ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 308

หัวใจของลู่ม่านแทบจะละลายให้ได้แล้ว รีบเรียกให้เขาลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

"เสี่ยวหู่ ทำไมเจ้าถึงไปกวาดพื้นตรงนั้นล่ะ?"

เสี่ยวหู่ได้ยินคำถาม จึงเหลือบมองไปที่ไม้กวาดข้างหลังเขา “นั่นเป็นหน้าที่ของเสี่ยวหู่ขอรับ! แม่บอกว่า พวกเราล้วนเป็นคนรับใช้ที่ฮูหยินซื้อมาด้วยเงิน เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเราต้องทำงานให้”

โธ่เอ๊ย! เด็กยังเล็กขนาดนี้ก็รู้จักทำงานแล้ว

“เจ้าเคยเรียนหนังสือหรือไม่? ” ลู่ม่านเห็นว่าเขาพูดจาดูสุภาพมีมารยาท จึงถามอีกประโยค

เสี่ยวหู่ส่ายหน้า "ไม่ขอรับ เป็นแม่ที่สอนข้าให้รู้บ้างนิดหน่อย" ที่แท้เถียนหวังซื่อก็เป็นคนที่เคยเรียนหนังสือมาก่อนนี่เอง

พอดีว่าในกระเป๋ายังมีเหรียญทองแดงอยู่สองสามเหรียญ ลู่ม่านจึงหยิบออกมาแล้วยื่นให้เสี่ยวหู่ "นี่ข้าให้เจ้า จะได้เอาไปซื้อของที่ชอบ!"

เสี่ยวหู่ส่ายหน้า มองไปที่ลู่ม่านอย่างตกประหม่า “ฮูหยิน เสี่ยวหู่เป็นเด็กดี อย่าตีเสี่ยวหู่เลยขอรับ”

ลู่ม่านตกตะลึง "ข้าไม่ได้จะตีเจ้านะ ข้าแค่อยากให้เงินเจ้าเท่านั้นเอง"

แต่เสี่ยวหู่ตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือดไปแล้ว เอาแต่ก้าวถอยหลังไป ในขณะที่ลู่ม่านไม่รู้ว่าจะรับมือกับสถานการณ์นี้ยังไง เถียนหวังซื่อก็กลับมาจากซื้อของพอดี

เมื่อเห็นดังนั้น ก็รีบวิ่งเข้าไปกอดเสี่ยวหู่ไว้ในอ้อมแขน “เสี่ยวหู่ ไม่ต้องกลัวนะลูก ฮูหยินไม่ได้จะตีเจ้าหรอก!”

พอได้เห็นแม่ของเขา สภาวะอารมณ์ของเสี่ยวหู่ก็ค่อย ๆ มั่นคงขึ้น เถียนหวังซื่อค่อยดึงตัวเสี่ยวหู่เข้ามาแล้วอธิบายว่า "ฮูหยิน เด็กคนนี้เคยถูกทุบตีจนหวาดกลัวเป็นแผลใจไปแล้ว ถึงได้มีอาการแบบนี้ ขอฮูหยินได้โปรดอย่าตำหนิเขาเลยนะเจ้าคะ!"

ลู่ม่านจะตำหนิเขาได้อย่างไรล่ะ นางแค่รู้สึกว่าเด็กคนนี้น่าสงสารมาก จึงถามอีกสองสามคำถามว่า “มันเกิดอะไรขึ้นรึ?”

เถียนหวังซื่อค่อยเล่าให้ฟังว่า “ก่อนหน้านี้พวกเราทำงานอยู่ในตระกูลเศรษฐีใหญ่ตระกูลหนึ่ง ฮูหยินของตระกูลนั้นไม่ได้รับความโปรดปรานจากนายท่าน ในบ้านนั้นนายท่านจะเอ็นดูลูกชายที่เกิดกับอนุคนหนึ่ง ดังนั้นฮูหยินคนนั้นจึงรู้สึกรังเกียจเด็กผู้ชายมาก แล้วบังเอิญที่เสี่ยวหู่กับลูกชายของอนุบ้านนั้นมีอายุไล่เลี่ยกัน ฮูหยินคนนั้นจึงเอาความโกรธแค้นทั้งหมดมาลงกับเสี่ยวหู่ มีอยู่ครั้งหนึ่ง นางฉวยโอกาสตอนที่พวกเราไม่อยู่ เอาเงินออกมาบอกว่าจะให้รางวัลเสี่ยวหู่ เสี่ยวหู่ไม่รู้ความ จึงไปหานาง ผลคือทันทีที่เงินถึงมือ ก็โดนฮูหยินคนนั้นทุบตีอย่างทารุณ ปากก็บอกว่าเสี่ยวหู่ของเราขโมยเงินของนางไป "

ลู่ม่านกัดฟันกรอด “ดังนั้น เรื่องนี้จึงเป็นสาเหตุที่พวกเจ้าขอออกมาจากบ้านหลังนั้นสินะ?”

เถียนหวังซื่อร้องไห้พลางพยักหน้า ลู่ม่านไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ ว่า จะมีคนที่ใจคอโหดร้ายอำมหิตได้ถึงขนาดนี้อยู่

“เด็กคนนี้ช่างน่าสงสารจริง ๆ เลย!” ลู่ม่านถอนหายใจอย่างหนักหน่วง

“ไม่น่าสงสารหรอกเจ้าค่ะ!” เถียนหวังซื่อดึงตัวเสี่ยวหู่ให้คุกเข่าลงอีกครั้ง “ ได้พบแม่นาง ถือเป็นโชคดีของครอบครัวเราแล้ว”

ลู่ม่านรีบเข้าไปดึงพวกเขาให้ลุกขึ้น "บอกแล้วว่าที่บ้านนี้ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรมากมาย พวกเจ้าตั้งใจทำงานให้ดี รอจนเสี่ยวหู่โตกว่านี้สักหน่อย ก็ส่งเขาไปโรงเรียนที่อยู่ใกล้ ๆ นี้เถอะ ถ้าเขาสามารถสอบจนได้ตำแหน่งการงานดี ๆ จะข้าคืนสัญญาขายขาดให้กับเขา ปล่อยให้เขาได้ออกไปใช้ชีวิตใหม่ของตัวเอง”

ลู่ม่านไม่อยากเป็นเหมือนพวกเจ้าสัว พวกเศรษฐีใจแคบแบบที่ตัวเองเกลียดที่สุดพรรค์นั้น คนเราทุกคนล้วนมีสิทธิ์ที่จะไล่ตามอนาคตของตัวเอง นางรู้สึกว่านางสมควรให้โอกาสพวกเขาสักครั้ง

“จริงหรือเจ้าคะ?” เถียนหวังซื่อมีท่าทางดีอกดีใจมาก

“แน่นอนว่าจริงอยู่แล้วสิ!” ลู่ม่านพยักหน้า “ขอแค่เสี่ยวหู่เต็มใจจะขยันและพยายาม!”

“เสี่ยวหู่จะต้องพยายามอย่างเต็มที่แน่นอนเจ้าค่ะ!” เถียนหวังซื่อรับคำ พูดจบ นางก็ยืนกรานที่จะพาเสี่ยวหู่มาโขกหัวคำนับอีกครั้ง จากนั้นค่อยลุกขึ้นตรงไปที่ห้องครัว

ช่วงค่ำ ๆ หลังจากที่เถียนโหย่วเต๋อกลับมาแล้ว พวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกก็พากันมาโขกหัวคำนับซ้ำอีกครั้ง

ดวงตาของเถียนโหย่วเต๋อถึงกับมีประกายสว่างไสว "ความเมตตาและบุญคุณของฮูหยิน พวกเราบ้านเถียนทั้งครอบครัวจะไม่มีวันลืมเลยขอรับ!"

อันที่จริงสำหรับลู่ม่านแล้ว เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมาก แต่สำหรับครอบครัวที่ขายตัวเองมาเป็นทาสทั้งบ้าน มันคือพรอันยิ่งใหญ่ที่หาได้ยากยิ่ง มีคนตั้งเท่าไหร่ที่เพราะพวกเขาเป็นทาส ทำให้สุดท้ายแล้วลูก ๆ ของพวกเขาก็ต้องกลายเป็นทาสไปด้วย

ชีวิตนี้ทั้งชีวิตล้วนไม่อาจเงยหน้าอ้าปากได้อีก เดิมทีพวกเขาคิดว่าพวกเขาก็คงจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน