บทที่ 282 ซุปมังกรและนกฟินิกซ์ – ตอนที่ต้องอ่านของ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
ตอนนี้ของ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 282 ซุปมังกรและนกฟินิกซ์ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
หลี่หว่านถิงพูดด้วยท่าทางเขินอาย “ข้าเห็นว่าพวกท่านต่างก็ยุ่งมาก จึงอยากจะไปช่วยเก็บฟืน แต่ไม่คิดว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้ทุกคน ข้านี่ช่างซุ่มซ่ามเสียจริง” แต่ลู่ม่านไม่คิดอย่างนั้น “นี่อาจเป็นความโชคดีหลังเจอเรื่องโชคร้ายก็ได้!”
หลี่หว่านถิงก้มหน้าลงอย่างเขินอาย ลู่ม่านบอกให้เสี่ยวหมิ่นคอยดูแลนาง แล้วเดินไปเก็บกิ่งไม้แห้งกลับมา จากนั้น นางก็หยิบข้าวปั้นในกระบอกไม้ไผ่ที่นำมาเมื่อเช้าออกมา แล้วเด็ดใบไม้ไปล้างจนสะอาดแล้วห่อไว้
ก่อนจะเอาน้ำที่พวกเขานำมาด้วยใส่ในกระบอกไม้ไผ่แล้วเริ่มต้มน้ำ รอจนน้ำเดือด พวกเฉินจื่ออานก็กลับมาพอดี งูได้รับการทำความสะอาดและนำกลับมาโดยห่อด้วยใบไม้
หลี่หว่านถิงกรีดร้องด้วยความตกใจ เพราะนางเพิ่งถูดกัด ทำให้นางยังคงมีอาการหวาดผวาอยู่ ลู่ม่านรีบปิดตาของนางไว้ “อย่ามอง ตอนที่เรากินเข้าไป เจ้าก็ไม่กลัวแล้ว!”
หลี่หว่านถิงไม่นิ่งอีกต่อไป “ข้าไม่กินนะ”
“เจ้าไม่เข้าใจ จวิ้นจู่ ใช้เนื้อไก่กับเนื้องูต้มซุปแบบนี้ที่หมู่บ้านพวกข้าเรียกว่าซุปมังกรและหงส์ไฟ เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง”
เฉินจื่ออานนำไก่ไปลวกน้ำเดือด แล้วเอาไปถอนขน ล้างทำความสะอาด และใส่ลงในหม้อพร้อมกับเห็ดโคน เห็ดหูหนู และเนื้องู
ในระหว่างที่กำลังรอ ลู่ม่านก็หยิบข้าวปั้นออกมาแล้วแบ่งให้ทุกคน “ข้าทำมาเมื่อเช้า รสชาติอร่อยดี”
ในตอนแรกหลี่หว่านถิงไม่ยอมกิน แต่หลังจากเห็นเสี่ยวหมิ่นกินมันอย่างเอร็ดอร่อย นางก็อดที่จะตักมันขึ้นมาชิมไม่ได้ “มันอร่อยจริงๆ ด้วย”
หลี่หว่านถิงพูดว่า “อร่อยกว่าอาหารเลิศรสที่ข้าเคยกินในจวนอ๋องหนิงอีก”
ลู่ม่านยกยิ้ม บอกว่าอร่อย นางไม่ขัดข้อง แต่จะบอกว่ามันอร่อยกว่าอาหารเลิศรสของในจวนอ๋องหนิง แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องจริงแล้ว
“จวิ้นจู่ เจ้าไม่เคยกินมาก่อน ดังนั้นก็เลยคิดเช่นนั้น อาหารเลิศรสนั้น แน่นอนว่าต้องอร่อยกว่าอยู่แล้ว”
หลังจากกินข้าวปั้นเสร็จ ซุปก็สุกพอดี กลิ่นหอมเริ่มโชยออกมา เสี่ยวหมิ่นสูดกลิ่นหอมกรุ่นนั้นเข้าลึก “กลิ่นหอมมากเลยเจ้าค่ะ”
หลี่หว่านถิงส่ายหน้า “งูตัวนั้น…”
“จวิ้นจู่คงไม่รู้ ตอนที่ข้าน้อยอยู่ที่บ้านเกิดตอนเด็ก ข้าก็เคยกินเนื้องูแล้ว มันอร่อยมากเจ้าค่ะ”
หลี่หว่านถิงไม่เข้าใจจริงๆ ดังนั้นเธอจึงหันไปมองทุกคน
ซุปสุกแล้ว ลู่ม่านโรยเกลือที่เตรียมมาด้วยลงไป จากนั้นก็เปิดฝาปิดกระบอกไม้ไผ่ กลิ่นหอมของซุปโชยออกมา หลี่หว่านถิงอดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้
ลู่ม่านสังเกตเห็นทั้งหมด แต่ไม่ได้พูดออกมา
กระบอกน้ำที่นำมาทำมาจากไม้ไผ่ แต่ละคนมีคนละกระบอก และน้ำก็ใช้ใกล้จะหมดแล้ว ลู่ม่านจึงหยิบกระบอกออกมา แล้วแบ่งน้ำซุปให้ทุกคน จากนั้นทุกคนก็กินข้าวกันอย่างมีความสุข
มีเพียงหลี่หว่านถิงเท่านั้นที่ทำอย่างไรก็ไม่ยอมกิน จนสุดท้ายเสี่ยวหมิ่นแอบกระซิบบอกนาง “จวิ้นจู่ดูสิ คุณชายจวงก็ทานแล้ว”
สุดท้ายหลี่หว่านถิงก็รวบรวมความกล้า และหยิบกระบอกไม้ไผ่ขึ้นมา
อันดับแรกนางหยิบขึ้นมาแตะที่ปลายจมูก กลิ่นหอมมาก ความรังเกียจของหลี่หว่านถิงจึง ลดลงไปบ้าง จากนั้นนางก็มองลงมาอีกครั้ง ลู่ม่านเห็นว่านางกลัว จึงตักให้แต่น้ำซุปไม่มีเนื้อ
นางมองไม่เห็นอะไรเลย สุดท้ายนางถึงได้รู้สึกโล่งอกและจิบดื่มอีกครั้ง
ปกติ มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง หลี่หว่านถิงเริ่มก้าวแรกได้แล้ว จากนั้นจึงไม่กลัวอีก
หลังจากกินเข้าไป นางก็ใจกล้ามากขึ้น จึงเติมน้ำซุปอีกหนึ่งรอบ อีกทั้งยังบอกอย่างใจกล้าว่า ขอเนื้องูนั้นด้วย
เสี่ยวหมิ่นช่วยตักให้นาง และนางก็กินมันลงไป ลู่ม่านเห็นดวงตาที่ประหลาดใจของจวงลี่จ้ง เขาคงจะคิดไม่ถึงว่าหลี่หว่านถิงที่เป็นคุณหนูสูงศักดิ์จะกล้าหาญเช่นนี้?
อย่างนี้ก็ไม่เลว ให้จวงลี่จ้งเห็นในด้านที่แตกต่างออกไปของนาง ถึงจะมีโอกาส
หลังจากกินและดื่มจนอิ่ม ลู่ม่านก็ไปเก็บดอกเก๊กฮวย แน่นอนว่าเฉินจื่ออานก็ไปช่วยนางเก็บด้วย และจวงลี่จ้งเองก็ไปช่วยเก็บด้วย เสี่ยวหมิ่นเดิมทีนั่งอยู่กับหลี่หว่านถิง แต่พอเห็นแบบนี้ นางจึงไปช่วยเก็บด้วย
“มีข้าอยู่กับเจ้าตลอด!” เฉินจื่ออานกล่าว
ผู้ชายคนนี้ เริ่มปากหวานอีกแล้ว ลู่ม่านยกยิ้มมุมปาก “ไปกันเถอะ จื่ออาน พวกเรากลับบ้านกัน!”
ไม่ว่าผู้คนรอบตัวจะจากไปกี่ครั้ง ขอแค่มีใครสักคนอยู่เคียงข้างอยู่เสมอ ความรู้สึกนี้มันช่างดีจริงๆ
……
ระหว่างเดินกลับ เฉินจื่ออานนึกถึงสิ่งที่หลี่หว่านถิงพูดก่อนจะจากไปขึ้นมาได้ จึงถามออกมา “เจ้าคิดจะทำการค้าขายร่วมกับจวิ้นจู่หรือ”
“ไม่ใช่!” ลู่ม่านทำการอธิบายเกี่ยวกับรูปแบบการเข้าร่วมกลุ่มการค้า เฉินจื่ออานถึงได้พยักหน้าเข้าใจ แล้วพูดว่า “เช่นนี้ก็ดี ทำการค้าขายร่วมกับคนที่มีอิทธิพลอย่างพวกเขาน่าคิดหนักจริงๆ!”
ลู่ม่านก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน ทั้งสองเดินเข้าไปในบ้าน พร้อมกับคุยกันไปด้วย
เพิ่งเดินมาถึงหน้าประตู ก็พบเฉินจูชิงที่เพิ่งเดินออกมา ลู่ม่านจึงนึกขึ้นมาได้ว่าเหอเย่วเคยบอกว่าเฉินจูชิงต้องการจะออกไปทำงาน จึงเรียกเขาไว้
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าตั้งใจจะจากตำบลชางผิง เจ้าคิดจะไปที่ไหน?”
คำถามนี้มันกะทันหันเกินไป เฉินจูชิงจึงตกตะลึงไปสักพัก ก่อนจะพูดว่า “เอ่อ ข้ายังดูๆ อยู่ขอรับ ข้าอยากไปเมืองหย่งอาน น่าจะมีโอกาสหางานได้มากกว่า”
ลู่ม่านเลิกคิ้ว เฉินจูชิงมีความคิดที่มีเหตุผลมาก
“งั้นก็ตกลงตามนั้น พรุ่งนี้เช้ามาหาข้าเพื่อรับค่าจ้าง!” ลู่ม่านกล่าว
เฉินจูชิงตกตะลึงและมองไปทางลู่ม่านอย่างสงสัย ถึงแม้เขาคิดจะจากไป แต่ดูท่าทางของแม่นางลู่ ดูเหมือนอยากจะรีบไล่เขาออกไป...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เป็นพอ.ที่กลับกรอก เป็นที่พึ่งไม่ได้เลย ยอกจะออกจากครอบครัวเลวๆนี่ไม่จริงอีก ภาระของนางเอก ถ่วงแข้งถ่วงขาจริงๆ...
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...