ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 23

ในเรือนหลัก ตาแก่เฉินกับเฉินหลี่ซื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็เดินออกมา

เมื่อเห็นเฉินจื่อคังที่เดินทางกลับมาตั้งแต่เช้าตรู่ เฉินหลี่ซื่อก็รู้สึกสงสารมาก นางรีบไปเอาผ้าเช็ดหน้ามา ช่วยเฉินจื่อคังเช็ดน้ำค้างที่เกาะอยู่บนศีรษะออก พลางพูดว่า

“จื่อคังเอ๋ย เกิดอะไรขึ้นทำไมจึงรีบร้อนอย่างนี้ กลับมาตั้งแต่เช้าเชียว”

เฉินจื่อฟู่ได้ยินว่ายังต้องเตรียมเงินไว้ให้น้องชาย ก็รู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา รีบพูดว่า “ท่านแม่ จื่อคังบอกว่า ยังต้องเตรียมเงินสิบพวงให้เขา”

เฉินหลี่ซื่อได้ยินประโยคนี้ ก็ไม่รู้สึกตกใจเลยแม้แต่น้อย

เอ่ยด้วยสีหน้าไร้ความสงสัยว่า “ข้าว่าแล้ว จื่อคังไม่มีทางเข้าใจผิดแน่ ”แล้วก็หันหน้าไปมองสามพี่น้องเฉินจื่ออาน“วันนี้พวกเจ้าลองเข้าไปล่าในป่าลึกดู ดูสิว่าจะสามารถหาเงินได้มากขึ้นบ้างหรือไม่”

ได้ยินประโยคนี้ ลู่ม่านกลับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฉินหลี่ซื่อคนนี้ ลำเอียงจนจะออกนอกโลกไปแล้วกระมัง

ใครๆต่างก็รู้ ในป่าลึกนั้นอันตรายมาก หากไม่ลำบากถึงขั้นไม่มีกิน คนในครอบครัวจะออกล่ารอบนอกป่าเท่านั้น ไม่กล้าเข้าไปข้างใน

แม้จะเป็นการเข้าป่า คนในของครอบครัวต่างก็ระวังเป็นอย่างยิ่ง ไม่ได้มีทีท่าเหมือนเฉินหลี่ซื่อ ที่ดูสบายใจ เหมือนเป็นเรื่องง่ายๆราวกับกินข้าวเช้าเท่านั้น

เฉินจื่ออานกับเฉินจื่อฉายต่างก็เบือนหน้าเพราะเรื่องนี้ มีแต่เฉินจื่อฟู่ที่ค่อนข้างฉลาดพูด เอ่ยออดอ้อนว่า“ท่านแม่ ในป่าลึกมันอันตรายมากนะ ”

เฉินหลี่ซื่อยังคงพูดอย่างสบายใจว่า “พวกเจ้าใช่ว่าจะไม่เคยเข้าไปในป่าลึก ไม่เห็นว่าจะเป็นอะไรเลย”

ลู่ม่านรีบมองไปทางตาแก่เฉินที่ยืนอยู่ข้างๆแต่ไม่ยอมพูดอะไรเลย เห็นเพียงสีหน้าที่ไม่รู้สึกผิดอะไร

ทันใดนั้นนางก็ยิ้มเย็นขึ้นมา“ท่านแม่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็ให้น้องจื่อคังไปด้วยกัน พอดีเลย น้องสามีกลับมา เดิมทีก็ทำงานเพื่อเขา ไปด้วยกันก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่ ”

“ไม่ได้”ลู่ม่านยังไม่ทันได้พูดจบประโยค เฉินหลี่ซื่อก็ร้องเสียงแหลมขึ้นมา “ถ้าจื่อคังของข้าได้รับบาดเจ็บขึ้นมาจะทำอย่างไร”

เพิ่งจะพูดจบ เฉินหลี่ฉาย เฉินหลี่ฟู่ เฉินจื่ออานทั้งสามคนก็สีหน้าคล้ำลงอย่างพร้อมเพรียงกัน

ในที่สุดตาแก่เฉินก็พบว่าบรรยากาศไม่ค่อยถูกต้อง หยิบปล้องยาสูบขึ้นมาทันที “ยายแก่ นี่เจ้าเสียสติจนบ้าไปแล้วกระมัง พูดเหลวไหลตั้งแต่เช้า

เฉินหลี่ซื่อโง่เขลามาก เหมือนจะยังไม่รับรู้อะไร ตอบโต้กลับทันทีว่า “ข้าไม่ได้พูดจาเหลวไหล”

ไม่ได้พูดจาเหลวไหล เช่นนั้นก็ถือว่าพูดจากใจจริงทั้งหมด เมื่อพูดประโยคนื้ออกไป สีหน้าของลูกชายก็ยิ่งไม่น่าดู

ครั้งนี้ตาแก่เฉินฟาดปล้องยาสูบลงไปจริงๆ เพียงแต่ขณะที่ปล้องยาสูบกำลังจะกระแทกคน ก็ถูกเฉินจื่อคังผลักออกไปเสียก่อน ทำให้ฟาดเอียงไป

แต่ก็ยังฟาดไปโดนไหล่ของเฉินหลี่ซื่ออยู่ดี นางร้องโหยหวนขึ้นมาทันที

เพราะมีฝาแฝดอยู่ข้างกาย นางก็มีความมั่นใจมากขึ้น ไม่อ่อนโยนเหมือนเวลาปกติ นางพลางร้องเจ็บปวด พลางด่าว่า “ตาเฒ่า ข้าคลอดลูกชายให้ท่านถึงสามคน ฝาแฝดอีกหนึ่งคู่ ท่านปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้หรือ ข้าจะยังมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ให้ข้าไปตายเสียดีกว่า ”

เฉินหลิ่วเอ๋อกอดเฉินหลี่ซื่อเอาไว้ทันที และร้องไห้ขึ้นมาพร้อมกัน

จ้าวซื่อที่แต่ไหนแต่ไรชอบประจบเอาใจ แต่ในเวลานี้ กลับไม่พูดอะไร หลิวซื่อไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆเลย

เพราะว่า เฉินหลี่ซื่อเอาแต่บอกว่าไม่มีอันตราย ให้สามีของพวกนางไปเสี่ยงอันตราย ในใจของพวกนางก็ขุ่นเคืองเช่นกัน

มีเพียงเฉินจื่อคัง ที่ดึงเฉินหลี่ซื่อขึ้นมา “ท่านแม่ ท่านอย่าร้องไห้เลย พี่สะใภ้สามพูดถูก ข้ากลับมาแล้ว ก็ควรจะไปกับพวกพี่ชายจริงๆ ไม่ควรให้พวกพี่ชาย ไปเสี่ยงอันตรายเพื่อข้าอยู่เสมอ ทีหลัง คำพูดอย่างเมื่อครู่นี้ อย่าพูดอีก”

ต้องบอกว่า เฉินจื่อคังช่างเป็นคนไวจริงๆ เขารู้ เขาในตอนนี้ ถ้าหากไม่ยืนออกมา เช่นนั้นพวกพี่ชายก็จะรู้สึกปวดใจ ฉะนั้น เขาจึงพูดอย่างเด็ดขาด

เป็นดังคาด เฉินจื่อคัง เฉินจื่อฟู่กับเฉินจื่ออานทั้งสามคนสีหน้าดีขึ้นมาบ้าง แต่เฉินจื่ออานยังคงขมวดคิ้ว เขายังคงจดจำเรื่องที่เฉินจื่อคังหลอกลวงพวกเขาได้ขึ้นใจ

เฉินหลี่ซื่อเชื่อฟังลูกชายคนนี้ที่สุด เห็นดังนั้นก็ไม่ร้องไห้อีก และพูดกับลูกชายทั้งหมดว่า “เมื่อครู่แม่เลอะเลือนไปแล้ว พวกเจ้าไม่ว่าใครไปออกล่าสัตว์แม่ก็เป็นห่วงทั้งนั้น เพียงแต่น้องเล็กของพวกเจ้ายังต้องเรียนหนังสือ……”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน