เมื่อเห็นว่าก้อนน้ำแข็งได้พอสมควรแล้ว ลู่ม่านก็หยิบชามใบเล็ก ๆ มาใส่ เทแยมราดลงไป แล้วส่งชามนั้นไปให้ท่านอู๋ พอดีกับที่ท่านอู๋เพิ่งจะทุบน้ำแข็งก้อนเสร็จหมาด ๆ กำลังร้อนพอดี หลังจากได้กินอะไรเย็น ๆ เข้าไปแบบนี้ ก็รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมากจริง ๆ
อดใจไม่ไหวจนอยากกินอีกสักชาม "เปลี่ยนเป็นรสอื่นดูบ้าง"
ลู่ม่านแนะนำว่า "น้ำแข็งไสอร่อยก็จริง แต่กินเยอะ ๆ ไม่ได้ มันไม่ดีกับกระเพาะเจ้าค่ะ!"
“ยัยหนูคนนี้นี่! ข้าถึงได้บอกปะไรว่าเจ้ามันชอบพูดมาก!” ท่านอู๋พูดเหน็บแนม “ข้าก็ไม่ได้กินทุกวันเสียหน่อย แค่นาน ๆ กินที จะกินเยอะขึ้นสักชามจะเป็นไรไป?”
ลู่ม่านไม่มีทางเลือก จึงทำได้แค่ต้องผสมใหม่อีกชาม ครั้งเปลี่ยนเป็นองุ่นแยมบ้าง
คิดไม่ถึงว่า ท่านอู่กินไปกินมาก็เริ่มมีลูกเล่นของตัวเอง กินไปได้ครึ่งชาม ก็ไปเอาแยมสารพัดรส มาผสมคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน
ทันใดนั้น เหมือนกับว่าเขาได้ค้นพบแผ่นดินอันกว้างใหญ่แห่งใหม่ก็ไม่ปาน “ยัยหนู ที่แท้กินแบบนี้มันอร่อยกว่ากันเยอะเลย!”
ชั่วขณะนั้น ลู่ม่านเองก็ถูกเขาทำให้ประหลาดใจเช่นกัน ช่างสมกับที่เป็นนักชิมโดยธรรมชาติจริง ๆ เมื่อไหร่ที่พูดถึงของกิน ก็สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองชนิดที่ไม่ต้องมีใครสอน ทั้งยังสรุปจากเรื่องหนึ่งแล้วอนุมานไปยังเรื่องอื่นได้ด้วย
แต่เพื่อสุขภาพของเขา ลู่ม่านเลยไม่ยอมให้เขากินต่อแล้ว
นางใส่น้ำแข็งทั้งหมดลงในตะกร้า แล้วเอาน้ำแข็งก้อนที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ก้อนหนึ่งมาแนบไว้เพื่อเก็บความเย็น สุดท้ายก็วางผ้าห่มหนา ๆ คลุมทับลงบนตะกร้าอีกที จากนั้นลู่ม่านกับเหอเย่วก็เดินหิ้วตะกร้าตรงไปยังที่นา
หลังจากพระอาทิตย์ขึ้น อุณหภูมิก็เพิ่มสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะข้าวที่ออกรวงในทุ่งนาต่างก็เริ่มเติบโตจนสูงขึ้น บวกกับไม่มีลมพัด
ตอนที่พวกลู่ม่านไปถึงที่นั่น ทุกคนต่างก็เหงื่อไหลไคลย้อยกันหมดแล้ว กระทั่งเฉินจื่ออานที่ยืนดูอยู่ตรงขอบคันนา ก็ยังมีเหงื่อไหลท่วมตัวไปหมด
ลู่ม่านรีบสั่งให้เหอเย่วนำซุปถั่วเขียวเย็น ๆ ออกมา เอาไปให้ทุกคนกินคนละชามเพื่อคลายความร้อน จากนั้นก็เริ่มหยิบชามเล็กออกมา เตรียมทำน้ำแข็งไสให้ทุกคนทันที
ทุกคนได้น้ำแข็งไสไปคนละชาม ด้านบนราดด้วยแยมที่ผสมผสานกันถึงห้ารสชาติ
เริ่มแรก ทุกคนต่างก็ไม่มีใครดูออกว่าเจ้าสิ่งนี้มันคืออะไร คิดกันแค่ว่าสีสันของมันดูสวยแปลกตางดงามดึงดูดใจมากจริง ๆ
หลังจากได้ชิมไปคำหนึ่งแล้ว พบว่ามีรสหวานอมเปรี้ยวเย็นสดชื่น เรียกได้ว่าเป็นของกินเลิศรสบนโลกใบนี้ มีเด็กรับใช้คนหนึ่งถามอย่างกล้าหาญว่า “แม่นาง นี่คืออะไรหรือขอรับ?”
“นี่คือน้ำแข็งไสราดแยม!” ลู่ม่านตอบ
“แยม? เป็นผลไม้กวนที่ทำในหมู่บ้านไป่ฮัวของพวกเจ้าน่ะรึ?” ใต้เท้าจินถามขึ้น
“ถูกต้อง!” ลู่ม่านพูดพลางยกชามน้ำแข็งไสขึ้นมา ส่งไปให้ใต้เท้าจินกับเฉินจื่ออานคนละชาม ทั้งสองแทบจะอดใจไม่ไหวอยากกินลงไปใจจะขาด ต่างพากันถอนหายใจอย่างลึกล้ำ
“ถ้าไม่ใช่เพราะแม่นางมาล่ะก็ ข้าคิดว่าตัวเองคงต้องเป็นลมแดดไปก่อนแน่!” ใต้เท้าจินพูดพลางหัวเราะ "น้ำแข็งไสนี่ ช่างเป็นของกินวิเศษที่เย็นฉ่ำเหมาะกับฤดูร้อนดีจริง ๆ ..... "
“อันที่จริงมันทำง่ายมากเลยล่ะ!” ลู่ม่านตั้งใจทำเสียงสูงขึ้นไปอีกหน่อย ก่อนจะพูดอย่างละเอียดว่า “ก็แค่เอาน้ำแข็งมาสกัดให้ป่นเป็นเกล็ดละเอียด ผสมกับน้ำตาล แล้วราดด้วยแยมจากหมู่บ้านไป่ฮัวของพวกเรา เท่านี้ก็เสร็จแล้ว”
“ง่ายขนาดนี้เชียว?”
“ง่ายขนาดนี้เชียวล่ะ!” ลู่ม่านพูดพลางหัวเราะ “ขอแค่ที่บ้านของทุกคนมีน้ำแข็งก้อนอยู่ แค่นั้นก็พอแล้ว”
ในเมืองหลวง ยิ่งคนที่เป็นขุนนาง ในบ้านต่างก็ต้องมีน้ำแข็งก้อนกันอยู่แล้ว ที่ลู่ม่านตั้งใจพูดแบบนี้ ข้อใหญ่ใจความก็คือ ต้องการกระจายการขายแยมของตัวเองออกไปแบบเนียน ๆ
ก่อนหน้านี้ แยมต้องใช้ชงละลายในน้ำ พอถึงช่วงฤดูร้อน ยอดขายก็ลดลงแล้ว
แต่ตอนนี้ แยมสามารถเอามาทำเป็นน้ำแข็งไสได้ มีหรือที่ยอดขายแยมจะไม่เพิ่ม?
ก่อนหน้านี้ แยมต้องใช้ชงละลายในน้ำ พอถึงช่วงฤดูร้อน ยอดขายก็ลดลงแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...
บทที่241-311 หายค่ะ...