หลายวันก่อนหน้านี้ ภายใต้การนำของเพื่อนร่วมชั้น เฉินจื่อคังได้ทำความรู้จักกับผู้อำนาจคนหนึ่ง
บอกว่า ขอเพียงมอบเงินจำนวนสิบพวงเงิน จะสามารถได้รับตำแหน่งซิ่วไฉของการสอบครั้งนี้อย่างแน่นอน แต่ไหนแต่ไรเขาอาศัยความรักที่คนในครอบครัวมีต่อเขา ฉะนั้นจึงไม่กลัวอะไรเพราะมีที่พึ่ง
แต่ อย่างน้อยก็รู้จักละอายใจอยู่บ้าง ไม่กล้าบอกว่าจะติดสินบน แต่บอกว่าเป็นการพบปะสังสรรค์
แม้จะมีความลำบากอยู่บ้าง แต่พี่ชายทั้งหลายต่างก็ให้คำมั่นว่าจะหามาให้เขาจนครบ
วันนี้ เขาไปพบกับผู้มีอำนาจคนนั้นอีกแล้ว พูดคุยกันอย่างถูกคอ
ในขณะที่กำลังดีใจ เฉินจื่ออานก็วิ่งออกมาอย่างกะทันหัน ผ่านไปชั่วครู่ ทำเอาตกใจจนมารยาทที่มีติดตัวเขาหายไปจนสิ้น
“พี่สาม พี่มาได้อย่างไร”
เฉินจื่ออานนิ่งอึ้ง รู้สึกว่าเฉินจื่อคังในวันนี้ไม่เหมือนกับที่เขาคิดเอาไว้เลย แต่ก็ไม่ได้คิดมาก จึงพูดว่า “พอดีข้ามาตลาด จึงมาเยี่ยมเจ้า ทำไมวันนี้เจ้าไม่ไปเรียน”
“ข้า……”เฉินจื่อคังมีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วมาก รีบโน้มตัวลงคำนับเฉินจื่ออานอย่างนอบน้อมเหมือนปกติทันที “พี่สาม พี่สะใภ้สาม ลำบากพวกท่านแล้ว”
ลู่ม่านมองดูเขาทำการแสดงอย่างเงียบๆ เฉินจื่ออานกลับดีใจมาก “ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ เราต่างก็เป็นพี่น้องกัน”
เฉินจื่อคังเห็นดังนั้น จึงวางใจและพูดว่า “วันนี้ได้ออกมาร่วมงานพบปะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมชั้นสองสามคน”
เฉินจื่ออานได้ยิน และกำลังจะเอ่ยถึงเรื่องเงินสิบพวง ลู่ม่านก็ยื่นมือออกมาตัดบทเขา “จื่อคังดูแล้วเป็นคนมีความรู้ความสามารถมาก ต้องได้รับตำแหน่งซิ่วไฉแน่”
“ใช่แล้ว ”เฉินจื่ออานก็พยักหน้า เขานั้นรู้สึกจากใจจริงว่าเฉินจื่อคังสามารถเป็นซิ่วไฉได้
เฉินจื่อคังกลับมองไปทางลู่ม่านด้วยความระอาใจแวบหนึ่ง รู้สึกว่าคนที่เรียกว่าพี่สะใภ้คนนี้ สายตาแหลมคมเกินไป มองเขาอย่างทะลุปรุโปร่งตั้งนานแล้ว
แต่พอมาคิดดูอีกที เป็นไปไม่ได้
นางก็แค่ผู้หญิงที่ไม่มีความรู้อะไร และยังถูกครอบครัวทอดทิ้ง จะฉลาดขนาดนั้นได้อย่างไร
เมื่อพูดเปรยไม่สำเร็จ เฉินจื่อคังก็เอ่ยขึ้นด้วยตนเองว่า “พี่สาม เรื่องเงินสิบพวงที่คุยกันครั้งที่แล้ว ข้ามาคิดดูแล้วเป็นการทำให้พวกพี่ลำบากใจจริงๆ ถ้ามีวันหนึ่ง หากข้าสอบผ่าน ต้องตอบแทนพี่ชายแน่”
พูดจบ ก็โค้งตัวคำนับอีกครั้ง ครั้งนี้ ลู่ม่านมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคิดไว้ทั้งหมด
เฉินจื่ออานรีบประคองเขาขึ้นมา “พ่อแม่กับพี่ใหญ่และพี่รองไม่ได้หวังให้เจ้ามาตอบแทน หวังเพียงเจ้าจะสามารถสอบผ่าน ทำให้ครอบครัวภาคภูมิใจ ”
เมื่อเห็นเฉินจื่ออานถูกหลอกอีกแล้ว นางก็แอบด่าในใจว่าโง่ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าวันนี้น้องสามีออกมากับเพื่อนร่วมชั้นคนใด”
เฉินจื่อคังนิ่งไป พูดชื่อที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีว่า “อวีเหวินฮุยกับเหลียงจื่อโต้ง”
ลู่ม่านพยักหน้า เฉินจื่ออานก็กำชับอีกหลายประโยค เอาขนมเหล่านั้นยัดให้กับเฉินจื่อคัง และใช้สายตาส่งเขาเดินกลับเข้าไป
เมื่อมองไม่เห็นเงาร่างแล้ว เฉินจื่ออานจึงพูดว่า “ไปเถอะเสี่ยวม่าน”
“ไม่รีบ”ละครสนุกๆเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
ลู่ม่านเดินไปยังชายชราที่เฝ้าประตูเมื่อครู่และถามขึ้นว่า “ท่านผู้เฒ่า ไม่ทราบว่าอวีเหวินฮุยกับเหลียงจื่อโต้งเป็นนักเรียนของที่นี่หรือไม่”
ชายชราพยักหน้า “ใช่”
“ข้าได้รับการไหว้วานจากครอบครัวของทั้งสองคน ให้นำของมาส่งให้พวกเขา ไม่ทราบว่าวันนี้พวกเขาออกไปข้างนอกจะกลับมาอีกหรือไม่”
ชายชราชะงัก “ไม่ทราบว่าแม่นางท่านนี้ไปรู้มาจากที่ไหนว่าทั้งสองท่านออกไปข้างนอก วันนี้ทั้งสองคนไม่ได้ไปไหนเลย”
เฉินจื่ออานนิ่งอึ้งทันที “ท่านผู้เฒ่า จำผิดหรือไม่”
ชายชราคนนั้นโมโหมาก “ข้าเฝ้าประตูที่นี่มาสิบกว่าปี นักเรียนในโรงเรียนข้ารู้จักดีทุกคน ไม่มีทางจำผิดแน่นอน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...
บทที่241-311 หายค่ะ...