ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 353

สรุปบท บทที่ 353 จวิ้นจู่ตัวจริงเสด็จมาถึง: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

อ่านสรุป บทที่ 353 จวิ้นจู่ตัวจริงเสด็จมาถึง จาก ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง

บทที่ บทที่ 353 จวิ้นจู่ตัวจริงเสด็จมาถึง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายประวัติศาสตร์ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ฝูเชิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ยายชุยกับพวกลู่ม่านที่อยู่ข้างหลังรีบกรูกันเข้ามาล้อมรอบตัวนาง ลู่ม่านรีบร้องสั่งเหอเย่วว่า “เร็วเข้า รีบไปเชิญท่านหมอมาที่นี่เดี๋ยวนี้!”

“คุณหนู ข้าจะพยุงท่านลุกขึ้นนะเจ้าคะ!” ยายชุยพูดอย่างร้อนรน

แต่คุณหนูชุยกลับส่ายหน้า จับมือยายชุยเอาไว้แน่น “ท่านพ่อของข้าล่ะ?”

ริมฝีปากของยายชุยสั่นระริก อ้าปากคล้ายอยากจะพูด แต่กลับพูดอะไรไม่ออก จู่ ๆ คุณหนูชุยก็หัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน พยายามดิ้นรนจะลุกขึ้นยืนให้ได้

“ท่านพ่อคงต้องกำลังรอข้าอยู่ที่บ้านแน่ ๆ ข้าต้องรีบกลับไปให้เร็วหน่อยแล้ว ถ้าไปช้าล่ะก็ เขาจะต้องไปที่ร้านก่อนแน่เลย!”

“คุณหนู...” ยายชุยกุมมือคุณหนูชุย “นายท่านจากไปแล้วเจ้าค่ะ!”

คุณหนูชุยตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะผลักยายชุยออกไป “เจ้าพูดจาเหลวไหล ท่านพ่อของข้าสบายดี!”

“จริง ๆ เจ้าค่ะคุณหนู ตอนนี้ก็เกือบจะครบปีแล้ว!” ยายชุยกล่าว “จู่ ๆ อาการของนายท่านก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน บ้านก็ถูกพวกคนทวงหนี้มายึดไปแล้ว คุณหนูกับข้าตอนนี้เป็นเพียงคนเร่ร่อนที่ไม่มีบ้านให้กลับไปอีกแล้ว!”

คุณหนูชุยอยากจะหัวเราะ แต่กลับร้องไห้ขึ้นมาอีก “ข้าจำได้แล้ว อาเหิงบอกเองว่าเขาจะช่วยข้า จะช่วยพาท่านพ่อกลับมาไม่ใช่รึ? อาเหิง ท่านพ่อของข้าล่ะ?”

คุณหนูชุยมองไปที่ฉินเหิงอีกครั้ง แต่ฉินเหิงกลับไม่สนใจนางเลย

คุณหนูชุยพยายามลุกขึ้นยืน ตั้งท่าจะเดินเข้าไป กระโปรงด้านหลังของนางพลันถูกเลือดสีแดงฉานอาบย้อมจนเปื้อนไปหมด หยวนซื่อกรีดร้องเสียงแหลมก่อนจะยกมือขึ้นกุมท้องตัวเอง

ยายชุยตกใจจนหน้าเขียวคล้ำไปทั้งหน้า จับมือคุณหนูชุยแล้วพูดว่า “คุณหนู อย่าโง่อีกเลย เขาหลอกลวงท่านทั้งหมด เขาไม่ได้ไปช่วยอะไรนายท่านเลย ร่างกายของท่านตอนนี้สำคัญที่สุด อย่าเอะอะโวยวายอีกเลยนะเจ้าคะ”

“เจ้าปล่อยข้านะ!” คุณหนูชุยพูดพลางกัดฟันกรอด

ระหว่างที่กำลังวุ่นวายโกลาหลกันอยู่ เหอเย่วก็พาท่านหมอเข้ามา แต่ทำอย่างไรคุณหนูชุยผู้นั้นก็ไม่ยอมให้หมอดูอาการนาง ยังคงจ้องมองเขม็งไปที่ฉินเหิงอย่างดื้อรั้น รอคอยท่าทีตอบรับของฉินเหิง

ฮูหยินฉินทนดูไม่ไหวอีกต่อไป เด็กในท้องนั้นคือหลานชายของนางเชียวนะ

นางอ้าปากร้องถามออกไปว่า “อาเหิง เด็กคนนั้น….”

ฉินเหิงกลับจ้องไปที่นางอย่างดุดัน "เด็กคนนั้นเกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วย? อย่าห่วงอะไรกับเรื่องเล็ก ๆ จนต้องเสียการณ์ใหญ่ได้หรือไม่!"

ฉินเหิงนับว่าใจคอโหดร้ายอำมหิตจริง ๆ เพื่อจะไขว่คว้าไปให้ถึงจวิ้นจู่หว่านถิงให้ได้ กระทั่งลูกที่เดิมทีควรจะเกิดมาเป็นลางดีของตระกูล เขาก็ไม่ต้องการแล้ว

ในที่สุดฮูหยินฉินก็อดกลั้นเอาไว้ได้ และในที่สุดคุณหนูชุยก็สิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง

ยายชุยกัดฟันกรอด ถ่มน้ำลายบริภาษดังลั่น “พวกเจ้ามันชั่วช้าอำมหิตยิ่งกว่าเดียรัจฉาน พวกเจ้าคิดว่าพอไม่มีลูกของคุณหนูแล้ว พวกเจ้าจะมีจุดจบที่ดีได้อย่างนั้นรึ?” หลังด่าจบ นางก็หันกลับมาเกลี้ยกล่อมคุณหนูชุยอีกครั้ง “คุณหนู ร่างกายของท่านสำคัญที่สุดนะ!”

คุณหนูชุยแค่นยิ้มเย้ยหยัน ทันใดนั้นก็เริ่มออกแรงทุบตีท้องตัวเองอย่างรุนแรง

“ข้าบ้านแตกสาแหรกขาดไปหมดแล้ว ร่างกายนี้จะเป็นอย่างไร มันยังจะมีประโยชน์อะไรอีก? ไอ้มารหัวขนนี่ ข้าจะฆ่ามันให้ตายเดี๋ยวนี้แหล่ะ!”

ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างถูกทำให้ตกใจแทบตายแล้ว กระทั่งเฉินหลี่ซื่อก็ยังตกใจจนอึ้งค้างไปด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหยวนซื่อที่กำลังตั้งท้องอยู่ ถึงกับถูกทำให้ตกใจจนหมดสติไปทั้งอย่างนั้น

บ้านทั้งหลังเละเทะ จนแทบจะกลายสภาพเป็นโจ๊กหม้อหนึ่งไปแล้ว

ลู่ม่านรีบสั่งให้พวกเหอเย่วแบกหยวนซื่อเข้าไปข้างใน ฝ่ายคุณหนูชุยเป็นเพราะเสียเลือดมากเกินไปจึงหมดสติไปเช่นกัน

ท่านหมอรีบวิ่งเข้าไปตรวจชีพจรให้คุณหนูชุย จากนั้นก็ส่ายหน้า แล้วพูดว่า "เด็กไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้แล้ว!"

ลู่ม่านเห็นเองกับตาชัด ๆ เลยว่า ทันทีที่ท่านหมอบอกว่าเด็กไม่สามารถช่วยไว้ได้แล้ว เจ้าฉินเหิงนั่นไม่มีอาการเศร้าหรือเสียใจเลยซักนิด แต่กลับถอนหายใจด้วยความโล่งอกแทน

ช่างใจดำอำมหิตจริง ๆ!

หลังจากที่ไม่มีลูกแล้ว นางกลัวว่าพวกนั้นคงจะยิ่งไม่ต้องการคุณหนูชุยกว่าเดิมแล้วน่ะสิ?

ในเวลานี้ยายชุยไม่มีเวลาไปสนใจแล้วว่าพวกตระกูลฉินนั่นจะคิดอะไร นางรีบร้อนพาคุณหนูเข้าไปข้างในพร้อมกับเดินตามท่านหมอไปติด ๆ เมื่อฮูหยินฉินเห็นดังนั้น ก็เดินเข้าไปหยุดอยู่ข้างตาแก่เฉินอีกครั้ง

“เรื่องมาจนถึงขนาดนี้แล้ว เราสองตระกูลยังจะดองญาติกันอีก มันจะไปมีความหมายอะไรล่ะ?”

หลังจากเข้ามาแล้ว หลี่หว่านถิงก็เดินตรงเข้าไปหาลู่ม่านกับเฉินจื่ออาน หลังจากที่ทุกคนตรงนั้นทำความเคารพหลี่หว่านถิงแล้ว หลี่หว่านถิงก็กระพริบตาวิบวับเป็นสัญญาณส่งให้ลู่ม่าน ก่อนจะก้าวขึ้นไปข้างหน้าเพื่อช่วยพยุงลู่ม่านให้ลุกขึ้นยืน

" ลู่อันเหริน ไม่ต้องมากพิธี"

ลู่ม่านใช้โอกาสนี้ลอบถามเสียงเบา ๆ ว่า “เจ้ามาทำไมรึ?”

หลี่หว่านถิงเม้มปากน้อย ๆ ก่อนจะพูดว่า “มาช่วยเจ้ากำจัดผู้ชายเศษสวะน่ะสิ!”

ลู่ม่านแอบยกมือกดไลค์ไปทางหลี่หว่านถิง ก่อนจะขยิบตาเป็นสัญญาณบุ้ยใบ้ไปทางฉินเหิง หลี่หว่านถิงสีหน้าสดชื่นยิ้มแย้มยินดี ราวกับว่าได้พบเห็นเรื่องอะไรบางอย่างที่ดูแล้วน่าสนุกมาก ๆ

ลู่ม่านพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ยังไงก็เป็นอารมณ์นึกสนุกแบบเด็ก ๆ ล่ะนะ แต่เรื่องที่มีความคิดอยากช่วยขจัดคนพาลอภิบาลคนดีแบบนี้ ก็ถือว่าดีมาก ๆ แล้วล่ะ

หลี่หว่านถิงทำสีหน้าจริงจัง แล้วเอ่ยถามว่า

“ทำไมที่นี่ถึงได้วุ่นวายเละเทะขนาดนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เฉินหลี่ซื่อพลันนึกถึงความอัปยศอดสูที่ลูกสาวของนางต้องได้รับ ก็ร้องไห้ฟูมฟายขึ้นมาทันที จากนั้นจึงบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ รวมถึงเรื่องของคุณหนูชุยให้หลี่หว่านถิงฟังทั้งหมด

เดิมทีหลี่หว่านถิงได้รับรู้จากในจดหมายที่ลู่ม่านส่งมาให้ ก็รู้สึกโกรธมากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้นางมาได้ยินเรื่องที่เลยเถิดหนักหนายิ่งกว่าเดิม จึงโกรธมากขึ้นเป็นเท่าทวี

"ฉินเหิง เจ้าคนโอหังชั่วช้า!"

เมื่อฉินเหิงเห็นดังนั้น ก็รีบร้อนก้าวขึ้นไปข้างหน้าเพื่อแก้ตัวเป็นพัลวัน "จวิ้นจู่ อย่าไปฟังพวกเขาพูดจาเหลวไหลแบบนั้นสิ! นั่นเป็นเพียงการเล่าความข้างเดียวของฝ่ายพวกเขา หรือจวิ้นจู่ไม่เชื่อใจข้าอย่างนั้นรึ?"

ฉินเหิงมั่นใจในเสน่ห์ของตัวเองแบบเต็มเปี่ยม ดังนั้นจึงคิดไปเองว่าครั้งก่อนที่จวิ้นจู่เกิดมีความรู้สึกอันลึกซึ้งกับเขา ย่อมจะต้องเชื่อใจเขาอย่างแน่นอน

แต่คิดไม่ถึงว่า หลี่หว่านถิงกลับแค่นเสียงเย็นชาขึ้นมาเสียงหนึ่ง “นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร? จวิ้นจู่เช่นข้ามีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าล่ะ? ทำไมข้าต้องเชื่อเจ้าด้วย?”

“จวิ้นจู่ วันนั้นที่ลำธารบนภูเขา พวกเรา….” ฉินเหิงรีบพูดด้วยท่าทีลนลาน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน