ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 265

หลังจากลู่ม่านมาจองโต๊ะที่ภัตตาคารเฟิ่งหลายเรียบร้อยแล้ว นางกับเหอเย่วก็รออยู่ข้างใน

ตอนใกล้เที่ยง หญิงคนนั้นกับสามีของนางก็รีบเดินทางมา พอมาถึง หญิงคนนั้นก็พูดขอโทษว่า “ฮูหยิน เรามาสายแล้ว”

“ไม่เป็นไร เชิญนั่งก่อน” ลู่ม่านพูดขึ้น

หญิงคนนั้นกลับไม่นั่งลง แต่แนะนำตอนเองก่อนว่า “คนนี้คือสามีของข้า เถาชง ข้าคือเถาสวินซื่อ เราเป็นคนตำบลชางผิง กิจการโรงงานย้อมผ้าเป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ตอนนี้มีเพียงเราสองสามีภรรยา....”

หลังจากพูดเสร็จ นางค่อยถามลู่ม่านอย่างระมัดระวังว่า “ฮูหยินเป็นคนที่ไหนหรือ?”

ความระมัดระวังของนางเผยให้เห็นถึงความฉลาดหลักแหลม สำหรับคนแปลกหน้าคนหนึ่ง นางถือว่ายังมีสติอยู่

ลู่ม่านพยักหัว เหอเย่วที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า “ฮูหยินของเราคือแม่นางลู่แห่งหมู่บ้านไป่ฮัว”

เถาสวินซื่อกับเถาชงได้ยินแล้วต่างก็มองตากัน แล้วก็พูดขึ้นว่า “ที่แท้ก็คือแม่นางลู่”

ความระมัดระวังอย่างเดิมหายไปหมด ความรู้สึกที่เถาสวินซื่อมีต่อลู่ม่านเหลือเพียงความนับถือ พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้ยินชื่อแม่นางลู่มานานแล้ว ไม่รู้ว่าครั้งนี้แม่นางลู่มีธุระอะไรกับเราหรือ?”

ลู่ม่านคิดไปคิดมา แล้วก็พูดขึ้นว่า “คือแบบนี้ ข้าอยากเปิดร้านในตำบล ต้องการจัดการผ้า”

เถาสวินซื่อพูดขึ้นมาอย่างมั่นใจว่า “แม่นางวางใจ เราสามารถตอบสนองความต้องการของแม่นางได้”

“ดี” ลู่ม่านยิ้มหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่ว่างานนี้ข้าไม่อยากทำที่หมู่บ้านไป่ฮัว ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะช่วยจัดการทำทั้งหมด ข้าเป็นคนนำแบบมาให้ ค่าวัสดุทั้งหมดกับค่าตัดเย็บ ข้ารับผิดชอบจ่ายทั้งหมด และจะจ่ายเยอะว่าค่าแรงข้างนอก หากพวกเจ้ายังมีเวลา จะขายผ้าต่อก็ได้ ไม่ขายก็ได้”

“ไม่มีปัญหา” เถาชงพูดตอบ

“งั้นได้ ในเมื่อพูดเข้าใจกันแล้ว พรุ่งนี้ข้าขอเชิญทั้งสองท่านไปเซ็นสัญญาที่บ้านของข้า”

ที่ให้พวกเขาไปเซ็นสัญญาที่บ้าน ก็เพื่อไม่ให้พวกเขาไร้ความกังวล สามารถเห็นได้ชัดว่า พวกเขาผ่านประสบการณ์มาบ้างแล้วไม่น้อย ดังนั้นจึงค่อนข้างระมัดระวัง

เถาสวินซื่อได้ยินแล้ว ก็พูดกับลู่ม่านอย่างซาบซึ้งใจว่า “ขอบคุณเจ้า”

“ไม่เป็นไร เดิมการทำความร่วมมือกันก็ต้องรู้เขารู้เรา ถึงจะสามารถพัฒนาไปร่วมกันได้”

“พรุ่งนี้พวกเจ้าไปถึงหมู่บ้านไป่ฮัว แล้วก็ถามหาว่าบ้านแม่นางลู่อยู่ที่ไหนก็พอ” เหอเย่วไม่ได้บอกตำแหน่งที่ชัดเจน พวกเขาไปหาด้วยตนเอง จะได้วางใจยิ่งขึ้น

หลังจากตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ลู่ม่านจ่ายค่าทำเสื้อตัวนั้นหนึ่งร้อยเหวิน

นางเองก็พอรู้ต้นทุน ต้องการที่จะทำแบบนั้น ยังไงก็ต้องใช้เงินไม่น้อย เถาสวินซื่อรีบพูดขึ้นว่า “เยอะไปแล้ว”

ลู่ม่านยิ้มหัวเราะพร้อมพูดว่า “ที่เกินมาถือเป็นค่าแรงของเจ้า ด้วยฝีมือของเจ้าคู่ควรที่จะรับไว้”

เถาสวินซื่อแทบร้องไห้ หลายมีมานี้ทำแต่รูปแบบเก่าแก่แบบนั้นมาตลอด ไม่ว่าใครมาก็ล้วนแต่จะต่อราคาต่อแล้วต่ออีก ไม่เคยมีใครพูดเช่นนี้ พูดว่าฝีมือของนางดี

นี่ยิ่งทำให้เถาสวินซื่อตัดสินใจอยากที่จะทำความร่วมมือกับลู่ม่าน

เช้าวันรุ่งขึ้น เวลาก่อนเที่ยง พวกเถาสวินซื่อก็มาถึง นั่งรถเกวียนคันหนึ่งมา ถามมาตลอดว่าบ้านลู่ม่านอยู่ที่ไหน

รอเมื่อมาเห็นบ้านหลังใหญ่หรูหราของลู่ม่านแล้ว ความวิตกกังวลทั้งหมดล้วนหายไปหมด ลู่ม่านให้เหอเย่ว พาพวกเขามายังห้องหนังสือด้านใน

ร่างสัญญาขึ้นมา ณ ตอนนั้น ข้อความในสัญญาโดยหลักแล้วก็คือการรักษาความลับ

เพราะทำสิ่งนั้นที่จริงทำไม่ยาก ลู่ม่านต้องการที่จะหาคนที่ไว้ใจได้ที่สุดมาทำ ดูแล้วพวกเถาสวินซื่อสามารถไว้ใจได้ แต่ยังไงการมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรปลอดภัยที่สุด

เมื่อตกลงกันแล้ว พวกเขาก็ทำตามแบบของลู่ม่านในการทำสินค้า แต่รูปแบบพวกนั้นจะต้องรักษาไว้เป็นความลับก่อนที่จะมีการวางขาย หากเปิดเผยออกไป ก็จะต้องชดใช้ค่าเสียหาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน