ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 315

สรุปบท บทที่ 315 คุ้มกันไปส่งถึงที่: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

สรุปเนื้อหา บทที่ 315 คุ้มกันไปส่งถึงที่ – ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง

บท บทที่ 315 คุ้มกันไปส่งถึงที่ ของ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน ในหมวดนิยายประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ฝูเชิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

“คารวะฮูหยิน!” จวงลี่จ้งกล่าวทักทาย

“อาจ้งมาแล้ว!” ฮูหยินกั๋วกงยิ้มพลางยื่นมือออกไปในทิศทางที่เขากล่าวทักทายมา แล้วพูดว่า “มาหาข้าทางนี้เร็วเข้า!”

จวงลี่จ้งเดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย ฮูหยินกั๋วกงค่อยพูดขึ้นว่า "หลายปีมานี้ ต้องลำบากเจ้าเหลือเกินแล้ว หากไม่ใช่เพราะเจ้าหมั่นมาคอยอยู่เป็นเพื่อนข้ากับสามีเสมอ ๆ พวกเราสองผู้เฒ่าก็ไม่รู้เลยว่าจะมีสภาพเป็นอย่างไรกันบ้างแล้ว"

"นั่นเป็นเรื่องที่สมควรแล้วขอรับ!" จวงลี่จ้งตอบรับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ในเมื่อมาแล้ว ก็นั่งลงคุยกันก่อนเถอะนะ” ฮูหยินกั๋วกงพูดเชื้อเชิญ

ระหว่างที่กำลังคุยกัน เหอเย่วก็กลับมาพอดี นางทำท่ายกนิ้วที่สื่อถึงชัยชนะไปทางลู่ม่าน ลู่ม่านจึงรู้ว่าเสื้อผ้าของนางคงจะทำความสะอาดเสร็จแล้ว จึงลุกขึ้นแล้วขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

หลังจากนั้น ก็มานั่งคุยต่ออีกครู่หนึ่ง ลู่ม่านค่อยลุกขึ้น แล้วขอตัวลากลับ

ระหว่างทางกลับ ลู่ม่านถามเหอเย่วว่า “เจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าฮูหยินกั๋วกงแปลกมากเลยน่ะ?”

เหอเย่วส่ายหน้า “ไม่เห็นรู้สึกเลยเจ้าค่ะ!”

เมื่อคิดดูแล้วก็น่าจะจริง เหอเย่วเพิ่งจะเคยได้พบฮูหยินกั๋วกงเป็นครั้งแรก นางจะเห็นอะไรที่มันแปลก ๆ ได้อย่างไรล่ะ

“บางทีข้าอาจคิดมากเกินไปแล้วล่ะ?” ลู่ม่านโยนความคิดนี้ทิ้งออกไปจากสมอง เมื่อคิดว่าวันพรุ่งนี้ ก็จะได้กลับบ้านแล้ว อารมณ์ก็พลันดีขึ้นมาในทันใด

คืนนั้นทั้งคืน ลู่ม่านนอนไม่หลับเลย

รุ่งเช้าของวันรุ่งขึ้น นางก็ลุกจากที่นอน เถียหวังซื่อกับเถียนโหยวเต๋อจัดเตรียมอาหารเช้าไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ตอนที่ลู่ม่านออกไป เถียนโหย่วเต๋อกำลังช่วยผ่าฟืนอยู่

หลังจากกินข้าวเสร็จ เถียนโหย่วเต๋อก็ขันอาสาด้วยท่าทางฮึกเหิมว่า “แม่นาง ให้ข้าไปส่งท่านกลับดีกว่านะขอรับ!”

ลู่ม่านถูกเขาทำให้ตกใจจนผงะ “หา?”

“คือว่าอย่างนี้เจ้าค่ะ ครั้งก่อนตอนที่พวกท่านมา ได้เจอกับพวกโจรไม่ใช่รึ? สามีข้ากลัวพวกท่านจะไปเจอกับอันตรายอีก”

“จริง ๆ นะขอรับ ข้ามีดีก็ตรงมีเรี่ยวแรงเยอะนี่ล่ะ!” เถียนโหย่วเต๋อพูดจาหนักแน่น

“ไม่ต้องหรอก!” ลู่ม่านส่ายหน้า “พวกเจ้าอยู่ที่นี่ก็มีงานต้องทำนะ ครั้งนี้พวกเราจะใช้ทางอ้อมแทน ไม่ไปทางนั้นแล้ว ไม่น่าจะเป็นอะไรแล้วล่ะ!”

เถียนโหย่วเต๋อกลับไม่ยอมตกลง เอาแต่ยืนหยัดว่าจะขอไปส่งเองให้จงได้ แม้กระทั่งเสี่ยวหู่ก็ยังไปหยิบไม้ท่อนหนึ่งมายื่นส่งให้เถียนโหยวเต๋อ แล้วพูดอย่างขึงขังว่า “พ่อ เอาไปตีคนชั่ว!”

ระหว่างที่ทุกคนต่างชะงักงันกันไปชั่วขณะ ที่ด้านนอกก็มีเสียงม้าร้องดังลอดเข้ามา เถียนโหย่วเต๋อรีบไปเปิดประตู จึงเห็นว่าจวงลี่จ้งพากลุ่มผู้ติดตามมาปรากฏตัวอยู่ที่หน้าประตู

“พอดีว่าข้ามีธุระบางอย่างต้องไปที่หมู่บ้านไป่ฮัวสักครั้ง ไม่สู้เราเดินทางไปด้วยกันเถอะ!”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย!” ลู่ม่านพูดพลางหัวเราะ “ทีนี้พวกเจ้าก็ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วล่ะนะ!”

เถียนโหย่วเต๋อกับเถียนหวังซื่อจึงรู้สึกวางใจได้จริง ๆ เสียที ช่วยลู่ม่านขนของออกมา ก่อนจะตระเตรียมให้ลู่ม่านกับเหอเย่วขึ้นรถม้าไปด้วยกัน

จวงลี่จ้งเองอยู่ข้างหน้าสุด จัดขบวนรถของลู่ม่านกับเหอเยว่ไว้ตรงกลาง ด้านหลังคือเด็กรับใช้ของจวงลี่จ้ง การออกเดินทางครั้งนี้ จึงเป็นอะไรที่ปลอดภัยขึ้นเป็นสองเท่า

ก็แค่อ้อมแม่น้ำไปเอง ลู่ม่านอยากให้จวงลี่จ้งใช้ทางอ้อมไป ไม่อยากผ่านเส้นทางสายนั้น

จวงลี่จ้งคิดว่านางคงกลัวจนเกิดเป็นเงาดำในใจ จึงไม่พูดอะไรมาก สั่งให้คณะเดินทางอ้อมไปแทน

ด้วยการคุ้มกันของจวงลี่จ้ง ครั้งนี้ลู่ม่านจึงเดินทางได้เร็วมาก ทั้งไม่จำเป็นต้องมองหาศาลาพักม้าแล้วด้วย ติดแค่ว่าทันทีที่ออกจากเมืองหลวง ลู่ม่านก็พบกับปัญหาหนึ่ง

"ทำไมบนถนนสายนี้ถึงเงียบขนาดนี้ล่ะ? ไม่เหมือนกับเวลาปกติที่เคยมาเลย มีแต่คนเต็มไปหมด"

“แม่นางยังมีเรื่องที่ไม่รู้สินะ” เป็นเด็กรับใช้ของจวงลี่จงที่พูดขึ้นมา “ข้าได้ยินมาจากญาติห่าง ๆ ของข้าว่า ปีนี้จู่ ๆ ก็มีภัยพิบัติแมลงระบาดอย่างกะทันหัน ทุกบ้านต่างก็ยุ่งกับการไล่จับแมลงน่ะ!”

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถึงหมู่บ้านไป่ฮัว ประสิทธิภาพก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อจวงลี่จ้งเห็นนาข้าวที่แข็งแรงสุขภาพดีเต็มสองข้างทาง ก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “นี่คือที่เจ้าเคยบอกว่า เป็นนาข้าวที่ถูกหนอนแมลงกัดกินช่วงก่อนที่เจ้าจะออกเดินทางอย่างนั้นรึ?”

“ใช่!” ลู่ม่านพยักหน้า "เดิมทีจื่ออานจะไปกับข้าด้วย แต่เป็นเพราะโรคระบาดจากแมลงเหล่านี้ เขาจึงต้องรั้งอยู่ที่นี่ ผลปรากฏชัดแล้วว่า ผลลัพธ์ออกมาดีมาก ๆ จื่ออานทำได้แล้ว"

“แล้วทำไมทางอำเภอเฟิงหนานที่เราผ่านถึงยังเป็นอย่างนั้นล่ะ.....”

ลู่ม่านขมวดคิ้วมุ่น "เรื่องนี้เกรงว่าคงต้องถามนายอำเภอของที่นี่แล้วล่ะ"

เมื่อพวกเขามาถึงหมู่บ้านไป่ฮัว เฉินจื่ออานไม่อยู่บ้าน พอไปถามตาเกา ตาเกาก็บอกว่าเฉินจื่ออานอยู่ที่อำเภอตลอด แต่ว่านายอำเภอดื้อแพ่ง พูดอย่างไรก็ไม่ยอมตกลงให้พ่นน้ำปูนขาวให้ทั่วอำเภอ ดังนั้นเขาจึงยังอยู่ในสภาวะชะงักงันอยู่อย่างนั้น

เมื่อลู่ม่านได้ยินดังนั้น ก็ผุดลุกขึ้นยืนทันที "อาศัยอะไรให้เขาไม่ยอมตกลงทำตามคำสั่ง?"

เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเฉินจื่ออานเป็นถึงเสนาบดีคลังและการเกษตรตำแหน่งขุนนางขั้นหก มีหรือที่จะไม่ใหญ่ไปกว่าขุนนางระดับนายอำเภอขั้นเจ็ด? ไหนใครบอกว่าคนมีตำแหน่งสูงกว่า ก็เอามาเบ่งทับคนที่ตำแหน่งต่ำกว่าจนปางตายได้ไม่ใช่เรอะ?

แต่จวงลี่จ้งกลับหยุดนางไว้ แล้วพูดว่า "อย่าหุนหันพลันแล่น แม้ว่าตำแหน่งของเสนาบดีคลังและการเกษตรจะสูงกว่าตำแหน่งนายอำเภอ แต่ก็ไม่ได้มีอำนาจในโลกความเป็นจริง ถ้าแข็งกร้าวเกินไป เกรงว่าจะก่อให้เกิดปัญหาเสียมากกว่า เพราะอย่างไรก็เป็นดั่งพ่อแม่ของคนทั้งอำเภอ...."

พ่อแม่บ้าบออะไรกัน! เห็น ๆ อยู่ว่านี่เป็นแค่การแก้แค้นส่วนตัวของเฉินจื่อคังชัด ๆ

“ในเมื่อมีฐานะเป็นพ่อแม่ของคนทั้งอำเภอ ก็ไม่ใช่ว่าควรจะคิดเพื่อประชาชนให้มาก ๆ หรอกรึ?”

จวงลี่จ้งแค่นเสียงหัวเราะเย็นชาขึ้นมาเสียงหนึ่ง "ถ้าหากว่าทุกคนล้วนคิดเหมือนกับเจ้า มันจะยังมีพวกขุนนางทุจริตฉ้อฉลได้รึ?"

ลู่ม่านถึงกับพูดไม่ออก เพราะนางเริ่มจะรู้สึกว่าตัวเองไร้เดียงสาเกินไปหน่อยแล้ว

ทั้งสองกำลังคุยกัน ด้านนอกก็มีเสียงของตาเกาดังแว่วมา “นายท่านกลับมาแล้ว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน