หลังจากที่ซวนเหวินลี่พูดจบ ก็ได้นำตัวคนที่ทำการจับกุมในคืนนั้นออกมา โบยกลางศาลทันที
อ๋องหนิงนั่งอยู่ตรงนั้นตลอด มองดูโดยที่ไม่พูดอะไรเลย จนกระทั่งคนเหล่านั้นถูกโบยจนเกือบจะหมดลมหายใจ อ๋องหนิงจึงเอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นการเข้าใจผิด ครั้งนี้ก็ให้แล้วไปเถอะ แต่ว่าการจับกุมขุนนางของราชสำนักโดยเข้าใจผิด ไม่ใช่เรื่องที่จะจบลงได้แค่การโบยเท่านั้น การงานที่เสียหายไป พวกเขาก็รับผิดชอบไม่ไหว……”
ซวนเหวินลี่สีหน้าซีดลง เห็นที ครั้งนี้อ๋องหนิงเตรียมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดแน่
สูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง อ๋องหนิงจึงพูดออกมาว่า “ใต้เท้าพูดถูกต้อง ” จากนั้นเขาก็หันไปมองซือเย่ที่ยืนอยู่ข้างๆด้วยท่าทีเสแสร้ง “โทษของการกระทำนี้คือ……”
“ประหารตามกฎหมาย”ซือเย่คนนั้นพูดอย่างเฉียบขาด
ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่ของศาลาว่าการเหล่านั้นต่างก็ร้องโอดโอยขึ้นมา “ใต้เท้า ข้าถูกใส่ร้าย”
ซวนเหวินลี่ก็รู้สึกใจหายวาบ แล้วมองไปที่อ๋องหนิงอีกครั้ง ไม่มีทีท่าจะยับยั้งเลยแม้แต่น้อย ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว นี่มันเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูนี่เอง
แต่ว่าลิงอย่างเขา จะไม่รับช่วงต่อก็ไม่ได้แล้ว
“เอาตัวออกไป”ซวนเหวินลี่พูด
เจ้าหน้าที่ของศาลที่เมื่อครู่ยังร้องว่าถูกใส่ร้าย มองซวนเหวินลี่อย่างผิดหวัง “ใต้เท้า ท่านต้องช่วยพวกข้านะ ก็ไหนท่านบอกว่า……”
ยังไม่ทันได้พูดจนจบ ซือเย่ที่อยู่ทางด้านหลังก็ร้องตะโกนขึ้นว่า “พูดเหลวไหลอะไรกัน ต่อหน้าอ๋องหนิง เจ้าไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น ยังไม่รีบอุดปากแล้วลากตัวออกไปอีก……”
เจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ลงทัณฑ์ ก็ใช้กำลังทุบไปยังคนเหล่านั้นที่กำลังร้องตะโกนว่าถูกใส่ร้ายให้สลบไปทันที
เฉินจื่ออานจะรีบเข้าไปพูดจาขอร้อง แต่จวงลี่จ้งที่อยู่ข้างๆได้รั้งเอาไว้ ส่ายหน้าให้เขา
ขณะที่กำลังนิ่งอึ้ง อ๋องหนิงก็ได้เอ่ยขึ้นว่า “เรื่องราวในครั้งนี้ เป็นเพราะใต้เท้าซวนไม่ได้จัดการแก้ปัญหาให้ดี ฉะนั้นก็ต้องได้รับการลงโทษเช่นเดียวกัน ข้าขอลงโทษใต้เท้าซวนตั้งแต่บัดนี้ ให้ติดตามช่วยเหลือเฉินซือหนงอย่างใกล้ชิดด้วยตนเองพร้อมกับลงมือช่วยชาวนาในอำเภอเฟิงหนานทั้งหมดอย่างเต็มที่”
ตอนที่ซวนเหวินลี่ยังเป็นเฉินจื่อคัง ก็ไม่เคยทำนามาก่อน เขาเกลียดการทำเกษตรกรรมมาก ทุกคนต่างก็รู้ดี ตอนนี้ อ๋องหนิงสั่งการให้เขาไปทำเกษตร เขาไม่น้อมรับคำสั่งไม่ได้ เห็นสีหน้าของเขาก็รู้สึกสะใจมากแล้ว
จากนั้น อ๋องหนิงก็หันไปมองเฉินจื่ออาน “ครั้งนี้ เฉินซือหนงทำงานได้ดีเยี่ยมมาก ตลอดการเดินทางมาจากเมืองหลวง พื้นที่การเกษตรมากมายถูกทำลาย ปีหน้าประชาชนคงต้องทุกข์ยากลำบากเป็นแน่”
อ๋องหนิงรู้สึกเกลียดชังมาก เกษตรกรที่มุงดูอยู่ด้านนอกต่างก็ถูกกระตุ้นให้รู้สึกซาบซึ้งใจ ต่างก็เกิดความรู้สึกดีๆกับอ๋องหนิงขึ้นมา ลู่ม่านมองด้วยสายตาเย็นชา แอบจุ๊ปากและชื่นชมในใจ นักการเมืองตั้งแต่สมัยโบราณจนยุคปัจจุบัน ต่างก็รู้ดี
การรวบรวมจิตใจประชาชนให้เป็นหนึ่งจึงจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการเอาชนะฝ่ายตรงข้าม
“อ๋องหนิงชมกันเกินไปแล้ว ข้าเฉินจื่ออานก็แค่ทำหน้าที่ของตนเองเท่านั้น ”เฉินจื่ออานพูด
อ๋องหนิงพยักหน้าอย่างพอใจมาก แล้วพูดขึ้นว่า “ครั้งนี้หลังจากข้ากลับไปแล้ว จะถวายรายงานให้แก่ฮ่องเต้ตามความจริง ขอให้ทรงประทานรางวัลให้กับเฉินซือหนง ไม่แน่ ปีหน้าพวกเราอาจจะได้ร่วมงานกันที่เมืองหลวงก็เป็นได้”
คำพูดท้ายประโยคของอ๋องหนิงฟังดูแล้วเหมือนพูดเล่น แค่ทุกคนต่างก็รู้ดี ผู้ที่มีตำแหน่งสูงส่งกว่าย่อมไม่พูดจาล้อเล่น ขอเพียงพูดออกจากปากแล้ว แทบจะเป็นจริงทั้งสิ้น
จวงลี่จ้งมองเฉินจื่ออานด้วยสายตาเต็มไปด้วยความยินดีทันที ไหนเลยจะคิดว่าเฉินจื่ออานจะพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน “อ๋องหนิง อนุญาตให้กระหม่อมพูดสักหน่อยได้หรือไม่”
อ๋องหนิงนิ่งอึ้ง จากนั้นก็พยักหน้าตกลง “ว่ามา”
“คืออย่างนี้พ่ะย่ะค่ะ”เฉินจื่ออานสูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง “ที่จริงเรื่องการพ่นน้ำปูนขาวในครั้งนี้ และเครื่องนวดข้าวก่อนหน้านี้ ล้วนไม่ใช่สิ่งที่กระหม่อมคิดเอง”
เฉินจื่ออานพูดประโยคนี้ออกไป ทุกคนต่างก็เงียบลงทันที
ลู่ม่านรีบส่ายหน้าให้เขาทันที ส่งสัญญาณให้เขาว่าอย่าพูดอีก เรื่องน้ำปูนขาวยังพอทำเนา แต่เรื่องเครื่องนวดข้าว ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ทรงมีการมอบตำแหน่งให้แล้ว หากพูดออกไปตอนนี้ จะไม่เป็นการหลอกลวงเบื้องสูงหรอกหรือ”
ปรากฏว่า สีหน้าของอ๋องหนิงเปลี่ยนไปทันที
ลู่ม่านใจเต้นระทึก รีบเดินเข้าไปพูดว่า “ท่านอ๋อง จื่ออานแค่รู้สึกดีใจเกินไป……”
“ไม่ ท่านอ๋อง กระหม่อมพูดเรื่องจริง……”
“เฉินจื่ออาน”ทันใดนั้นอ๋องหนิงก็ตะคอกขึ้นมา ทุกคนต่างก็รู้สึกตกใจ มีเพียงซวนเหวินลี่ที่ยังคงมองเฉินจื่ออานอย่างไม่รู้ไม่ชี้
เครื่องนวดข้าว น้ำปูนใสไม่ใช่ความคิดของเฉินจื่ออาน เขารู้ตั้งนานแล้ว เฉินจื่ออานเติบโตมาพร้อมกับเขาตั้งแต่เด็ก มีความสามารถอะไรบ้าง ทำไมเขาจะไม่รู้
เพียงแต่ ก็เป็นเรื่องระหว่างพวกเขาสองสามีภรรยา คนอื่นที่เป็นคนนอกต่างก็ไร้ทางแทรกแซงได้
พี่สามนี่ก็ดีจริง คนอื่นยังไม่เปิดโปงเขา เขาก็พูดออกมาเองซะแล้ว
ในขณะที่ทุกคนคิดว่าอ๋องหนิงกำลังจะโมโหแล้ว ทันใดนั้นอ๋องหนิงก็ยิ้มออกมา“บรรยากาศคึกคักแค่ชั่วครู่ก็พอแล้ว ครั้งนี้เฉินซือหนงได้สร้างผลงานครั้งใหญ่ ย่อมต้องได้รับรางวัลใหญ่แน่นอน”
เฉินจื่ออานยังอยากจะพูดต่อ แต่ลู่ม่านได้คุกเข่ากล่าวขอบคุณแล้ว
หลังจากทั้งหมดสิ้นสุดลง ประชาชนทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปหมดแล้ว อ๋องหนิงจึงถามขึ้นว่า “เฉินซือหนง น้ำปูนใสของเจ้าผสมอย่างไร แล้วใช้อย่างไร ไหนเล่าให้ข้าฟังสักหน่อยได้หรือไม่”
เฉินจื่ออานไม่พูดจา หันไปดึงมือของลู่ม่านคุกเข่าลงกับพื้นทันที
“อ๋องหนิง ก่อนจะพูดถึงเรื่องเหล่านี้ ได้โปรดทรงฟังกระหม่อมพูดก่อน”
“จื่ออาน ”ลู่ม่านคิดไม่ตกจริงๆ เฉินจื่ออานครั้งนี้เป็นอะไรไป
อ๋องหนิงก็ถูกความรั้นของเขาทำให้รู้สึกโมโหขึ้นมา กัดฟันพูดว่า “ในเมื่อเจ้าจะพูด เช่นนั้นก็อธิบายมาให้ชัดเจนในครั้งเดียว”
เฉินจื่ออานจึงโน้มตัวลงโขกศีรษะกับพื้นหลายครั้งก่อนจะพูดเรื่องที่ลู่ม่านเป็นคนคิดค้นเครื่องนวดข้าว และน้ำปูนใสออกมา เล่าทั้งหมดอย่างละเอียด
จากนั้นก็พูดว่า “กระหม่อมรู้ดีว่า กระหม่อมหลอกลวงท่านอ๋องกับฮ่องเต้ ขอให้ท่านอ๋องกับฮ่องเต้ริบตำแหน่งขุนนางของกระหม่อมคืนไปด้วย ประทานรางวัลที่เหมาะสมให้กับภรรยากระหม่อมแทน”
ถึงตอนนี้แล้ว ในที่สุดลู่ม่านก็เข้าใจความหมายในการกระทำของเฉินจื่ออาน
ที่แท้เขาก็อยากจะให้นางได้รับการแต่งตั้ง “จื่ออาน ทำไมจึงทำเช่นนี้ ”ลู่ม่านคิดไม่ออก
เฉินจื่ออานยิ้มขมและพูดว่า “ข้าเป็นถึงสามีเจ้า ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถปกป้องเจ้าได้ ยังเอาตำแหน่งของเจ้าไปด้วย ถ้าหากเจ้าสร้างความดีความชอบด้วยตนเอง ก็จะไม่ต้องถูกคนอื่นรักแกได้ตามใจอีก”
ลู่ม่านรู้สึกสะท้านในใจ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง
วันนั้น ได้ยินบทสนทนาของซวนเหวินลี่กับเฉินจื่ออานในคุก หลังจากนั้นหัวใจนางก็เหมือนมีหนามทิ่มแทบอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่รู้ว่าเฉินจื่ออานจะเผชิญกับเรื่องนี้อย่างไร
โดยเฉพาะ หลังจากที่เขาออกมาจากคุก ก็ไม่สามารถเผชิญหน้ากับตอบปัญหานี้ซึ่งๆหน้าเลย
แต่ว่าตอนนี้ ลู่ม่านได้มองเห็นการตัดสินใจของเฉินจื่ออานแล้ว ไม่มีการตำหนิ ไม่มีความขุ่นเคือง จะมีก็แต่ ความสงสารเห็นใจ
นี่ซิถึงจะเป็นเฉินจื่ออานในดวงใจของนาง ลู่ม่านพอใจแล้ว
“คนโง่”ลู่ม่านอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาเบาๆ
ซวนเหวินลี่ไล่ตามมาจากทางด้านหลัง เห็นฉากนี้เข้าใบหน้าก็มีแววเยาะเย้ยผุดขึ้นมา “ช่างเป็นคนโง่จริงๆ”
อ๋องหนิงมองหน้าทั้งสองคนนิ่งๆ “ช่างบังอาจยิ่งนัก พวกเจ้ารู้หรือไม่ พวกเจ้าได้ทำผิดฐานหลอกลวงเบื้องสูง”
“ใต้เท้า โทษที่หลอกลวงเบื้องสูงกระหม่อมทำผิดแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวกับภรรยาข้า”เฉินจื่ออานพูด
“ไม่ เป็นความผิดหม่อมฉันเพคะ”ลู่ม่านพูด
ทันใดนั้นอ๋องหนิงที่เห็นทั้งสองคนแย่งกันยอมรับผิดก็หัวเราะออกมา “เอาล่ะเอาล่ะ นี่พวกเจ้าต้องการให้ข้ารู้สึกว่าถูกหลอกลวงจริงๆอย่างนั้นหรือ”
ทั้งสองคนนิ่งอึ้ง ต่างก็ไม่รู้ว่าอ๋องหนิงหมายความว่าอย่างไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...
บทที่241-311 หายค่ะ...
วันนี้ลงตอนที่ขาดหาย ไปถึงบทที่ 209. แล้วนะคะ แต่พอกลับมาอ่านอีกทีเหมือนโดนลบทิ้งไปเหลืออยู่แค่บทที่205...