ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 329

สรุปบท บทที่ 329 ความเห็นแก่ตัวของเฉินจื่อฟู่: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

สรุปเนื้อหา บทที่ 329 ความเห็นแก่ตัวของเฉินจื่อฟู่ – ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง

บท บทที่ 329 ความเห็นแก่ตัวของเฉินจื่อฟู่ ของ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน ในหมวดนิยายประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ฝูเชิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ฮูหยินกั๋วกงมองไม่เห็น เป็นแม่นมที่อยู่ข้างๆคอยเตือนนางจึงได้รู้ว่าพวกลู่ม่านคุกเข่าลงแล้ว จึงพูดขึ้นว่า “นี่มันอะไรกัน”

“ฮูหยิน ท่านอย่าขยับ ให้ลู่ม่านได้ขอบคุณพวกท่านดีๆสักครั้ง”

ฮูหยินกั๋วกงจึงนั่งลง ให้พวกเขาได้คำนับแล้วจึงเรียกให้แม่นมที่อยู่ทางด้านหลัง “รีบไปประคองให้ลุกขึ้นเร็วเข้า”

หลังจากนั้น ลู่ม่านจึงพูดว่า “ไม่ทราบว่าท่านทั้งสองจะไปท่องเที่ยวที่ใด”

ใต้เท้ากั๋วกงพูดยิ้มๆว่า “ฮูหยินสายตาไม่ดี เกรงว่าจะเดินลำบาก เดิมที่พวกเราก็คิดว่าจะตามขบวนไปยังทางใต้เพื่อผ่อนคลายเท่านั้น แต่พอมาถึงหมู่บ้านไป่ฮัวแล้ว ข้ารู้สึกว่าที่นี่อากาศและสภาพแวดล้อมดีมาก จึงคิดอยากจะพักที่นี่สักระยะหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะดีหรือไม่”

“จะไม่ดีได้อย่างไรเจ้าคะ”ลู่ม่านพูดด้วยรอยยิ้ม “มาถึงที่นี่ ก็พักที่บ้านนี้เถอะเจ้าค่ะ พักผ่อนกับฮูหยินให้เต็มที่ค่อยกลับนะเจ้าคะ”

“เช่นนั้นก็ดีมากเลย” ฮูหยินกั๋วกงพูดพร้อมรอยยิ้ม

ครอบครัวเกษตรกรต่างก็ชอบความคึกคักมาแต่ไหนแต่ไร ในเมื่อใต้เท้ากั๋วกงกับฮูหยินก็ไม่ใช่คนนอก ลู่ม่านจึงจัดงานเลี้ยงขึ้นในเย็นวันนั้นเอง

คนงานในโรงงานต่างก็มาช่วยกัน จัดอาหารและเหล้าอย่างดีไว้เต็มโต๊ะ และทำการเลี้ยงต้อนรับเหล่าคนที่ติดตามมาเพื่อประกาศราชโองการด้วย

เฉินจื่อฟู่กับหยวนซื่อได้ยินข่าว รั้งอย่างไรก็ไม่อยู่ ในที่สุดก็มาจนได้

ทำหน้าด้านหน้าทนเบียดตัวเข้าไปนั่งโต๊ะเดียวกับพวกลู่ม่าน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมลุกไปไหน สุดท้ายใต้เท้ากั๋วกงได้แต่เอ่ยขึ้นอย่างจริงจังว่า “โต๊ะนี้มีแต่ผู้อาวุโสและเหล่าขุนนาง สองคนนี้เป็นใคร”

เฉินจื่อฟู่อ้าปากจะพูด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

พวกคนไม่เอาไหนในหมู่บ้านเห็นดังนั้น ก็รู้สึกทนดูไม่ได้จึงพูดว่า “คนหนึ่งก็กะล่อนไร้ความสามารถ ส่วนอีกคนก็มาจากหอนางโลม……”

กั๋วกงได้ยิน สีหน้าก็เคร่งขรึมลง ตาแก่เฉินแทบจะเอาหน้ามุดลงไปในดินแล้ว

เขารู้ดี การที่แต่งเอาสะใภ้คนนี้เข้าบ้าน เกียรติของตระกูลเฉินคงต้องป่นปี้หมด

เฉินจื่อฟู่ถลึงตาให้คนพูดแวบหนึ่ง หยวนซื่อเริ่มร้องห่มร้องไห้ขึ้นมาอีกแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะไม่ได้รับความสนใจจากใครเลย กลับทำให้พวกที่มีความคิดไม่ปกติเหล่านั้น ต่างก็เกิดความคิดเหลวไหลขึ้นมา

การพูดจา จึงยิ่งไม่น่าฟังเข้าไปใหญ่

สุดท้าย ผู้ใหญ่บ้านหลี่ก็ออกมายุติการกระทำเหล่านี้ ไล่พวกนักเลงเหล่านั้นออกไป

แต่ว่าเรื่องที่พวกหยวนซื่ออยากจะนั่งที่โต๊ะเจ้าภาพ คงเป็นไปไม่ได้แล้ว ในที่สุดก็มองหาโต๊ะข้างๆ นั่งลง

ตลอดมื้ออาหาร หยวนซื่อกินอย่างไร้รสชาติ จิตใจของเฉินจื่อฟู่ก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มองไปยังกลุ่มคน เห็นหลิวซื่อที่นั่งอยู่กับพวกผู้หญิงที่ทำงานในโรงงานเหล่านั้น สิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉินจื่อฟู่คือความเสียดาย

หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว กับข้าวที่เหลือ และยังดีอยู่ลู่ม่านก็ให้เหล่าผู้หญิงที่ทำงานในโรงงานเอากลับไป เหยาซื่อก็ลุกขึ้นมาช่วยเก็บกวาดสถานที่ พร้อมกับเรียกเฉินเหมยเซียง พาทุกคนกลับไปทำงานต่อ

หลิวซื่อยืนส่งเหอฮัวที่จากไปพร้อมกับพวกเขา และกลับมาพูดกับลู่ม่านว่า “ข้าขอตัวกลับก่อน ถ้าหากช่วงค่ำต้องการให้ข้าช่วยก็ไปเรียกข้าได้”

“ได้”ลู่ม่านพูดยิ้มๆ แล้วเอากับข้าวที่ยังไม่เคยมีใครแตะต้องให้กับหลิวซื่อ

หลิวซื่อก็ไม่เกรงใจ รับมาและเดินจากไป

เหอเยว่ออกมาจากทางด้านหลัง เห็นลู่ม่านก็พูดยิ้มๆว่า “พี่จื่ออานให้ข้ามาถามว่า เหล้าเมื่อตอนกลางวันคือเหล้าอะไร บอกว่าพวกใต้เท้ากั๋วกงต่างก็ชื่นชอบมาก บอกให้ไปซื้อมาเพิ่มอีก”

“น้องสะใภ้สาม”เฉินจื่อฟู่กัดฟันอดทนต่อความเจ็บและพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีอะไร ก็แค่มีเรื่องอยากจะมาถามเท่านั้นเอง”

“แล้วตอนนี้ถามเสร็จหรือยัง”ลู่ม่านพูดเสียงเย็น “ไม่สู้ ข้าไปเรียกผู้ใหญ่บ้านมาดูเสียหน่อยจะดีกว่า”

“ไม่ ไม่ ไม่ต้องแล้ว ”เฉินจื่อฟู่รีบโบกมือ “ข้ายังมีธุระ ข้าขอตัวก่อน”

ว่าแล้ว เขาก็วิ่งหางจุกตูดจากไปทันที ลู่ม่านกลอกตาให้เขา แล้วจึงเดินไปที่หน้าประตู

หลิวซื่อได้ยินเสียงของลู่ม่าน ก็เปิดประตูให้ “โชคดีที่เจ้ามา”

“ไม่เป็นไร ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่ โชคดีนะตอนที่สร้างบ้าน ได้เผื่อประตูใหญ่เอาไว้ คนไร้ความสามารถอย่างเขาไหนเลยจะเข้ามาได้”

“ไม่ได้ ทางที่ดี บ้านนี้ต้องหาคนเฝ้าประตู……”ลู่ม่านพูด

“หาคนเฝ้าประตูอะไรกัน ข้าอยู่กันแค่สองแม่ลูก แม้แต่ที่อยู่ยังไม่พอเลย”หลิวซื่อยิ้ม “แต่ถ้าซื้อลูกหมาสักตัว ก็เป็นความคิดที่ไม่เลว”

“ก็จริง ซื้อหมามาสักตัว”ลู่ม่านพูด “ข้าจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่ไปในอำเภอมีร้านขายหมาด้วย ถ้าวันหน้าข้าได้ไปอีก ข้าจะซื้อสุนัขหมาป่ากลับมาให้ ครั้งหน้าถ้าใครยังกล้ามาพูดจาเหลวไหลหน้าบ้าน ก็กัดมันให้ตาย”

หลิวซื่อถูกลู่ม่านล้อจนขำออกมา “ดี ความคิดนี้ดีมาก”

ลู่ม่านก็ยิ้มให้นาง ลู่ม่านจึงถามหลิวซื่ออย่างอยากรู้ว่า “ที่จริงข้าก็ยังประหลาดใจอยู่นิดหน่อย ตอนนี้พอเจ้าเห็นเฉินจื่อฟู่ เจ้ามีอารมณ์อย่างไรกันแน่ ยังคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาอยู่หรือไม่”

หลิวซื่อส่ายหน้า “ยังจะมีความคิดอะไรอีก หัวใจข้าตายด้านไปนานแล้ว ตอนนี้ข้าเห็นเขา ก็นึกได้แค่ว่าเมื่อก่อนตนเองนั้นโง่ขนาดไหนเท่านั้น”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน