อ่านสรุป บทที่ 310 ถูกหลอกพาตัวไป จาก ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง
บทที่ บทที่ 310 ถูกหลอกพาตัวไป คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายประวัติศาสตร์ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ฝูเชิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
“พี่ลู่!” หลี่หว่านถิงดึงมือของลู่ม่านมากุม ก่อนจะพูดด้วยท่าทางออดอ้อนว่า “ถ้าพี่ไปแล้ว ข้าจะไม่รู้สึกถึงความปลอดภัยเลยจริง ๆ นะ”
ภายใต้การพูดจาหว่านล้อมแบบขอร้องแกมบังคับของหลี่หว่านถิง ลู่ม่านค่อยตอบตกลงว่าจะรอไปอีกสักระยะ จนกว่าร้านจะตกแต่งเสร็จทั้งหมดก่อนถึงจะกลับ
เวลานี้เอง หลี่หว่านถิงค่อยมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นมา หันไปสั่งคนที่อยู่รอบ ๆ ตัวว่า "ทำให้เร็วขึ้นอีกหน่อย พยายามทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้นภายในเวลาไม่กี่วันนี้ให้ได้"
“รับทราบ!” ทุกคนตอบรับ
วันรุ่งขึ้น หลังจากที่ลู่ม่านตื่นขึ้นในตอนเช้า กำลังเตรียมตัวจะไปดูความเรียบร้อยที่โรงงาน เหอเย่วก็ยกอ่างล้างหน้าเดินจากข้างนอกเข้ามาหา
“พี่เสี่ยวม่าน พี่ไม่ได้ล้างหน้าด้วยน้ำโรยกลีบดอกไม้นานแล้ว หลายวันมานี้พี่ยุ่งมาก ดูผอมลงไปเลย รีบมาล้างหน้าเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวเร็วเข้า”
ลู่ม่านถูกนางหยอกจนหลุดขำ “เพิ่งจะเดินได้ ก็มาหยอกให้ข้าขำซะแล้ว? การล้างหน้าด้วยน้ำโรยกลีบดอกไม้ มันเกี่ยวอะไรกับการที่ข้าผอมลงล่ะนี่?”
“ถ้าขาวขึ้นอีกหน่อย ก็ไม่ดูผอมขนาดนั้นแล้วอย่างไรล่ะเจ้าคะ!” เหอเย่วอธิบาย
“ตรรกะอะไรของเจ้าล่ะเนี่ย!” ลู่ม่านพูดอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ก็ยังยื่นมือออกไปรับน้ำในอ่างมาล้างหน้า หลังจากล้างเสร็จแล้ว ลู่ม่านก็ลุกขึ้น "ข้าจะไปที่โรงงานสักหน่อยนะ"
“ข้าจะไปกับพี่ด้วย!” เหอเย่วพูด
“อย่าเลย!” ลู่ม่านปรายตามอง “เจ้าเพิ่งจะลงจากเตียงได้ อย่าเดินไปไหนมาไหนให้มากนัก”
“พี่เสี่ยวม่าน!” ใบหน้าของเหอเย่วเต็มไปด้วยความหมดอาลัยตายอยาก
ลู่ม่านหลุดหัวเราะ “เจ้าวางใจเถอะ ในเมื่อข้ารับปากเจ้าแล้ว รอให้ถึงเวลาก่อนที่เราจะกลับ ข้าจะพาเจ้าไปเดินเที่ยว ข้าไม่ลืมสัญญาแน่นอน!”
พูดจบ ลู่ม่านก็ไม่สนใจเสียงร้องเรียกของเหอเย่วอีก เดินออกไปทันที
รถม้าเป็นจวงลี่จ้งจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อย ทุกวันจะมารับลู่ม่านที่หน้าประตูบ้าน ที่โรงงานมีพนักงานเข้าทำงานตามตำแหน่งกันครบถ้วนแล้ว ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการฝึกอบรมเป็นหลัก เมื่อลู่ม่านได้ดูแล้ว ก็รู้สึกว่าผู้ดูแลทั้งหลายต่างทำงานกันได้ไม่เลวเลย
จากนั้นก็ไปทางฝั่งที่ทำซีอิ๊ว ทางฝั่งนั้นกำลังเริ่มทำซีอิ๊วชุดใหม่ขึ้นมาอีกชุดหนึ่งแล้ว ทั้งยังมีพนักงานที่กำลังเรียนรู้วิธีทำแล้วเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าลู่ม่านมาแล้ว เด็กฝึกงานของลู่ม่านคนนั้นก็ลุกขึ้น ก่อนจะทำท่าเชื้อเชิญให้ลู่ม่านดู “แม่นาง ท่านอธิบายดีหรือไม่?”
"ไม่ล่ะ เจ้าพูดมาเถอะ ข้าจะฟัง" พูดจบ ลู่ม่านก็ไปหาที่นั่งด้านล่างแล้วนั่งลง ฟังอย่างตั้งใจ
เด็กฝึกงานคนนั้นค่อยผ่อนคลายสีหน้า แล้วเริ่มการบรรยายต่อไป
แน่นอนว่า ทางเขาไม่ใช่แค่พูดเฉพาะทฤษฎีล้วน ๆ พวกเขาอยู่ในขั้นตอนคลุมไมซีเลี่ยมแล้ว รวมถึงตรงหน้าพวกเขายังมีกองถั่วปริมาณมหาศาลอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ได้ทำพร้อมกับลู่ม่านไปรอบหนึ่งแล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไร ลู่ม่านดูการทำงานตลอดทั้งเช้า ค่อยลุกขึ้นเตรียมตัวกลับ
คนขับรถม้าเตรียมขับรถไปส่งลู่ม่านกลับตามปกติ เมื่อมาถึงใจกลางเมือง จู่ ๆ ลู่ม่านก็เห็นร้านขายของใช้ในงานแต่งงานร้านหนึ่ง เป็นร้านที่เพิ่งเปิดใหม่ ในนั้นล้วนเป็นชุดแต่งงานสีแดงสด ดูงดงามละลานตาอย่างยิ่ง
หวนคิดถึงเรื่องงานแต่งของเหอเย่วกับเฉินจูชิงขึ้นมาได้ ลู่ม่านก็สั่งให้คนขับหยุดรถ
“เจ้ากลับไปก่อนเถอะนะ ข้าจะเข้าไปดูสักหน่อย” ลู่ม่านพูด
“แต่คุณชายบอกว่า ให้ข้าไปรับส่งท่านทุกวันนะขอรับ....” คนขับรถมีท่าทางลังเลมาก
ลู่ม่านส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอก ที่นี่อยู่ใกล้บ้านของข้ามากแล้ว ข้าจะเข้าไปดูชุดแต่งงานสักหน่อย แล้วจากนั้นก็จะกลับบ้านเอง”
คนขับจึงหันรถกลับไปในที่สุด
หลังจากที่ลู่ม่านเข้าไป ก็ไปดูพวกชุดแต่งงานก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นค่อยไปดูมงกุฎเฟิ่งกวานและสายสะพายเสียะเพ่ย!
สมกับที่เป็นเมืองหลวงจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือด้านงานฝีมือปักเย็บ ล้วนไม่มีวันได้เห็นที่ตำบลชางผิง ในใจของลู่ม่านอดรู้สึกเสียดายน้อย ๆ ไม่ได้ ตอนแรกที่นางกับเฉินจื่ออานแต่งงานกัน พวกเขาไม่เคยได้สวมชุดแต่งงานที่สวยงามขนาดนี้มาก่อนเลย
ลู่ม่านรู้ทันทีว่า เขาทิ้งความประทับใจไว้ที่ตัวนางแล้ว นับว่าพอจะรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้บ้างนิดหน่อย ถ้านางไม่ได้กลับจากจวนอ๋องหนิงในช่วงอึดใจใหญ่ ๆ เมื่อพวกเหอเย่วไปตามหาคนขับรถม้าที่มาเมื่อเช้าคนนั้น ก็จะสามารถตามเบาะแสจนคลำทางมาเจอนางได้อย่างแน่นอน.....
แต่ลู่ม่านคิดผิด คนเหล่านั้นไม่ได้พานางไปที่จวนอ๋องหนิงเลย แต่เป็นการพาขึ้นรถม้ามาแล้ว ก็ตรงดิ่งไปที่นอกชานเมืองทันที
ในที่สุด รถก็หยุดลงที่เรือนแยกแบบส่วนตัวแห่งหนึ่ง จากนั้นลู่ม่านก็ถูกพาตัวเข้าไป
ลู่ม่านเพิ่งจะยืนได้มั่นคง ก็รู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองมาจากเหนือหัวตัวเอง ความรู้สึกแบบนี้ทำให้ลู่ม่านหวนนึกถึงภาพฉากตอนที่อยู่ในตำบลชางผิง ในมือถือผงเครื่องเทศสิบสามชนิด ขณะที่โดนพระชายาเฒ่าหนิงสร้างปัญหาให้ขึ้นมาทันที
แต่ลู่ม่านในวันนี้ กลับไม่ใช่ลู่ม่านที่มีแต่ตัวเปล่าเล่าเปลือยคนนั้นอีกแล้ว ไม่ว่าจะพูดอย่างไร สามีของนางตอนนี้ก็เป็นผู้ที่มียศขุนนางคนหนึ่งแล้ว นางเชื่อว่าพระชายาเฒ่าหนิงก็คงไม่กล้าทำอะไรนางโดยไม่ดูตาม้าตาเรือแน่
พอคิดแบบนี้ หัวใจของลู่ม่านก็รู้สึกมั่นคงขึ้นมาได้ในที่สุด
นางเงยหน้ามองขึ้นไปที่พระชายาเฒ่าหนิง แล้วพูดแบบไม่ถึงกับอ่อนน้อมถ่อมตนหรือหยิ่งผยองจนเกินไปว่า “ขอถามว่าพระชายาเฒ่าเรียกข้ามาที่นี่ด้วยเรื่องอะไรรึ?”
เมื่อพระชายาหนิงได้ยินดังนั้น ก็เก็บสายตากลับมาเงียบ ๆ ก่อนจะเค้นเสียงพูดว่า “เจ้าไม่รู้รึ? เป็นแค่ผู้หญิงบ้านนอกคอกนาคนหนึ่ง ถึงกับกล้ามาสร้างความสับสนให้กับจวิ้นจู่จนคิดจะร่วมทำร้านค้าของหรูหราอะไรนั่น? เจ้าควรจะรู้ความผิดของตัวเองดีไม่ใช่รึ?”
เพราะเรื่องนี้เป็นเหตุอย่างที่คิดจริง ๆ ลู่ม่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งในใจ ก็พูดขึ้นว่า “ที่พระชายาพูดมานั้นไม่ถูกต้อง”
พระชายาเฒ่าหนิงโกรธจัดขึ้นมาทันที “บังอาจ! ถึงกับกล้าพูดว่าข้าพูดไม่ถูกอย่างนั้นรึ?”
ลู่ม่านยังคงมีท่าทางไม่ถึงกับอ่อนน้อมถ่อมตน หรือหยิ่งยโสเกินไปเหมือนเดิม ยิ้มพลางพูดว่า “ชาวบ้านร้านตลาดอย่างเรามีคำกล่าวหนึ่ง ที่พูดกันจนติดปากว่า ราชาทำผิดโทษเท่าสามัญชน ในเมื่อท่านเป็นถึงพระชายา หากว่ามีข้อผิดพลาดอะไร คนธรรมดาอย่างข้าก็สามารถชี้ออกมาให้เห็นได้เช่นกัน”
พระชายาเฒ่าหนิงถึงกับหน้าเขียวปี๋ไปทั้งหน้าแล้ว “ข้ากลับอยากฟังเสียแล้วสิ ว่าข้ามีตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง?”
ลู่ม่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ประการแรก จวิ้นจู่ถือว่าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว สิ่งของเหล่านั้นก็ล้วนเป็นทรัพย์สินของนางเอง ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ย่อมมีสิทธิที่จะควบคุมจัดการทรัพย์สินของตนเอง ประการที่สอง เรื่องการร่วมมือกันขยายธุรกิจ ก็เป็นการตัดสินใจในสถานการณ์ที่จวิ้นจู่มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ข้ากลับไม่คิดว่ามีตรงไหนที่ไม่ถูกต้อง!"
“สามหาว!” พระชายาเฒ่าหนิงตวาดเสียงดังลั่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เป็นพอ.ที่กลับกรอก เป็นที่พึ่งไม่ได้เลย ยอกจะออกจากครอบครัวเลวๆนี่ไม่จริงอีก ภาระของนางเอก ถ่วงแข้งถ่วงขาจริงๆ...
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...