ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 311

ลู่ม่านไม่สนหรอกว่าตัวเองจะสามหาวหรือหลายหาว แต่ในเมื่อตกมาอยู่ในมือของยัยแก่ใจร้ายคนนี้แล้ว ต่อให้นางต้องตาย ก็จะไม่ยอมเลือกวิธีการตายที่ต่ำต้อยด้อยค่าน่าหดหู่เด็ดขาด

“คนผู้นี้มีความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง เด็ก ๆ! ตีนางให้ข้าเดี๋ยวนี้!” พระชายาเฒ่าหนิงตะเบ็งเสียงออกคำสั่งดังลั่น ดวงตาเบิกโพลงแทบจะถลนออกมาด้วยโทสะ

หลังสิ้นคำสั่ง มีชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำหลายคนปรากฏตัวขึ้น ในมือถือท่อนไม้เดินตรงเข้ามา

พริบตานั้น สีหน้าของลู่ม่านพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที "จะดีจะชั่ว ข้าก็เป็นคนในครอบครัวขุนนางคนหนึ่งเหมือนกัน พวกเจ้ากล้าตีข้ารึ?"

เมื่อพระชายาเฒ่าหนิงได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะออกมาเสียงดังราวกับว่านางได้ยินเรื่องอะไรที่น่าขบขันที่สุดในใต้หล้าก็ไม่ปาน “ก็แค่เสนาบดีคลังและการเกษตรตำแหน่งขุนนางขั้นหก ยังกล้าเรียกตัวเองว่าคนในครอบครัวขุนนาง ช่างพูดออกมาได้ไม่กลัวคนอื่นหัวเราะเยาะจนฟันร่วงรึ!”

ลู่ม่านโกรธจนไฟโทสะลุกท่วม “พระชายาเฒ่าต่างหากที่ตัวเองมีฐานะสูงส่งแท้ ๆ กลับมาทำเรื่องต่ำช้าสารเลวราวกับอันธพาลข้างถนนแบบนี้ ไม่ยิ่งทำให้คนอื่นอยากหัวเราะจนฟันร่วงมากกว่ารึ!”

“เจ้า....เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้นะ!” พระชายาเฒ่าหนิงโกรธจนแทบยั้งใจไม่ไหว อยากจะเข้าไปฉีกทึ้งปากของลู่ม่านให้รู้แล้วรู้รอด

ลู่ม่านไม่สนใจนาง ยังคงมองไปที่บรรดาคนรับใช้ที่จ้องมองนางด้วยแววตาที่ราวกับเสือจับจ้องเหยื่อ แล้วพูดขึ้นว่า “อยากตีกันสักตั้งสินะ? ถ้างั้นก็ลองดู!”

ครั้งก่อนตอนที่อยู่ในป่า โจรพวกนั้นพกมีดดาบเป็นอาวุธ นางย่อมสู้ไม่ได้ แต่คนพวกนี้มีแค่ท่อนไม้ธรรมดา ๆ เท่านั้น ลู่ม่านจึงไม่เชื่อเด็ดขาดว่าตัวเองจะไม่มีโอกาสชนะเลยซักนิด

“มัวยืนเซ่ออะไรกันอยู่ล่ะ? รีบตีมันให้ข้าเดี๋ยวนี้!” สิ้นคำสั่งพระชายาเฒ่าหนิง คนรับใช้ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นก็วิ่งกรูเข้าไปหาลู่ม่าน

แม้ว่าลู่ม่านจะผอมบาง แต่การเคลื่อนไหวของนางมีความยืดหยุ่นไหลลื่น ยกมือหนี แยกขาหลบ ผ่านไปหลายรอบ โดยพื้นฐานแล้วก็ไม่เสียเปรียบอะไรใครเลย

กลับกันฝ่ายชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นโดนลู่ม่านปั่นจนเสียกระบวน ฟาดไม้ตีโดนพวกเดียวกันไปไม่น้อย

พระชายาเฒ่าหนิงร้องตะโกนเสียงแหลมว่า “กล้าขัดขืนสินะ เป็นแค่ผู้หญิงบ้านนอกคอกนา ถึงกับกล้าขัดขืนไม่ยอมให้ตีรึ!” จากนั้นก็หันไปมองคนรับใช้อีกหลายคนที่อยู่ข้างนอก “ พวกเจ้ายังไม่รีบเข้ามาช่วยอีก!”

พริบตานั้น ในใจของลู่ม่านก็ระงับไฟโทสะไว้ไม่อยู่ นางไม่สนสี่สนแปดอะไรแล้วทั้งสิ้น เงื้อเท้าขึ้นได้ ก็เตะไม้ท่อนหนึ่งเข้าไปใส่พระชายาเฒ่าหนิงตรง ๆ

เกิดเสียงดัง”ผั๊วะ”ขึ้นเสียงหนึ่ง ไม้ท่อนนั้นลอยไปกระแทกเข้าที่ท้องของพระชายาเฒ่าหนิงเต็ม ๆ

นางเจ็บเสียจนแทบจะล้มคว่ำลงไปกองกับพื้น สีหน้ายิ่งน่าเกลียดแทบดูไม่ได้ขึ้นกว่าเดิมแล้ว

ขณะที่กำลังไล่ตีไล่ฟาดกันอยู่นั่นเอง ที่ด้านนอกก็มีคนคนหนึ่งเดินเข้ามา เมื่อเห็นดังนั้น ก็รีบก้าวขึ้นไปข้างหน้าแล้วพยุงพระชายาเฒ่า “ ท่านแม่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

เมื่อพระชายาเฒ่าหนิงเห็นว่าลูกชายสุดที่รักของตัวเองมาแล้ว ก็ปลดปล่อยความน้อยอกน้อยใจที่อัดแน่นอยู่เต็มท้องออกมา “ยวี่เอ๋อเอ๊ย! เป็นเพราะนังตัวดีนั่น มันทำแม่เจ็บแทบตายแล้ว”

หลี่ยวี่ปรายดวงตาดอกท้อที่เวลานี้ดูเมามายเกินขนาด มองไปยังใจกลางฝูงชนที่เวลานี้กำลังวุ่นวายโกลาหล แค่แวบเดียวก็เห็นรูปร่างปราดเปรียวแต่ทรงพลังของลู่ม่าน

เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย “ที่แท้ก็เป็นนางเองน่ะรึ?”

“เป็นนางนี่แหล่ะ!” พระชายาเฒ่ากัดฟันกรอดพลางพูดว่า “ผู้หญิงคนนี้ มันไม่ใช่พวกตรงไปตรงมาหรอก ครั้งก่อนที่น้องสาวของเจ้าไปบ้านพี่สาวของเจ้า กลับมาถึงนางก็เก็บร้านค้าที่เป็นสินเดิมของตัวเองกลับไป แล้วก็เริ่มดื้อดึงเอาแต่ใจ ข้าส่งคนไปถามพี่สาวของเจ้าถึงได้รู้ว่า แท้ที่จริงแล้วระหว่างทางที่นางไปบ้านพี่สาวเจ้า นางแวะไปที่หมู่บ้านไป่ฮัว เป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ มันหลอกล่อให้น้องสาวของเจ้าหลงเชื่อ ไม่รู้ว่านางมีความคิดบิดเบี้ยวอะไรอยู่ในใจกันแน่”

ดูเหมือนว่าพระชายาเฒ่าคงจะเจ็บท้องมากจริง ๆ นางพูด ๆ ไปก็หยุดชะงักไปชั่วครู่ ปากก็ส่งเสียงหอบหนักเป็นระยะ ๆ

ตอนนี้เอง หลี่ยวี่จึงรีบหันไปสั่งแม่นมที่อยู่ข้างหลังอย่างเร่งร้อนว่า “ทำไมยังไม่รีบพาท่านแม่ไปหาหมออีก?”

“แต่ว่านังผู้หญิงคนนั้น…” จนเวลานี้แล้ว พระชายาเฒ่าหนิงก็ยังไม่ยอมปล่อยลู่ม่านไป หลี่ยวี่ตบหน้าอกผาง ๆ รับปากเป็นมั่นเหมาะว่า "ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง ท่านแม่วางใจได้!"

พระชายาเฒ่าหนิงจึงยอมพยักหน้า ก่อนจะตามแม่นมไปอย่างวางใจ

แต่หัวใจของลู่ม่านกลับเต้นกระหน่ำขึ้นมาทันที เจ้าหลี่ยวี่คนนี้มัน......

ก่อนหน้านี้ก็เคยวางแผนร้ายกับนางมาก่อน แต่เพราะนางไม่เคยติดกับเลยซักครั้ง มาตอนนี้มีโอกาสแล้ว คงจะไม่......

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หัวใจของลู่ม่านก็ค่อย ๆ หนักอึ้งจมดิ่งลงเสียแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน