ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 213

“ชักจะไปกันใหญ่แล้ว!” ต่อหน้าประชาชนทั้งเมือง ซวนเหวินลี่ดูจะยุติธรรม

หลังจากที่ดูหลักฐานแล้วก็รีบปล่อยออกไปห้าหกคนทันที ทำเอาประชาชนโห่ร้องยินดี หลังจากนั้นก็เหลือแค่สามคน มีสองคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้จริงๆ ยังมีอีกคนก็คือเฉินจื่ออาน

ในที่สุดก็มาถึงเฉินจื่ออานแล้ว ผู้จับนักโทษคนเมื่อวานออกมาพูดว่า “ผู้ว่าการอำเภอ คนผู้นี้เป็นเศรษฐีของหมู่บ้านไป่ฮัว แค่เวลาครึ่งปีก็ร่วมมือกันกับตระกูลจวงเปิดโรงงานเยอะมาก ก่อนหน้านี้ เขายังเคยกินข้าวกับผู้ว่าการอำเภอคนก่อน คนก่อนคนนั้นกลับมาแล้วก็ชมเขาไม่ขาดปาก ยังบอกว่าต่อไปเขาจะไม่ใช่คนที่มีโลกแคบอีก”

ผู้จับนักโทษคนนั้นพูดจบ ก็ยิ้มตาหรี่มองซวนเหวินลี่ ท่าทางเหมือนรอคำชม

เทียบกับหลักฐานก่อนหน้านั้น ลู่ม่านคิดว่าหลักฐานที่ผู้จับนักโทษคนนี้พูดถึงเฉินจื่ออานไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ ดังนั้น เฉินจื่ออานน่าจะไม่เป็นไรนะ

กำลังคิดอยู่นั้น ซวนเหวินลี่ก็วางหนังสือในมือลง เหลือบไปมองเฉินจื่ออานที่ถูกโบยจนแทบสลบ

ซือเย่ที่อยู่ข้างๆก็ลุกขึ้นมาแล้วเดินไปข้างเขา ก้มลงไปกระซิบข้างหู ซวนเหวินลี่พยักหน้า วินาทีต่อมา เขาก็ตัดสินว่า “ทั้งสามมีความเกี่ยวข้องกับคดีผู้ว่าการอำเภอคนก่อน รับสินบน ติดสินบน สมควรได้รับโทษเดียวกันกับผู้ว่าการอำเภอคนก่อน! จับไปขังก่อน รอข้าได้รับหนังสืออนุญาตแล้ว ค่อยมาตัดหัวหลังฤดูใบไม้ร่วง”

‘โครม’ ลู่ม่านรู้สึกเหมือนฟ้าจะถล่มลงมาอยู่แล้ว

นางไม่สนใจอะไรทั้งนั้น นางรีบพุ่งเข้าไปตะโกนว่าถูกใส่ร้ายเสียงดัง!

ผู้จับนักโทษรีบเข้าไปยกไม้จะตีนาง ท่านอู๋ที่อยู่ด้านหลังก็ตะโกนขึ้นว่า “ใครกล้าตี?”

ซวนเหวินลี่ขมวดคิ้วมองท่านอู๋ “ก่อกวนในชั้นศาล ทำไมถึงจะตีไม่ได้?”

ท่านอู๋เอาป้ายละตายอาญาสิทธิ์ทองออกมา “นี่เป็นป้ายละตายอาญาสิทธิ์ที่ฝ่าบาทให้ข้ามา เห็นป้ายประกาศิตนี้เหมือนดั่งเห็นฝ่าบาท ข้าบอกว่าห้ามตี ก็คือห้ามตี!”

ผู้จับนักโทษที่จับตัวเฉินจื่ออานไป ก็รู้สึกเกรงกลัวท่านอู๋และเป็นคนแรกที่จำท่านอู๋ได้ จึงพูดเตือนว่า “ใต้เท้า ท่านนี้คือท่านอู๋ เคยเป็นหมอหลวงของฝ่าบาทมาก่อน เคยช่วยฮ่องเต้ไว้ด้วย จะทำโทษไม่ได้ขอรับ!”

ลู่ม่านรู้มาตลอดว่าท่านอู๋ไม่ใช่คนแก่ธรรมดาที่รักยาสมุนไพรเข้าเส้นแน่ แต่ไม่คิดเลยว่า เขาจะเคยเป็นหมอหลวงด้วย ไม่เพียงเท่านี้ เขายังเคยช่วยฮ่องเต้อีก ดังนั้นเลยได้ป้ายละตายอาญาสิทธิ์นี้มา

ซวนเหวินลี่ขมวดคิ้ว แต่สุดท้ายก็ต้องสั่งให้คนลดไม้ลง

“ในเมื่อท่านอู๋ออกจากสำนักหมอหลวงแล้วก็ไม่มีสิทธิ์กระทบต่อผลคำตัดสินใจของข้า ข้าตัดสินตามกฎมณเฑียรบาล หากพวกท่านมีข้อสงสัย ก็ไปฟ้องได้เลยเต็มที่!”

เขาดูใจเย็นมาก และเอากฎหมายออกมาพูด

ลู่ม่านแสยะยิ้มเย็นชา “เฉินจื่ออานไม่มีหลักฐานความผิดที่ชัดเจนเลย พวกเจ้าทำแบบนี้ไม่ลำเอียงไปหน่อยเหรอ!”

ไม่คิดว่า ซวนเหวินลี่ไม่กลัวเลย เขายังพูดคำเดิมว่า “ถ้าเข้าคิดว่าข้าตัดสินผิด ก็ไปฟ้องได้เลย!” จากนั้นเขาก็มองไปยังท่านอู๋

“ผู้หญิงไร้ความรู้ ท่านอู๋น่าจะรู้นะ เฉินจื่ออานมีความผิดจริง ข้าไม่สามารถปล่อยตัวไปได้ ส่วนคนอื่นๆ ข้าจะถือเสียว่าไม่เคยเกิดเรื่องขึ้นในวันนี้ พวกเจ้ารีบออกไปเถอะ!”

ไม่ต้อยต่ำไม่สูงส่ง เถียงกลับไม่ได้เลย

ท่านอู๋ขมวดคิ้ว มองไปยังเหอเย่วที่อยู่ด้านหลัง “ยังไม่รีบพยุงแม่นางไปอีก?”

เฉินจื่ออานก็พูดว่า “เสี่ยวม่าน อย่าใจร้อนไปเลย”

ลู่ม่านก็ถึงพยักหน้าแล้วเดินตามเหอเย่วออกไป

รอทั้งสามกลับไปถึงโรงเตี๊ยมแล้ว เหอเย่วก็พูดกล่อมอย่างระวังว่า “แม่นางอย่ากังวลไปเลย ถึงแม้ตอนนี้นายท่านจะถูกตัดสินแล้ว แต่ยังไม่ได้ลงโทษ จะต้องมีวิธีแน่นอนเจ้าค่ะ!”

ลู่ม่านพยักหน้า “อืม เจ้าวางใจได้ ข้าจะไม่ล้มลงแน่นอน!” ถ้านางล้มลง ใครจะช่วยเฉินจื่ออานได้อีก?

นึกถึงตรงนี้ นางก็มองไปยังท่านอู๋แล้วพูดว่า “ขอบใจที่ท่านช่วยเมื่อกี้ ทำให้ตัวตนของท่านถูกเปิดเผย ต่อไปชีวิตของท่านคงจะไม่สงบเหมือนเมื่อก่อนแล้วล่ะ”

ท่านอู๋ยิ้มอย่างเหนื่อยใจ “เจ้ารู้แล้วก็ดี ข้าดูเจ้าปกติก็เป็นคนใจเย็นทำอะไรรอบคอบนะ ทำไมเจอเรื่องของเฉินจื่ออาน เจ้าถึงเลอะเลือนเช่นนี้ล่ะ เวลาแบบนี้ห้ามใจร้อนเด็ดขาด!”

ลู่ม่านก็รู้ว่าตัวเองผิด จึงกล่าวขอโทษไป ท่านอู๋ก็รีบพูดว่า “ช่างเถอะ ตอนนี้เจ้าคำขอโทษเจ้าก็ไม่ได้มาจากใจจริง ข้าไม่รับคำขอโทษนี้ของเจ้าหรอกนะ เจ้าจะทำยังไงต่อ?”

ลู่ม่านเม้มริมฝีปาก “ข้าอยากแน่ใจว่า ซวนเหวินลี่ใช่เฉินจื่อคังหรือไม่”

ท่านอู๋อึ้ง “เจ้าคิดว่าเขาเป็นเฉินจื่อคังเหรอ?”

ลู่ม่านพยักหน้า ย้อนคิดกลับไปตอนที่พุ่งเข้าไปเมื่อกี้ มองซวนเหวินลี่ใกล้ๆ เหมือนกับเฉินจื่อคังอย่างกับแกะ “โลกใบนี้ ข้าไม่เชื่อว่าจะมีคนหน้าตาคล้ายกันขนาดนั้น ยิ่งไปกว่านั้น สถานการณ์ของคนข้างหน้าก็เหมือนกับจื่ออาน พวกเขายังถูกปล่อยตัวไปเลย ทำไมจื่ออานถึงถูกจับตัวไป? ข้าสงสัยว่าเขากลับมาแก้แค้นพวกเราจริงๆ!”

ท่านอู๋พูดต่อ “ตามประสบการณ์ของข้าแล้ว หลังจากที่ผู้ว่าการอำเภอคนใหม่เข้ารับตำแหน่ง จะต้องเจอกับคหบดีในชนบทก่อน คงจะเป็นเมื่อคืน พวกเราลองไปดูกันไหม”

“ได้!” ว่าแล้ว ลู่ม่านก็ลุกขึ้นเตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้า

ท่านอู๋กลับเรียกนางไว้ “วันนี้เจ้าก่อกวนในชั้นศาล คนอื่นคงจะจำเจ้าได้แล้ว ถึงเปลี่ยนเสื้อผ้าไปก็ยังมีคนจำได้อยู่ดี!”

ลู่ม่านขมวดคิ้ว “งั้นจะทำยังไงดี?”

“ดูข้านะ!” ท่านอู๋พูดอย่างลับๆล่อๆ

สักพักหลังจากนั้น ลู่ม่านก็มองตัวเองในกระจก นางตกตะลึงอย่างมาก นางเปลี่ยนไปเป็นคนละคนภายใต้ฝีมือของท่านอู๋

“หรือว่านี่จะเป็น วิชาเปลี่ยนหน้า?” นิทานกำลังภายในไม่ได้พูดเล่นเหรอเนี่ย

“วิชาเปลี่ยนหน้าอะไรกัน? ข้าก็แค่ใช้ยาสมุนไพร เปลี่ยนสีผิวของเจ้าเท่านั้นเอง จากนั้นก็แต่งหน้าให้เจ้า แบบนี้เปลี่ยนไปเยอะเลยใช่หรือไม่?”

เปลี่ยนไปเยอะจริงๆด้วย แต่สีผิวนี้เป็นคนละคนเลยนะ

ถึงว่ามีคำหนึ่งที่เรียกว่า แค่ขาวก็สวยแล้ว

ท่านอู๋ทำเสร็จแล้วก็เรียกเหอเย่ว “มาทำทรงทำที่ดูแก่ๆให้พี่เจ้าหน่อย”

เหอเย่วหัวเราะแล้วพูดว่า “ข้าถนัดเลยเรื่องนี้ เมื่อก่อนตอนอยู่บ้านข้าก็หวีให้ท่านย่าบ่อยๆ!”

เฮือก! ลู่ม่านแทบกระอักเลือด “ข้าแค่ดำนิดหน่อย จำเป็นต้องทำทรงผมคนแก่เลยเหรอ?”

เหอเย่วแลบลิ้นแล้วรีบหวีผมให้นาง

หลังจากที่ทำเสร็จแล้ว และเปลี่ยนเสื้อผ้า ลู่ม่านก็ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย

ตอนที่เตรียมออกไปลู่ม่านก็ถึงลุกขึ้นมา “ท่านอู๋ ท่านยังไม่ได้เตรียมตัวเลยนะ” วันนี้มีคนจำท่านอู๋ได้เหมือนกันนี่?

ท่านอู๋ยิ้ม “ข้ามีวิธีน่า”

ท่านอู๋พาสองคนเดินไปถึงสุดทางของถนน สุดท้ายก็หยุดลงตรงหน้าบ้านที่เงียบสงบ

เคาะประตู ข้ารับใช้หน้ากลมเดินออกมารีบ เห็นท่านอู๋มานางก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านมาสักทีนะ แม่นางของเรากำลังรอท่านเลย”

ลู่ม่านกับเหอเย่วสบตากัน นี่มันยังไงกันแน่?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน