ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 242

ผู้ดูแลร้านช่ายไม่กล้าชักช้า ได้ยินดังนั้นเขาก็รีบไปหาคนมาแขวนภาพทันที

จากนั้น ลู่ม่านก็กินอาหารต่ออีกคำอย่างสบายอกสบายใจ พลางชมดูอาหารชามแรกของพ่อครัวอู๋ที่ถูกส่งขึ้นไปบนโต๊ะ

ผลคือไม่นานหลังจากนั้น ด้านในก็มีเสียงชื่นชมคำรบแรกดังอื้ออึงขึ้นมา

เรื่องนี้เป็นไปตามที่ลู่ม่านคิดเอาไว้แต่แรกแล้ว นางจึงรู้สึกพอใจมาก

รอจนพวกลู่ม่านทางนี้กินจนเสร็จ คนทางนั้นก็เริ่มทยอยออกมาข้างนอกทีละคน ๆ โอกาสมาแล้ว! ลู่ม่านเริ่มตื่นตัวขึ้นมาทันที จากนั้นก็หันไปมองผู้ดูแลร้านช่าย "รีบให้เสี่ยวเอ้อร์ในร้านออกไปต้อนรับลูกค้าที่หน้าประตูเร็วเข้า!"

เสี่ยวเอ้อร์รีบออกไปทันที ลู่ม่านจับจ้องลูกค้าสองสามคนที่เดินไปพลาง คุยไปพลางขณะที่ออกมาจากร้านฝั่งตรงข้าม “เมื่อครู่นี้ที่นายน้อยจางกินเข้าไปคืออะไรนะ? พอดมแล้วเป็นกลิ่นที่หอมยั่วใจเหลือเกิน”

“ข้ารู้ ๆ นั่นคือปลาตุ๋นน้ำแดง!”

“ทำไมถึงเรียกว่าปลาตุ๋นน้ำแดงล่ะ?” ชายคนนั้นถามอย่างสงสัย

“เจ้ามองไม่ออกหรือว่าปลานั่นเป็นสีน้ำตาลแดงเลยน่ะ? ว่ากันว่าเป็นเครื่องปรุงรสชนิดใหม่ เหมือนจะเรียกว่าอะไรนะ.....ซีอิ๊ว! ในศึกแข่งทำอาหารวันนั้น เจ้าได้เห็นแล้วหรือไม่? สุดท้ายเป็นเพราะเจ้าซีอิ๊วตัวนี้นี่ล่ะ ทำให้พ่อครัวอู๋ถึงกับคิดจะสละตำแหน่งผู้ชนะเลิศอันดับหนึ่งเลยทีเดียว แต่เพราะต่อมาใต้เท้าซวนเป็นผู้ตัดสิน จึงรักษาตำแหน่งอันดับหนึ่งของพ่อครัวอู๋เอาไว้ได้”

“เจ้าซีอิ๊วที่ว่านี่มันอร่อยขนาดนี้เลยรึ?”

“ใครจะไปรู้ล่ะ? ข้าเองก็ไม่เคยกินเสียหน่อย!”

ขณะที่กำลังพูด ๆ อยู่ ทันใดนั้นก็มีคนชี้ไปที่ป้ายใหญ่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วพูดว่า "นั่นคืออะไรน่ะ?"

ทั้งสามคนมองเข้าไปใกล้ ๆ เจ้าป้ายขนาดใหญ่นั้นที่แท้คือรูปของปลาตุ๋นน้ำแดง ซี่โครงหมูตุ๋นน้ำแดง หมูตุ๋นน้ำแดง ขาหมูน้ำแดงและอีกมากมาย ภัตตาคารเฟิ่งหลายเปิดตัวชุดอาหารรายการตุ๋นน้ำแดงเป็นขบวนยาวเหยียด ทั้งมีคำรับประกันว่าทุกคนล้วนมีสิทธิ์ได้กินเหมือนกันแน่นอน! "

เชอะ! ทั้งสามคนหวนนึกถึงสีหน้าพึงพอใจของนายน้อยจางที่ได้กินของอร่อยเมื่อครู่ ในใจพลันเกิดความรู้สึกไม่ยินยอมขึ้นมา

“นายน้อยจางนั่น ก็ไม่ใช่แค่พวกลูกผู้ดีมีเงินที่วัน ๆ ไม่ทำงานทำการอะไรหรอกรึ? ไม่เห็นว่าจะดีไปกว่าพวกเราสักเท่าไหร่ แค่เพราะพ่อของเขามีความสัมพันธ์อันดีกับหลี่หรง ก็ได้เข้าไปเป็นแขกระดับสูง ได้กินอาหารที่เราไม่มีโอกาสได้กินแล้ว”

“พี่ชายทั้งหลาย ไม่ไปร้านฝั่งตรงกันข้ามเพื่อลองชิมสักหน่อยล่ะ?” มีคนพูดเตือนขึ้นมา

“แต่ไม่รู้ว่ารสชาติจะอร่อยเท่า.....”

“ไม่หรอกน่ะ เมื่อครู่ข้าเพิ่งจะพูดไปเองไม่ใช่รึ? ว่าคนที่ท้าแข่งชิงตำแหน่งอันดับหนึ่งกับพ่อครัวอู๋ในตอนนั้น ก็คือคนที่เป็นตัวแทนของภัตตาคารเฟิ่งหลายน่ะ!”

“เช่นนั้นจะมัวรออะไรอยู่ล่ะ? พวกเราก็รีบไปเป็นลูกค้ารายแรกกันเลยสิ!” พูดเสร็จ ทั้งสามก็เดินเร็วจี๋ไปที่ร้านฝั่งตรงกันข้ามอย่างรวดเร็ว

หลังจากประสบความสำเร็จในการดึงดูดคนทั้งสามคน บรรดาลูกค้ารายหลัง ๆ ก็เริ่มค่อย ๆ ถูกดึงดูดมาอย่างไม่ขาดสาย มีบางคนที่ไม่ได้กินสิ่งที่พวกเขาอยากกิน ใจจึงเกิดความรู้สึกไม่ยินยอม แล้วก็มีบางคนที่พอได้เห็นคนอื่นกินอย่างเอร็ดอร่อยแล้ว ก็เกิดน้ำลายสออยากกินขึ้นมา

เพราะถึงอย่างไรคนที่จะไปกินร้านฝั่งตรงข้าม ก็แทบจะไม่มีคนที่ไม่มีเงินไปกันอยู่แล้ว

ภัตตาคารเฟิ่งหลายไม่จำเป็นต้องลดราคา หรือให้ส่วนลดใด ๆ ย่อมดึงดูดลูกค้าจำนวนมากมาได้โดยง่าย หลี่หรงโกรธจนแทบตายไปแล้วครึ่งตัว หลังจากที่ลูกค้าจากไปกันหมด ก็เรียกพ่อครัวอู๋ไปที่ห้องครัวด้านหลัง “พ่อครัวอู๋ ใครเป็นคนมอบความขวัญกล้าขนาดนี้ให้เจ้า? ถึงได้กล้าหาญชาญชัย ถึงขั้นใช้เครื่องปรุงของข้างนอกตามใจตัวเองแบบนี้?”

พ่อครัวอู๋มองหลี่หรงด้วยท่าทางที่ไม่ถึงกับอ่อนน้อมถ่อมตน แต่ก็ไม่หยิ่งผยอง “สำหรับพ่อครัวอย่างพวกเรา ขอแค่เป็นสิ่งที่ทำให้อาหารมีรสชาติอร่อย แสดงศักยภาพของพวกเราออกมาได้สูงสุด ล้วนถือได้ว่าเป็นเครื่องปรุงที่ดี ทำไมข้าจะใช้ไม่ได้ล่ะ?”

“แต่นั่นเป็นอาหารของคู่แข่งของเรา.....”

"ในสายตาของพ่อครัว ไม่มีคำว่าคู่แข่ง!"

“เจ้า.....” หลี่หรงโกรธจัดจนแทบอดใจไม่ไหว อยากจะคว้ามีดสักเล่มขึ้นมาเชือดพ่อครัวอู๋เหมือนเมื่อคราวก่อนให้รู้แล้วรู้รอด คนข้างหลังรีบกระโดดเข้ามารั้งตัวเขาเป็นพัลวัน "นายท่าน อย่าหุนหันพลันแล่นขอรับ"

“ใช่แล้ว เราเคยตกลงกันแล้วไม่ใช่รึ? ว่าพวกเราจะทำตามความประสงค์ของเบื้องบนท่านนั้น”

“ทักษะการทำอาหารของพ่อครัวอู๋ดีมากจริง ๆ นะขอรับ ถ้าเขาจากไป พวกเราก็จะยิ่งสู้อีกฝ่ายไม่ได้เข้าไปใหญ่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน