ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 214

พอเข้าไปแล้วถึงได้รู้ว่า ที่แท้นี่ก็เป็นบ้านในอำเภอเฟิงหนานที่แม่นางเซวียนเหนียงพักอยู่นี่เอง

คืนนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองของผู้ว่าการอำเภอคนใหม่ เซวียนเหนียงก็ได้รับบัตรเชิญเหมือนกัน

เพราะยังไง ด้วยตำแหน่งในตอนนี้ของเซวียนเหนียง เทียบเท่าได้กับนักปราชญ์ในยุคนี้เลยก็ว่าได้

ตั้งแต่ครั้งก่อนที่จากกัน ลู่ม่านก็ไม่ได้เจอเซวียนเหนียงอีกเลย พอมาเจอกันอีกครั้ง ลู่ม่านก็ดีใจมาก

หลังจากที่ทั้งสองทักทายกันแล้ว เซวียนเหนียงก็พูดว่า “ใกล้ถึงเวลาแล้ว พวกเราไปกันเถอะ!”

ลู่ม่านรีบพูดว่า “ไม่รู้ว่าเรื่องของข้า ท่านจะรู้หรือไม่? ถ้าเรื่องของข้ากระทบถึงท่าน ข้าไม่อยากให้เป็นแบบนั้น”

เซวียนเหนียงมองลู่ม่านอย่างแปลกใจ “อย่าพูดแบบนั้นเลย? ข้าคิดว่าพวกเราเป็นเพื่อนกันเสียอีก? ในเมื่อเป็นเพื่อนกัน หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือ ข้าจะไม่ช่วยได้อย่างไร? อีกอย่างนะ นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยไม่ต้องเกรงใจหรอก”

ลู่ม่านก็ถึงยิ้มอย่างเขินๆ “ข้าคิดมากไปเอง”

ท่านอู๋ก็หาห้องนอนแขกแล้วเดินเข้าไป “ข้ารอพวกเราตรงนี้นะ ข้าอยากอยู่เงียบๆก่อน ถ้ามีอะไรกลับมาแล้วค่อยคุยกันนะ!”

ลู่ม่านพยักหน้า พาเหอเย่วเดินออกไปพร้อมกัน

ตอนที่ถึงที่หมาย งานเลี้ยงก็เริ่มแล้ว แต่เซวียนเหนียงมาช้าเล็กน้อย ไม่ได้กระทบต่องานอะไร มีคหบดีในชนบทมากมายลุกขึ้นทักทายเซวียนเหนียงอย่างมีมารยาท

เซวียนเหนียงก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม แต่ก็ไม่ได้ทักทายอย่างสนิทสนมมากนัก

ทั้งสามหาที่นั่งแล้วนั่งลงไป เซวียนเหนียงก็ถึงพูดว่า “เดี๋ยวเจ้าอยากทำอะไรก็รีบไปทำนะ ไม่ต้องสนใจข้า รอจบงานแล้วเจอกันที่หน้าประตูก็พอ”

ลู่ม่านพยักหน้าแล้วมองไปยังที่นั่งหลักตรงกลาง ซวนเหวินลี่ทำตัวใหญ่จริงๆนะ คนอื่นมากันหมดแล้ว เขายังไม่มาอีก

กำลังคิดอยู่นั้น หน้าประตูก็เกิดเสียงฮือฮา คหบดีในชนบทมากมายลุกขึ้นแล้วเดินไปยังหน้าประตู

“มาแล้ว!” เซวียนเหนียงพูดอย่างเรียบเฉย แต่ไม่ได้ลุกขึ้นยืน

ตอนนี้ลู่ม่านกับเหอเย่วเป็นข้ารับใช้ของเซวียนเหนียง ดังนั้นจึงสะดวกต่อการลุกขึ้นยืน

เป็นไปตามนั้น สักพักหลังจากนั้น ซวนเหวินลี่ก็เดินเข้ามาท่ามกลางการโอบล้อมของคหบดีในชนบท ทุกคนต่างก็เชิญเขานั่ง ตอนที่สายตาของเขามองไปยังเซวียนเหนียง ก็หยุดลงทันที

“แม่นางเซวียนเหนียงเองเหรอ ยินดีที่มีโอกาสได้เจอกันที่นี่” ว่าแล้ว เขาก็โค้งคำนับเบาๆ ท่าทางกลับดูเคารพนางมาก

ลู่ม่านขมวดคิ้ว เมื่อก่อนเฉินจื่อคังหยิ่งยโสขนาดนั้น จะโค้งคำนับต่อผู้หญิงได้ยังไงกัน? หรือว่าจะไม่ใช่เขาจริงๆ?

เซวียนเหนียงพยักหน้าเล็กน้อย “เจ้าค่ะ”

“ไม่ทราบว่าช่วงนี้แม่นางเซวียนเหนียงมีเวลาว่างหรือไม่? ข้ามีบ้านอยู่ในเมือง……”

ยังไม่รอเขาพูดจบ เซวียนเหนียงก็ส่ายหน้า “ขออภัยด้วย ข้าไม่ค่อยสบาย หมอบอกว่าให้พักผ่อนเยอะๆ”

“อืม……” ซวนเหวินลี่เงียบไปสักพักก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ข้ารีบร้อนไปเอง”

พูดจบก็เดินผ่านเซวียนเหนียงไป แล้วไปนั่งลงบนที่นั่งตัวเอง

คนอื่นๆก็เริ่มยกเหล้าอวยพรกัน ลู่ม่านกับเซวียนเหนียงพวกเขาก็นั่งและมองดูอยู่ตรงนั้นเงียบๆ

ลู่ม่านนึกถึงคำพูดเมื่อกี้ของเซวียนเหนียง ทันใดนั้นก็พูดอย่างรู้สึกผิดว่า “แม่นาง พาท่านมาเหนื่อยเลย หากคืนนี้ไม่ใช่เพราะพวกเรา เกรงว่าท่านคงจะไม่มา ยังบอกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยอีก……”

ลู่ม่านฉลาดขนาดนี้ เซวียนเหนียงยิ้มอ่อนๆ “ข้าว่าจะไม่มาอยู่แล้ว แต่นั่นเป็นเพราะว่าไม่มีใครที่สำคัญพอให้ข้ามา แต่ตอนนี้เสี่ยวม่านเจ้ามาด้วย ข้าว่าคุ้มค่าแล้วล่ะ”

ที่แท้ตัวเองก็มีความสำคัญต่อเซวียนเหนียงมากเหมือนกัน ลู่ม่านดีใจ มายุคนี้ตั้งนาน ในที่สุดก็เจอเพื่อนรู้ใจแล้ว

ทั้งสองสบตาแล้วยิ้ม และเก็บเอาไว้ในใจเงียบๆ

มีคหบดีในชนบทลุกขึ้น เริ่มทำการประจบแจงเกี่ยวกับคดีที่ซวนเหวินลี่ตัดสินใจวันนี้

พูดชมเขาว่ามีความซื่อตรงยุติธรรม ลู่ม่านมองบนด้วยสีหน้าเย็นชา และซวนเหวินลี่นั้นก็เย็นชนมาก ไม่มีนิสัยเหมือนเฉินจื่อคังเลย

ถ้าเมื่อก่อนเฉินจื่อคังได้รับคำชมขนาดนี้ เขาคงผยองตัวลอยขึ้นฟ้าแล้วล่ะ? ยังจะใจเย็นอยู่แบบนี้ได้ยังไง?

เซวียนเหนียงพูดเสียงเบาว่า “ที่จริงคนคนหนึ่งอยากเปลี่ยนแปลงนั้นง่ายมาก”

ลู่ม่านอึ้ง “แค่เวลาไม่กี่เดือนก็เปลี่ยนได้เหรอ?”

เซวียนเหนียงไม่ได้ตอบ เพราะเมื่อกี้คหบดีในชนบทคนนั้นเรียกคนให้ยกของมาแล้ว สิ่งของนั้นดูใหญ่มาก ใช้ผ้าสีแดงคลุมเอาไว้

“ข้ารู้ว่าใต้เท้าซื่อตรง ไม่สนใจเรื่องเงินทอง ข้าจึงไม่กล้าทำชื่อเสียงใต้เท้าเสียหาย จึงตั้งใจสร้างรูปปั้นที่เหมือนท่านขึ้นมา หวังว่าใต้เท้าท่านจะรับเอาไว้!”

พอเขาพูดจบ ผ้าแดงผืนนั้นก็ตกลงพื้น

มีรูปปั้นของคนปรากฏขึ้น หน้าตารูปปั้นนั้นคล้ายกับซวนเหวินลี่มาก ทุกคนตกตะลึงกันไปหมด เมื่อคืนซวนเหวินลี่เพิ่งมาถึงอำเภอเฟิงหนาน แค่คืนเดียวก็สลักออกมาได้แล้วเหรอ

คนที่เพิ่งนึกได้ต่างก็เสียใจกันมาก เห็นได้ชัดว่า คหบดีในชนบาทคนนี้จะต้องใช้ฝีมืออะไรแน่ๆ เขาคงไปสืบข้อมูลของซวนเหวินลี่มาก่อนหน้านี้แล้ว

ตอนนี้ พวกเขาสายไปแล้วล่ะ

คหบดีในชนบทคนนั้นมองทุกคนอย่างได้ใจ ทุกคนที่นั่งอยู่นั้นต่างก็มีสีหน้าสลดกันไปหมด

ซวนเหวินลี่วางแก้วในมือลงแล้วเดินลงไปช้าๆ ตอนแรกรูปปั้นนั้นยังไม่ค่อยคล้ายเขาเท่าไหร่ แต่พอเขาไปยืนเทียบอยู่ข้างๆ รูปร่างสูงผอมใบหน้าก็เหมือนกันอย่างกับแกะเลย

คหบดีในชนบทคนนั้นยิ่งได้ใจใหญ่!

แววตาของซวนเหวินลี่มืดมนลง แต่ไม่นาน เขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เลวเลย ขอบใจนะ”

“ใต้เท้าชอบก็ดีขอรับ!” คหบดีในชนบทคนนั้นพูดจบ ก็เดินไปยกแก้วคารวะซวนเหวินลี่ จากนั้นเขาก็ดื่มหมดแก้ว

เซวียนเหนียงแสยะยิ้มเล็กน้อย “ดูท่าแล้ว คหบดีในชนบทคนนั้นคงจะทำสำเร็จแล้ว”

ลู่ม่านอึ้ง “อะไรเหรอ?” นางมองไม่ออกว่าพวกเขาสำเร็จอะไรกัน ก็แค่มอบของขวัญให้กันและดื่มเหล้าแค่นั้นเอง

เซวียนเหนียงส่ายหน้า “เสี่ยวม่าน ถึงแม้เจ้าจะฉลาด แต่เรื่องในด้านการเมืองมีเยอะมาก เจ้ายังไม่เข้าใจมากนัก บนโลกใบนี้ จะมีขุนนางซื่อตรงยุติธรรมจริงๆได้ยังไง? คนผู้นั้นก็แค่แสดงได้ดีเท่านั้น แน่นอนว่า ก็ต้องมีคนโง่ที่จะปกปิดก็ยังขี้เกียจปกปิดเลย”

ลู่ม่านตะลึง “ท่านหมายความว่า ใต้เท้าซวนผู้นี้ แค่แสดงได้ดีเหรอเจ้าคะ?”

เซวียนเหนียงพยักหน้า “เมื่อกี้เหล้าของคหบดีในชนบทคนนั้น เขาดื่มสามส่วน ก็ถือว่านัดกันไว้แล้ว เที่ยงคืนนี้ เขาจะมาหา ส่วนจะมาทำอะไรนั้น? เจ้าก็น่าจะรู้ดีแก่ใจนะ”

ก็ต้องรู้อยู่แล้ว ผู้ชายไว้หนวดเคราขนาดนี้ เที่ยงคืนก็ต้องไปส่งเงินอยู่แล้ว หรือว่าจะส่งคนเหรอ?

โลกช่างมืดมนเสียจริง ลู่ม่านทำเสียง ‘หึ’ แต่คนคนนี้เหมือนกับเฉินจื่อคังมาก

กำลังคิดอยู่นั้น ซวนเหวินลี่ก็ลุกขึ้น บอกว่าไม่สบายอยากออกไปสูดอากาศสักหน่อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน