สรุปเนื้อหา บทที่ 312 ปานแต่กำเนิด – ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง
บท บทที่ 312 ปานแต่กำเนิด ของ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน ในหมวดนิยายประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ฝูเชิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ในช่วงเวลาวิกฤตินั้นเอง ลู่ม่านก็งอขาขึ้น ทักทายน้องชายที่กลางหว่างขาของหลี่ยวี่หนัก ๆ ไปครั้งหนึ่งแบบเต็มเหนี่ยวตรงเผง
เวลาแบบนี้ คือช่วงเวลาที่ผู้ชายอ่อนแอที่สุด เสียงนั้นเรียกได้ว่าแทบจะเป็นเสียงกรีดร้องโหยหวน ร่างกายของหลี่ยวี่ถึงกับหงิกงอผิดรูป
ลู่ม่านนอนแผ่หราอย่างอ่อนแรง หันไปเห็นสภาพน่าเอน็จอนาถใจของหลี่ยวี่ ในที่สุดหัวใจก็รู้สึกสบายขึ้นมาไม่น้อย
หลี่ยวี่เปลี่ยนจากอับอายกลายเป็นโกรธ หลังจากลุกขึ้นมาได้ ก็เงื้อมือขึ้นพุ่งเข้าใส่ลู่ม่านทันที วินาทีถัดมา ประตูที่อยู่ข้างหลังก็ถูกกระแทกเปิดออกเสียงดัง “ปัง” จากนั้นก็ปรากฏเงาร่างสีขาวพุ่งเข้ามาจากด้านนอก
ลู่ม่านในเวลานี้รู้สึกสับสนมึนงงไปหมดแล้ว ได้ยินเสียงของผู้คนนั้นตะโกนร้องเรียกนางเสียงหนึ่ง “เสี่ยวม่าน...”
ลู่ม่านหันไปยกยิ้มให้เขา "จื่ออาน เจ้ามาแล้วรึ?"
หลังจากนั้น นางก็หมดสติไป
จวงลี่จ้งขมวดคิ้วมุ่น ขณะมองเห็นเสื้อผ้าที่ถูกฉีกจนขาดวิ่นของลู่ม่าน เอื้อมมือไปคว้าผ้าปูที่อยู่ข้าง ๆ มาโดยไม่รู้ตัว นำมาห่อคลุมตัวลู่ม่านไว้ ในขณะที่กำลังเตรียมตัวจะอุ้มนางออกไป จู่ ๆ ก็เห็นรอยปานสีแดงรอยหนึ่งบนหัวไหล่ของลู่ม่าน
เขาตกใจจนแข็งทื่อไปทั้งร่าง ยืนนิ่งงันอยู่กับที่
จนกระทั่งเด็กรับใช้ของเขาพุ่งเข้ามา จวงลี่จ้งถึงกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง
เด็กรับใช้ถามว่า “คุณชายหลี่นั่นจะให้จัดการอย่างไรขอรับ?”
“ตีให้น่วม!” จวงลี่จ้งพูดพลางกัดฟันกรอด “ถ้ามีปัญหาอะไร ข้าจะไปอธิบายให้อ๋องหนิงฟังเอง!”
พูดจบ เขาก็อุ้มลู่ม่านออกไปทันที
.........
รอจนลู่ม่านตื่นขึ้นมา ก็เป็นเช้าของวันที่สองแล้ว เมื่อลืมตาขึ้น ก็มองเห็นภาพฉากที่คุ้นเคยอยู่สูงเหนือหัวขึ้นไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็เริ่มหวนนึกถึงเรื่องก่อนที่จะหมดสติขึ้นมาได้ นางรีบลุกขึ้นนั่งอย่างลนลาน สังเกตดูสถานการณ์รอบตัวอย่างละเอียดรอบหนึ่ง ดูเหมือนว่า... จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นสินะ?
ขณะที่กำลังคิดอยู่ ประตูก็ถูกผลักเปิดออก เหอเย่วจ้องมองลู่ม่านด้วยดวงตาที่อาบนองด้วยน้ำตาคลอเบ้า "พี่ลู่ ในที่สุดพี่ก็ตื่นแล้ว!"
“ข้ากลับมาได้อย่างไรรึ?” ลู่ม่านถาม
“คุณชายจวงพาพี่กลับมาเจ้าค่ะ!” เหอเย่ว่ตอบ แล้วเดินเข้ามามองสำรวจลู่ม่านขึ้น ๆ ลง ๆ “พี่มีตรงไหนที่รู้สึกไม่สบายหรือไม่?”
ลู่ม่านขมวดคิ้ว “เมื่อวานตอนที่ข้ากลับมา มีอะไรที่......”
เหอเย่วส่ายหน้า “ไม่มีเจ้าค่ะ”
นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ลู่ม่านจำได้อย่างชัดเจนเลยว่า เสื้อผ้าของตัวเองขาดวิ่นไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ? “ถ้าอย่างนั้นคุณชายจวงพูดว่าอย่างไรบ้าง?”
“คุณชายจวงบอกว่า พระชายาหนิงรู้เรื่องที่พี่กับจวิ้นจู่เปิดร้านด้วยกันแล้ว เลยเรียกพี่ไปถามเอาความ ทั้งยังสั่งให้คนมาทุบตีพี่ พี่ถึงได้สลบไป..…”
พอพูดถึงตรงนี้ เหอเย่วก็ยิ่งโกรธมากขึ้น
“ข้าคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ นะ ว่าจวนอ๋องหนิงที่สง่างามมีเกียรติ จะมีคนที่จิตใจคับแคบได้ขนาดนี้ แค่เปิดร้านค้าร้านเดียวก็ยังไม่ยอมปล่อยพี่ไป…..”
ลู่ม่านที่รู้สึกโล่งอกแล้วพูดขึ้นว่า "ช่างเถอะ ข้าก็ไม่ใช่ว่าปลอดภัยดีหรอกรึ?"
“โชคดีที่คุณชายจวงตามไปจนพบพี่....” เหอเย่วยังไม่ยอมประนีประนอม “พี่เสี่ยวม่าน ข้าว่าพี่ไม่ต้องไปสนใจร้านนั้นแล้วดีกว่า พวกเรากลับบ้านกันเถอะ! เมืองหย่งอานนี่อันตรายเกินไปแล้ว!”
ระหว่างที่กำลังพูด ด้านนอกก็มีเสียงของเถียนหวังซื่อดังขึ้นว่า “ฮูหยิน จวิ้นจู่มาแล้วเจ้าค่ะ”
เหอเย่วไม่พูดไม่จาทำหน้าบึ้งตึง ลู่ม่านรีบลุกขึ้น "มาช่วยข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ!"
“ข้าไม่เอาด้วยหรอก!” เหอเย่วยังคงไม่พอใจ “จวิ้นจู่น่ะเป็นคนดี แต่แม่ของจวิ้นจู่น่ะสุดแสนจะเลวร้ายเลยจริง ๆ พี่เสี่ยวม่าน พี่ไม่ต้องไปมาหาสู่กับจวิ้นจู่แล้วดีกว่านะ!”
“เสี่ยวเย่ว!” ลู่ม่านแสร้งทำเป็นโกรธ “นี่เจ้าคิดจะให้ข้าสวมแค่ชุดชั้นในออกไปพบคนจริง ๆ น่ะรึ?”
เหอเย่วไม่มีทางเลือก จึงต้องเข้าไปช่วยลู่ม่านเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินออกไป
ผู้หญิงอย่างที่ลู่ม่านเป็นต่างหาก คือสิ่งที่นางอยากเป็นที่สุด
“พี่ลู่ ข้าก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน!”
“ไม่ยอมแพ้ก็ดีแล้ว!” ลู่ม่านพูดพลางหัวเราะ “ในเมื่อใกล้จะเปิดกิจการแล้ว เช่นนั้นการฝึกอบรมพนักงานขายก็ควรจะเริ่มได้แล้วล่ะนะ”
หลี่หว่านถิงพยักหน้า คิดถึงบรรดาหญิงสาวที่งามสะพรั่งดั่งดอกไม้ในร้านม่านเซิงของหมู่บ้านไป่ฮัวที่ลู่ม่านอยู่ ก็รู้สึกชอบมาก “ ติดแค่ว่า ผู้หญิงที่มาทางสายนี้มีไม่มาก ข้าเกรงว่าจะดึงดูดคนไม่ค่อยได้น่ะสิ”
ลู่ม่านหัวเราะเบา ๆ แล้วอธิบายสวัสดิการกับค่าตอบแทนของคนงานหมู่บ้านไป่ฮัวให้ฟัง ไม่เพียงแค่หลี่หว่านถิงเท่านั้น แม้กระทั่งเสี่ยวหมิ่นที่อยู่ด้านหลังหลี่หว่านถิงก็ยังเบิกตากว้าง ดูมีท่าทางกระตือรือร้นอยากจะลองขึ้นมาทันที
“พี่ลู่ พี่คิดเงื่อนไขแบบนี้ออกมาได้อย่างไรน่ะ?”
“ทำไมล่ะ? ไม่ดีรึ?”
“ดีมากเลยต่างหาก!” หลี่หว่านถิงพูดพลางหัวเราะ “ถ้าธุรกิจทั้งหมดของเราปฏิบัติต่อผู้หญิงดีขนาดนี้ล่ะก็ ผู้หญิงจะยังอ่อนแอเหมือนกับตอนนี้อีกหรือ?”
นี่เป็นเรื่องจริง หลี่หว่านถิงมองเพียงแวบเดียวก็เห็นถึงแก่นแท้ของความจริง "สำหรับธุรกิจอื่นพวกเราไม่รู้ แต่พวกเราเองสามารถทำให้มันเกิดขึ้นได้"
“ดี!” หลี่หว่านถิงพยักหน้า เมื่อเห็นเสี่ยวหมิ่นที่อยู่ข้างหลังมีท่าทางที่ดูผิดหวังมาก หลี่หว่านถิงก็พูดขึ้นอีกว่า "จะซื้อให้เจ้าด้วย!"
เสี่ยวหมิ่นยิ้มเริงร่าคิ้วตาเบิกบานทันที "ขอบคุณเจ้าค่ะจวิ้นจู่ " จากนั้นก็หันไปค้อมกายคำนับลู่ม่านด้วยอีกคน "ขอบคุณเจ้าค่ะฮูหยิน"
“เจ้ามันปากหวาน!” หลี่หว่านถิงพูดจบ ก็ทำท่าเหมือนกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หันไปเรียกเสี่ยวหมิ่นอีกครั้ง “เร็วเข้า เอาของที่ข้านำมาด้วยออกมาเดี๋ยวนี้”
เสี่ยวหมิ่นรีบเอาของออกมา ลู่ม่านจึงพบว่าแท้ที่จริงมันคือเครื่องประดับศีรษะชุดหนึ่ง อีกทั้งเมื่อดูจากลักษณะของมันแล้ว น่าจะใช้เป็นเครื่องประดับในงานแต่งอีกด้วย
“นี่คือ?” ลู่ม่านเอ่ยถามอย่างสงสัย
"ข้าได้ยินมาว่า เมื่อวานนี้พี่ออกมาจากร้านขายของใช้ในงานมงคล ดังนั้นข้าก็เลย....."
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เป็นพอ.ที่กลับกรอก เป็นที่พึ่งไม่ได้เลย ยอกจะออกจากครอบครัวเลวๆนี่ไม่จริงอีก ภาระของนางเอก ถ่วงแข้งถ่วงขาจริงๆ...
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...