือมังกร พวกเราไปเล่นกันเถอะ!”

ช่วงนี้มีเรื่องเครียดตลอด เฉินจื่ออานก็ไม่อยากให้ลู่ม่านเครียดตลอดเวลา จึงพยักหน้าพูดว่า “ได้ รอถึงวันนั้นแล้ว พวกเราหยุดงานให้ทุกคนในโรงงานกันนะ ให้ทุกคนได้ไปเล่นด้วยกัน”

“หื้ม คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีความคิดที่ก้าวหน้าขนาดนี้” ลู่ม่านพูดด้วยรอยยิ้ม นั่นน่ะสิ ตอนนี้คำพูดของเฉินจื่ออานยิ่งอยู่ก็ยิ่งเหมือนคนยุคสมัยใหม่แล้ว

วันหยุดนักขัตฤกษ์!

“งั้นก็แจกบ๊ะจ่างด้วยแล้วกัน?” ลู่ม่านพูด

“ได้!” เฉินจื่ออานตอบตกลง หลังจากตัดสินใจแล้ว ลู่ม่านก็ลุกจากเตียง อีกสองวันก็ถึงวันไหว้บ๊ะจ่างแล้ว โรงงานมีพนักงานเยอะ ถ้ามีความคิดอะไร ก็ต้องตัดสินใจโดยเร็ว

เฉินจื่ออานก็ลุกจากเตียงเหมือนกัน เห็นลู่ม่านออกไปแล้ว เขาก็ตามออกไปบ้าง “เสี่ยวม่าน ช่วงนี้ข้าเหนื่อยน่ะ อยากจะพักผ่อน”

ลู่ม่านอึ้ง “ทำไมเหรอ? ปวดหัวหรือเปล่า?”

แผลบนหัวของเฉินจื่ออานยังไม่หายดีเลย เฉินจื่ออานส่ายหน้า “ไม่ใช่ แค่อ่านหนังสือจนเหนื่อยน่ะ ให้ข้าทำของขวัญวันไหว้บ๊ะจ่างกับเจ้านะ”

นั่นสิ เพื่อให้ตัวเองเก่งขึ้น เฉินจื่ออานเอาแต่อ่านหนังสือทั้งปีเลย

“ได้ เจ้าจะได้พักสมองบ้าง” ลู่ม่านพูดด้วยรอยยิ้ม ปล่อยให้เฉินจื่ออานจับมือของนางแล้วเดินไปที่โรงงานด้วยกัน

ผู้ดูแลได้ยินที่ลู่ม่านพูด ก็รู้สึกประหลาดใจมาก “ไม่มีกฎแบบนี้มาก่อนเลยนะ?”

ที่จริงโรงงานหลายที่ น้อยมากที่จะหยุดให้พนักงาน เทศกาลไหว้บ๊ะจ่างในตอนนี้ยังไม่ใช่วันหยุดตามกฎหมาย เพราะนี่เป็นแค่เทศกาลบูชาที่ชาวบ้านจัดขึ้นเองเท่านั้น

“ไม่ต้องสนเรื่องกฎหรอก พวกเราทำแล้วเดี๋ยวก็มีเอง อีกอย่าง บ้านเมืองใหญ่ขนาดนี้ เจ้ารู้ได้ยังไงว่าที่อื่นเขาจะไม่ทำกัน?”

ผู้ดูแลเห็นลู่ม่านพูดแบบนี้ ในใจกลับนึกถึงคำพูดที่จวงลี่จ้งเคยพูด ถึงว่าคุณชายจวงถึงบอกว่าแม่นางลู่พูดเก่งมาก ขนาดคุณชายจวงยังพูดแข่งกับนางไม่ได้เลย เขาจะพูดแข่งได้ยังไงล่ะ?

ยังดีที่คุณชายจวงบอกไว้ก่อนแล้วว่า ถ้าเรื่องเล็กที่ไม่มีผลกระทบร้ายแรงก็ทำตามที่ลู่ม่านบอกเลย นางไม่ทำอะไรเล่นๆหรอก!

ดังนั้นหลังจากที่ผู้ดูแลครุ่นคิดแล้ว จึงพยักหน้าพูดว่า “ได้ แม่นางลู่จัดการได้เลย”

“งั้นก็ตกลงตามนี้แล้วกัน ข้ามาเตรียมบ๊ะจ่างอร่อยๆให้ทุกคนนะ ถึงเวลา ตอนบ่ายของงานไว้บ๊ะจ่าง พวกเราก็จัดการแข่งขันห่อบ๊ะจ่างกัน จากนั้นก็คัดเลือกมาสามคนแล้วให้เงินรางวัล สุดท้าย ค่อยเอาบ๊ะจ่างไปต้มสุกแล้วแจกให้ทุกคนในโรงงาน”

ผู้ดูแลได้ยินแล้วก็หัวโตทันที แต่ก็ยังพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ได้เลย”

ลู่ม่านคิดได้แล้ว ก็ไปหาเหยาซื่อและเฉินเหมยเซียง จัดกิจกรรมเดียวกันกับโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

สุดท้าย หลังจากที่จัดการเสร็จแล้ว ลู่ม่านก็ถึงกลับไป

หลังจากที่พูดถึงบ๊ะจ่าง ในหัวของลู่ม่านก็มีบ๊ะจ่างหลากหลายรสชาติลอยขึ้นมา มีทั้งบ๊ะจ่างแป้งใสไส้หวาน ไส้เนื้อ ไส้แฮม ไส้ไส้กรอก ไส้กุ้ง ไส้หมูชิ้น ยังมีบ๊ะจ่างไม่มีไส้ด้วย และบ๊ะจ่างไส้ถั่วแดง ไส้ถั่วปากอ้า ไส้พุทราจีน ไส้กุหลาบ ไส้เมล็ดแตงโม ไส้ถั่วแดงกวน ไส้พุทราจีนกวน ลู่ม่านอดไม่ได้กลืนน้ำลายเอื๊อกๆ ไม่ได้กินนานแล้ว คิดถึงพวกมันจริงๆ

บอกรสชาติพวกนี้กับเหอเย่วแล้ว นางก็พูดขึ้นอย่างแปลกใจว่า “มีบ๊ะจ่างเยอะขนาดนั้นเชียวเหรอ?”

ลู่ม่านงง “แล้วบ๊ะจ่างของพวกเจ้าเป็นยังไง?”

เหอเย่วคิดแล้วก็พูดว่า “บ๊ะจ่างที่ข้ารู้จักก็มีแต่ บ๊ะจ่างหยู่จา บ๊ะจ่างไป๋โซ บ๊ะจ่างจวี้……”

ลู่ม่านอึ้ง แตกต่างจากที่นางพูดมาทั้งหมดเลย แต่ว่า มันกลับทำให้นางรู้สึกสงสัย “บ๊ะจ่างพวกนี้ยังเรียกแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?”

เหอเย่วส่ายหน้า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้ายังไม่เคยกินเลยสักอย่าง ที่ที่พวกเราอยู่มีแต่สงคราม แค่กินอิ่มก็เป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว จะมีบ๊ะจ่างให้กินอีกได้ยังไง?”

เป็นเด็กที่น่าสงสารจริงๆ ลู่ม่านยื่นมือไปตบไหล่ของนางเบาๆ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเจ้าก็ไปกินบ๊ะจ่างด้วยกันกับพี่สาวคนนี้เถอะ!”

คิดได้แล้ว ลู่ม่านก็เรียกเหอเย่วขับรถม้าไปที่ตำบลกันสองคน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน