ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 301

สรุปบท บทที่ 301 เฉินหลี่ซื่อพบเฉินจื่อคังแล้ว: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

บทที่ 301 เฉินหลี่ซื่อพบเฉินจื่อคังแล้ว – ตอนที่ต้องอ่านของ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

ตอนนี้ของ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 301 เฉินหลี่ซื่อพบเฉินจื่อคังแล้ว จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เมื่อเห็นว่าก้อนน้ำแข็งได้พอสมควรแล้ว ลู่ม่านก็หยิบชามใบเล็ก ๆ มาใส่ เทแยมราดลงไป แล้วส่งชามนั้นไปให้ท่านอู๋ พอดีกับที่ท่านอู๋เพิ่งจะทุบน้ำแข็งก้อนเสร็จหมาด ๆ กำลังร้อนพอดี หลังจากได้กินอะไรเย็น ๆ เข้าไปแบบนี้ ก็รู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมากจริง ๆ

อดใจไม่ไหวจนอยากกินอีกสักชาม "เปลี่ยนเป็นรสอื่นดูบ้าง"

ลู่ม่านแนะนำว่า "น้ำแข็งไสอร่อยก็จริง แต่กินเยอะ ๆ ไม่ได้ มันไม่ดีกับกระเพาะเจ้าค่ะ!"

“ยัยหนูคนนี้นี่! ข้าถึงได้บอกปะไรว่าเจ้ามันชอบพูดมาก!” ท่านอู๋พูดเหน็บแนม “ข้าก็ไม่ได้กินทุกวันเสียหน่อย แค่นาน ๆ กินที จะกินเยอะขึ้นสักชามจะเป็นไรไป?”

ลู่ม่านไม่มีทางเลือก จึงทำได้แค่ต้องผสมใหม่อีกชาม ครั้งเปลี่ยนเป็นองุ่นแยมบ้าง

คิดไม่ถึงว่า ท่านอู่กินไปกินมาก็เริ่มมีลูกเล่นของตัวเอง กินไปได้ครึ่งชาม ก็ไปเอาแยมสารพัดรส มาผสมคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน

ทันใดนั้น เหมือนกับว่าเขาได้ค้นพบแผ่นดินอันกว้างใหญ่แห่งใหม่ก็ไม่ปาน “ยัยหนู ที่แท้กินแบบนี้มันอร่อยกว่ากันเยอะเลย!”

ชั่วขณะนั้น ลู่ม่านเองก็ถูกเขาทำให้ประหลาดใจเช่นกัน ช่างสมกับที่เป็นนักชิมโดยธรรมชาติจริง ๆ เมื่อไหร่ที่พูดถึงของกิน ก็สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองชนิดที่ไม่ต้องมีใครสอน ทั้งยังสรุปจากเรื่องหนึ่งแล้วอนุมานไปยังเรื่องอื่นได้ด้วย

แต่เพื่อสุขภาพของเขา ลู่ม่านเลยไม่ยอมให้เขากินต่อแล้ว

นางใส่น้ำแข็งทั้งหมดลงในตะกร้า แล้วเอาน้ำแข็งก้อนที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ก้อนหนึ่งมาแนบไว้เพื่อเก็บความเย็น สุดท้ายก็วางผ้าห่มหนา ๆ คลุมทับลงบนตะกร้าอีกที จากนั้นลู่ม่านกับเหอเย่วก็เดินหิ้วตะกร้าตรงไปยังที่นา

หลังจากพระอาทิตย์ขึ้น อุณหภูมิก็เพิ่มสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะข้าวที่ออกรวงในทุ่งนาต่างก็เริ่มเติบโตจนสูงขึ้น บวกกับไม่มีลมพัด

ตอนที่พวกลู่ม่านไปถึงที่นั่น ทุกคนต่างก็เหงื่อไหลไคลย้อยกันหมดแล้ว กระทั่งเฉินจื่ออานที่ยืนดูอยู่ตรงขอบคันนา ก็ยังมีเหงื่อไหลท่วมตัวไปหมด

ลู่ม่านรีบสั่งให้เหอเย่วนำซุปถั่วเขียวเย็น ๆ ออกมา เอาไปให้ทุกคนกินคนละชามเพื่อคลายความร้อน จากนั้นก็เริ่มหยิบชามเล็กออกมา เตรียมทำน้ำแข็งไสให้ทุกคนทันที

ทุกคนได้น้ำแข็งไสไปคนละชาม ด้านบนราดด้วยแยมที่ผสมผสานกันถึงห้ารสชาติ

เริ่มแรก ทุกคนต่างก็ไม่มีใครดูออกว่าเจ้าสิ่งนี้มันคืออะไร คิดกันแค่ว่าสีสันของมันดูสวยแปลกตางดงามดึงดูดใจมากจริง ๆ

หลังจากได้ชิมไปคำหนึ่งแล้ว พบว่ามีรสหวานอมเปรี้ยวเย็นสดชื่น เรียกได้ว่าเป็นของกินเลิศรสบนโลกใบนี้ มีเด็กรับใช้คนหนึ่งถามอย่างกล้าหาญว่า “แม่นาง นี่คืออะไรหรือขอรับ?”

“นี่คือน้ำแข็งไสราดแยม!” ลู่ม่านตอบ

“แยม? เป็นผลไม้กวนที่ทำในหมู่บ้านไป่ฮัวของพวกเจ้าน่ะรึ?” ใต้เท้าจินถามขึ้น

“ถูกต้อง!” ลู่ม่านพูดพลางยกชามน้ำแข็งไสขึ้นมา ส่งไปให้ใต้เท้าจินกับเฉินจื่ออานคนละชาม ทั้งสองแทบจะอดใจไม่ไหวอยากกินลงไปใจจะขาด ต่างพากันถอนหายใจอย่างลึกล้ำ

“ถ้าไม่ใช่เพราะแม่นางมาล่ะก็ ข้าคิดว่าตัวเองคงต้องเป็นลมแดดไปก่อนแน่!” ใต้เท้าจินพูดพลางหัวเราะ "น้ำแข็งไสนี่ ช่างเป็นของกินวิเศษที่เย็นฉ่ำเหมาะกับฤดูร้อนดีจริง ๆ ..... "

“อันที่จริงมันทำง่ายมากเลยล่ะ!” ลู่ม่านตั้งใจทำเสียงสูงขึ้นไปอีกหน่อย ก่อนจะพูดอย่างละเอียดว่า “ก็แค่เอาน้ำแข็งมาสกัดให้ป่นเป็นเกล็ดละเอียด ผสมกับน้ำตาล แล้วราดด้วยแยมจากหมู่บ้านไป่ฮัวของพวกเรา เท่านี้ก็เสร็จแล้ว”

“ง่ายขนาดนี้เชียว?”

“ง่ายขนาดนี้เชียวล่ะ!” ลู่ม่านพูดพลางหัวเราะ “ขอแค่ที่บ้านของทุกคนมีน้ำแข็งก้อนอยู่ แค่นั้นก็พอแล้ว”

ในเมืองหลวง ยิ่งคนที่เป็นขุนนาง ในบ้านต่างก็ต้องมีน้ำแข็งก้อนกันอยู่แล้ว ที่ลู่ม่านตั้งใจพูดแบบนี้ ข้อใหญ่ใจความก็คือ ต้องการกระจายการขายแยมของตัวเองออกไปแบบเนียน ๆ

ก่อนหน้านี้ แยมต้องใช้ชงละลายในน้ำ พอถึงช่วงฤดูร้อน ยอดขายก็ลดลงแล้ว

แต่ตอนนี้ แยมสามารถเอามาทำเป็นน้ำแข็งไสได้ มีหรือที่ยอดขายแยมจะไม่เพิ่ม?

ก่อนหน้านี้ แยมต้องใช้ชงละลายในน้ำ พอถึงช่วงฤดูร้อน ยอดขายก็ลดลงแล้ว

ลู่ม่านหันไปเตรียมเป็ดที่จะตุ๋น ระหว่างที่กำลังยุ่ง ๆ อยู่ เหอเย่วก็กลับเข้ามา พูดเบา ๆ ว่า “นายผู้เฒ่ามาแล้วเจ้าค่ะ”

นับตั้งแต่หลังจากที่ตาแก่เฉินคิดได้ ก็มาที่นี่บ่อย ๆ เหอเย่วค่อนข้างให้ความเคารพเขาอยู่ไม่น้อย ลู่ม่านพูดว่า “ท่านอู๋อยู่ว่าง ๆ ที่ลานหน้าบ้านพอดี ให้พ่อไปคุยเล่นกับเขาก่อนก็ได้.....”

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ นายผู้เฒ่าดูเหมือนจะมีเรื่องร้อนใจ” เหอเย่วพูด

ตอนนี้เองลู่ม่านค่อยวางมีดในมือลง แล้วเช็ดมือให้เรียบร้อย "ข้าจะไปดูสักหน่อย"

ที่ลานด้านหน้า ตาแก่เฉินยืนอยู่ที่นั่นคนเดียว กล้องยาสูบในมือถูกวางคาบเอาไว้ที่ปาก แล้วสูบจนเกิดเสียงดังฟึดฟัด ๆ ไม่หยุด แต่ด้วยความที่ในกล้องยานั้นไม่มีเส้นยาสูบใส่อยู่ ทำให้สูบอยู่เป็นนานสองนาน ก็ไม่มีควันออกมาให้เห็นแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นว่าลู่ม่านมาแล้ว เขาก็วางยาสูบในมือลง แล้วพูดอย่างร้อนรนกังวลใจว่า “แม่ของเจ้ากับหลิ่วเอ๋อจากไปแล้ว”

“อะไรนะ?” ลู่ม่านตกใจจนผงะ นึกถึงเรื่องที่เมื่อตอนบ่ายเฉินหลิ่วเอ๋อกับเฉินหลี่ซื่อตามหลังซวนเหวินลี่ขึ้นมาได้ทันที นี่สรุปว่าตามเขาไปจริง ๆ เหรอเนี่ย?

ตาแก่เฉินยังพูดด้วยท่าทางกังวลใจว่า "เมื่อวานนี้ข้าก็เห็นแล้วล่ะว่าพวกเขาดูมีบางอย่างไม่ถูกต้อง คงเป็นเพราะเมื่อวานนี้ พวกเขาออกไปเห็นซวนเหวินลี่เข้าพอดีแน่ ๆ" พูดจบ เขาก็ส่ายหน้าอีกครั้ง "ไม่ถูกสิ ครั้งก่อนตอนที่พวกเจ้ารองกลับมา พวกนางก็เริ่มสงสัยแล้ว หลายวันมานี้ พวกเขาเอาแต่มาบ่นพึมพำที่ข้างหูข้าไม่หยุด ข้าก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้.....”

“พ่อ!” ลู่ม่านรอจนตาแก่เฉินพูดจบ ค่อยพูดเกลี้ยกล่อมขึ้นว่า “การที่พวกแม่เดินมาถึงขั้นนี้ เป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็วมันก็ต้องเกิด พ่ออาจจะหยุดได้ชั่วคราว แต่หยุดไม่ได้ตลอดชีวิตหรอกนะ ไม่สู้ปล่อยให้พวกเขาลองดูสักตั้งล่ะ? ถ้าพวกเขาชนกำแพงเมื่อไหร่ก็จะกลับมาเองเป็นธรรมดา!"

“แต่ จื่อคังเขา…” ตาแก่เฉินปากก็บอกว่าเขาเกลียดเฉินจื่อคังแทบตายให้ได้แล้ว แต่พอถึงช่วงเวลาวิกฤติ ก็ยังไม่อยากให้เฉินจื่อคังถูกหาพบอยู่ดี

ลู่ม่านเม้มปาก “ความกังวลที่แม่มีต่อจื่อคังก็คงไม่น้อยไปกว่าพ่อหรอก ถ้าไม่อย่างนั้น ลองยึดตามที่พ่อพูดมา ถ้าเมื่อคืนนี้พวกนางพบเฉินจื่อคัง ทำไมพวกเขาถึงไม่เคลื่อนไหวอะไรเลยล่ะ? จัดลำดับความสำคัญก่อนเถอะ ขอแค่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับจื่อคัง ในใจของแม่ก็คงรู้กระจ่างดี...."

เมื่อได้ยินเช่นนี้ จู่ ๆ ตาแก่เฉินก็รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาเล็กน้อย

คำพูดของลู่ม่าน ฟังดูแล้วเหมือนจะไม่มีอะไร แต่เมื่อพิจารณาโดยละเอียดแล้ว กลับเผยให้เห็นปัญหาเรื่องที่ว่า ตระกูลเฉินของพวกเขามีใจลำเอียงเห็น ๆ เลยไม่ใช่รึ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน