ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 244

แต่ลู่ม่านก็แค่คิดไปอย่างนั้นเอง นางอายุยังน้อย อยู่ในช่วงแสวงหาความก้าวหน้าในอาชีพการงาน จะอยากได้ลูกไปทำไมล่ะ?

หลังจากโยนความคิดนี้ทิ้งไป จวงลี่จ้งก็กลับมาจากเมืองหลวงพอดี

เดิมทีลู่ม่านคิดว่าที่จวงลี่จ้งมาครั้งนี้ คงเพราะหาที่ตั้งของโรงงานในเมืองหลวงเจอแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าจวงลี่จ้งกลับถือพระราชโองการมาแทน

ทันทีที่พวกเขาพบหน้ากัน คนที่ทำหน้าที่ประกาศราชโองการที่ตามเขามาข้างหลัง ก็เริ่มเปิดเอกสารป่าวประกาศทันที

“ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้จึงทรงมีพระบัญชา เนื่องด้วยเฉินจื่ออานแห่งหมู่บ้านไป่ฮัวมีผลงานในการพัฒนาเครื่องนวดข้าว ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างอเนกอนันต์ จึงมีประกาศให้เฉินจื่ออานได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นซือหนงขั้นเจ็ดชั้นเอก ดูแลรับผิดชอบด้านการเกษตรในอำเภอเฟิงหนาน....."

ที่แท้เป็นเพราะเรื่องของเครื่องนวดข้าวมีผลลัพธ์ที่ดีนี่เอง ลู่ม่านรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ส่วนเฉินจื่ออานที่อยู่ข้าง ๆ ยิ่งมีท่าทางยินดีมีความสุขกว่าจนเห็นได้ชัด เพราะเขารู้ดีแก่ใจว่านี่คือผลงานของลู่ม่าน เขามีความสุขแทนลู่ม่านจริง ๆ

เดิมคิดว่าประกาศคงจะจบแค่นี้ แต่ผลคือกงกงท่านนั้นกลับหันมา แล้วประกาศต่อไปว่า “ลู่ม่าน ภรรยาของเฉินจื่ออาน เป็นภรรยาที่มีเมตตาเปี่ยมด้วยคุณธรรม ช่วยเหลือสามีจนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ได้รับพระราชทานรางวัลพิเศษหนึ่งร้อยตำลึงทอง พ้นวันนี้ทั้งสองจงเข้าวังเพื่อเข้าเฝ้าทูลแสดงความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ! "

ถึงกับได้เข้าวังเพื่อแสดงความขอบคุณเลยเชียวรึ! ! !

ก็แค่รางวัลร้อยตำลึงทอง ยังถึงกับต้องเข้าวังไปกราบทูลแสดงความซาบซึ้งในพระกรุณา ช่างสุดโต่งซะจริง ๆ เลย!

ลู่ม่านอยากจะพูดจริง ๆ ว่าไม่ไปได้หรือไม่? แต่มันเห็นชัดอยู่แล้วว่า ในสมัยโบราณที่อำนาจของฮ่องเต้สำคัญยิ่งเหนือสิ่งอื่นใดแบบนี้ ถ้านางพูดประโยคนี้ออกไปก็เท่ากับรนหาที่ตายชัด ๆ

เนื่องจากเวลาล่วงไปจนดึกมากแล้ว หลังรับพระราชโองการ นอนหลับพักผ่อนอยู่ที่บ้านหนึ่งคืน ลู่ม่านอธิบายเรื่องงานที่ต้องทำในบ้านให้เหอเย่วฟังรอบหนึ่ง เฉินจูชิงพักอยู่ที่ลานส่วนหลังบ้าน เฉินจื่ออานก็ไปคุยกับเขาอีกครั้ง ฝากฝังให้เขาช่วยดูแลบ้านสักระยะ

เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งสองเดินทางไปเมืองหลวงพร้อมกับคณะ ถือเป็นโอกาสเหมาะ จวงลี่จ้งสามารถใช้ประโยชน์จากการเดินทางครั้งนี้ พาพวกเขาไปดูสถานที่ตั้งของโรงงานแห่งใหม่ได้พอดี

จวงลี่จ้งขี่ม้าตลอดทาง คณะเดินทางกลุ่มนี้เดินทางกันเร็วมาก เมื่อถึงช่วงค่ำของวันที่สาม จวงลี่จ้งก็ดูเหมือนว่าจะเหนื่อยจนไม่ไหวแล้ว ในที่สุดจึงเข้าไปพักผ่อนในรถม้า

พอดีกับที่ลู่ม่านกำลังอยากถามเขาเกี่ยวกับเรื่องซีอิ๊วในเมืองหลวง ผลคือเพิ่งจะไปถึงข้างรถม้า ก็ได้ยินเสียงเด็กรับใช้ของจวงลี่จ้งบ่นงึมงำอยู่ข้าง ๆ

“คุณชาย เดิมทีครั้งนี้ท่านไม่จำเป็นต้องกลับมาแล้วก็ได้ ทางเมืองหลวงยังมีธุระอีกมากมายที่รอให้ท่านไปจัดการ ท่านต้องมาขึ้นรถลงเรือขึ้นเหนือล่องใต้แบบนี้ ลำบากคุณชายเหลือเกินแล้ว”

ลู่ม่านตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เก็บฝีเท้าที่ก้าวไป ก่อนจะค่อย ๆ ถอยกลับมาเงียบ ๆ

พูดไปก็ดูเหมือนว่าจะจริงอยู่นะ! ทำไมจวงลี่จ้งถึงต้องพาคนเดินทางมาประกาศพระราชโองการพร้อมกับเขาด้วยล่ะ? ขณะที่คิดถึงตรงนี้ เฉินจื่ออานก็ถือไก่ขอทานเข้ามา พวกเขากำลังเตรียมถอนขนล้างที่บริเวณแหล่งน้ำข้าง ๆ พอดีกับที่มีคนเอาเนื้อไก่ออกมาด้วย

เฉินจื่ออานนึกถึงเรื่องที่ก่อนหน้านี้ เขาเคยทำไก่ขอทานด้วยกันกับลู่ม่านได้ จึงเป็นฝ่ายริเริ่มทำขึ้นมาก่อนส่วนหนึ่ง หลังจากที่ผลลัพธ์ปรากฏออกมา ทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับวิธีการกินรูปแบบใหม่ที่ว่านี้มาก ๆ จากนั้นทุกคนต่างก็ขอร้องให้เฉินจื่ออานสอนพวกเขาทำอาหารอีกมากมายหลายอย่าง

ยุ่งวุ่นวายกันจนถึงตอนนี้ ในที่สุดเฉินจื่ออานก็สามารถนำส่วนที่ทำเสร็จส่วนแรก ไปให้ลู่ม่านกินได้เสียที

ลู่ม่านไม่ได้กินไก่ขอทานมานานเหมือนกันแล้ว พอได้เห็นก็ลืมเรื่องที่ครุ่นคิดอยู่เมื่อครู่ไปจนหมดสิ้น ไม่พูดไม่ได้เลยว่า ฝีมือการทำอาหารของเฉินจื่ออานก็พัฒนาตามนางขึ้นมามากเลยทีเดียว

ลู่ม่านกินไก่ไปได้ครึ่งตัวก็หยุดลง พอดีกับเห็นว่าเด็กรับใช้ของจวงลี่จ้งออกมา นางก็เตือนเด็กรับใช้ด้วยเจตนาดีว่า "ตรงนั้นยังมีไก่ขอทานอยู่ เจ้าเอาไปให้คุณชายจวงกินได้นะ"

ผลคือเด็กรับใช้คนนั้นจ้องมองลู่ม่านด้วยความโกรธจนตาลุกวาว จากนั้นก็เดินจากไปทันที

ลู่ม่านเกิดอาการงุนงงชนิดจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ได้นึกสนใจอะไรอีก แค่หันกลับไปกินไก่ของตัวเองต่อ

หลังจากเดินทางกันทั้งวันทั้งคืน ในที่สุดช่วงพลบค่ำของวันที่สาม พวกลู่ม่านก็มาถึงเมืองหย่งอาน

เนื่องจากต้องเข้าเฝ้าเบื้องพระพักตร์ ดังนั้นคณะที่เดินทางมากับลู่ม่านจึงจัดให้พวกเขาพักในสถานพักม้าส่งสารน์ ให้พวกเขาพักผ่อนหนึ่งคืนค่อยเข้าวัง

ไม่พูดไม่ได้เลยว่า สถานพักม้าส่งสารน์ในสมัยราชวงศ์ถังนั้นเชื่อถือได้มากจริง ๆ เพราะถึงอย่างไรก็อยู่ในเมืองหลวง สิ่งของใด ๆ ที่จำเป็นล้วนมีหมด หลังจากที่พวกลู่ม่านเร่งเดินทางกันตลอดสามวัน ในที่สุดก็ได้นอนหลับสบาย ๆ สักที

วันรุ่งขึ้น เมื่อฟ้าสาง พวกลู่ม่านก็ถูกปลุกให้ตื่นแล้ว

เนื่องจากพวกเขาต้องเข้าเฝ้า พวกลู่ม่านจึงนำเสื้อผ้าที่ดูแล้วสมเกียรติถูกกาลเทศะมาด้วยเป็นกรณีพิเศษ แต่ก็ไม่ถึงกับโดดเด่นเกินสถานะของพวกเขามากจนเกินไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน