ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 355

สรุปบท บทที่ 355 หยวนซื่อถูกขับไล่: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

สรุปตอน บทที่ 355 หยวนซื่อถูกขับไล่ – จากเรื่อง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง

ตอน บทที่ 355 หยวนซื่อถูกขับไล่ ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดยนักเขียน ฝูเชิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

หลังจากส่งคุณหนูชุยออกไปแล้ว ลู่ม่านก็ไปโถงด้านหน้าด้วยอาการเกียจคร้าน

พอดีว่าเฉินจื่ออานก็กำลังอ่านหนังสืออยู่ที่นั่น นางจึงไปหาหนังสือภาพมาเล่มหนึ่งแล้วเบียดตัวเข้าไปแนบชิดอยู่ข้างกายเขา

ตอนนี้อากาศเริ่มเย็นแล้ว การเปิดหน้าต่างรับลมนับว่าเป็นสิ่งที่สวยงามในชีวิตอย่างหนึ่งจริง ๆ

เดิมทีลู่ม่านคิดว่า มาถึงหมู่บ้านชนบทในยุคโบราณ นางจะสามารถใช้ชีวิตแบบนี้ได้ทุก ๆ วัน แต่ผลคือเพราะต้องหาเงินสร้างตัว จึงต้องวิ่งวุ่นไปมาขึ้นเหนือล่องใต้ไม่มีหยุดพัก ไม่ได้มีโอกาสเพลิดเพลินกับชีวิตแบบนั้นเลย

เฉินจื่ออานมีความสุขกับการอ่านมาก ดังนั้นเขาจึงอ่านออกมาดัง ๆ เพื่อแบ่งปันกับลู่ม่าน

พอดีว่าตอนที่ลู่ม่านยังอยู่ในยุคปัจจุบัน ก็เป็นนักเรียนดีเด่นด้วย พูดตรง ๆ คือนางยังสามารถเล่นรับบทกลอนในตำราได้ในระดับหนึ่ง

ระหว่างที่กำลังพูดกัน ที่นอกประตูมีเสียงของเหยาซื่อดังแว่วมา “เสี่ยวม่านล่ะ?”

ตามด้วยเสียงฝีเท้าของเหอเย่วที่นำทางให้นางเดินตรงมาทางนี้ ลู่ม่านรีบลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู “พี่เหยา ท่านมาแล้วรึ?”

เหยาซื่อยื่นหน้ามองดู เห็นการใช้ชีวิตที่แสนราบรื่นสบายใจของสองคนสามีภรรยา ก็อดทอดถอนใจไม่ได้ “เวลาแบบนี้ คงจะมีแค่เจ้านี่แหล่ะที่ยังอยู่ว่าง ๆ อ่านหนังสือได้ไม่ทุกข์ร้อนน่ะ ที่บ้านใหญ่ของเจ้าวุ่นวายโกลาหลจนแทบจะพลิกฟ้าพลิกตะวันได้อยู่แล้ว!”

ลู่ม่านตกตะลึง “เป็นเฉินหลิ่วเอ๋อ?”

เฉินจื่ออานได้ยินแบบนั้น ก็วางหนังสือลง หันไปมองเหยาซื่อ

“ไม่ใช่!” เหยาซื่อพูดเสียงเบา “เป็นหยวนซื่อนั่นต่างหาก ถูกพี่รองของเจ้าส่งกลับมาแล้ว!”

“ทำไมล่ะ?” ลู่ม่านถาม

“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรล่ะ? ตอนที่ข้าเพิ่งเลิกงานมาเมื่อครู่นี้ เดินผ่านทางนั้นก็ได้ยินเสียงดังโวยวายเอะอะมาจากที่นั่น ดังนั้นเลยรีบมาบอกพวกเจ้าไว้ก่อน!”

เฉินจื่ออานขมวดคิ้วมุ่น วางหนังสือในมือลง "ข้าจะไปดูสักหน่อย"

“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปดูด้วยแล้วกัน” ลู่ม่านพูด

หาได้ยากมากที่สองคนสามีภรรยาจะมีช่วงเวลาแห่งความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ ก็มีอันต้องมาพังทลายลงในบัดดล บ้านเก่าหลังนี้ไม่มีเรื่องสักวัน มันจะว่างจัดจนไม่อยู่เป็นสุขสินะ?

เพิ่งจะไปถึงที่นั่น ก็เห็นเฉินหลี่ซื่อแผดเสียงตะโกนดังลั่นเพื่อขับไล่ไทมุงออกไปพอดี

ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานรีบเดินเข้าไป ก็เห็นว่าในลานบ้านเหลือแค่ตาแก่เฉินกับเฉินหลี่ซื่อสองคน แต่ก็ไม่เห็นเฉินจื่อฟู่เลย

เมื่อเห็นเฉินจื่ออานเข้ามา ตาแก่เฉินก็รีบตะโกนสั่งว่า “เร็วเข้า ไปลากตัวพี่รองที่ชั่วช้าสารเลวของเจ้ากลับมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

“เป็นอะไรไปรึพ่อ!” เฉินจื่ออานเห็นตาแก่เฉินโกรธจัดจนหน้าซีดไปหมด ก็รีบก้าวขึ้นไปช่วยพยุงเขา “พี่รองอยู่ที่อำเภอหนีไปไหนไม่ได้หรอก พ่อไม่ต้องร้อนใจไป มีเรื่องอะไรค่อย ๆ พูดออกมาให้มันชัดเจนก่อนดีกว่านะ”

ตอนนี้เองที่ตาแก่เฉินค่อยมองไปทางเรือนฝั่งตะวันตกที่พวกเจ้ารองเคยอาศัยอยู่ ก่อนหน้านี้ไม่มีใครอยู่ ประตูจึงลงดาลแน่นหนามาโดยตลอด

แต่ตอนนี้ประตูถูกเปิดออกแล้ว มีเสียงร้องไห้คร่ำครวญของผู้หญิงดังเล็ดลอดมาจากด้านใน

นั่นคือหยวนซื่อ? เฉินจื่อฟู่ไม่ได้มองนางเป็นดั่งหัวใจดั่งเลือดเนื้อมาตลอดหรอกหรือ? ทำไมจู่ ๆถึงถูกส่งกลับมาแบบนี้ได้ล่ะ?

ขณะที่กำลังคิดเรื่องนี้ เฉินหลี่ซื่อก็อ้าปากด่าสาดเสียเทเสีย ซึ่งก็นับว่าเป็นการตอบข้อสงสัยของลู่ม่านได้พอดี

“เวรกรรมแท้ ๆ! เพิ่งจะสี่เดือนก็แล่นตามชาวบ้านไปไหนมาไหนจนทั่ว คนอื่นคลอดลูก กลับทำให้นางตกใจแทบตายไปครึ่งตัว หนีอีกสิ! เจ้าหนีไปไม่ต้องหยุดนะ ไม่อยากจะได้แม่มันไว้หรอก! สงสารก็แต่หลานแฝดตัวน้อย ๆ ของข้าเท่านั้นแล้ว! "

ปรากฏว่าที่แท้วันนั้น หลังจากที่หยวนซื่อเห็นคุณหนูชุยแท้งลูกที่นี่ เดิมทีก็ถูกทำให้ตกใจกลัวมากแล้ว จากนั้นนางก็รีบหนีกลับไปอีก ด้วยความที่รถวิ่งเร็วเกินไป ระหว่างทางรถโคลงเคลงกระเทือนมาก พอกลับไปถึงก็เห็นว่าตัวเองตกเลือดไปด้วย

ตามคำแนะนำของท่านหมอ คือต้องดูแลครรภ์ให้ดีเป็นเวลาสองวัน แต่ก็ยังดูแลได้ไม่ดี เมื่อคืนจึงแท้งจนได้ ที่ออกมาเป็นตัวอ่อนของสองฝาแฝดที่เพิ่งมีแขนขางอกออกมาน้อย ๆ

ในสมัยโบราณเช่นนี้ เดิมทีเรื่องอย่างการคลอดลูกก็เป็นอะไรที่อันตรายมากอยู่แล้ว เมื่อก่อนหยวนซื่อเคยเป็นนางโลมมาก่อน เดิมทีการตั้งครรภ์ครั้งนี้ก็เป็นเรื่องของโชคชะตาอยู่แล้ว

จู่ ๆ ลู่ม่านก็หวนนึกถึงเหอฮัวเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็กสาวหน้าตาเหลืองซีด รูปร่างผอมบางที่ได้เจอกันครั้งแรกเมื่อปีที่แล้วคนนั้นขึ้นมา ซึ่งเมื่อเทียบกับตอนนี้แล้วไม่เหมือนเดิมอย่างสิ้นเชิง จึงอดทอดถอนใจด้วยความปลงตกไม่ได้

ระหว่างที่กำลังคิดอยู่ เหอฮัวก็เดินเข้ามาแล้ว ก่อนจะกล่าวคำทักทายทั้งสองคนอย่างใจกว้าง

“อาสาม น้าสาม พวกท่านมาเดินเล่นกันหรือเจ้าคะ?”

“อื้ม!” ลู่ม่านตอบรับไปเสียงหนึ่ง "เลิกงานแล้วรึ!"

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ น้าสาม พอดีเสียจริง เดิมทีข้าคิดว่าจะไปเรียกพวกท่านอยู่เชียว ตอนนี้มาเจอพวกท่านพอดี เลยไม่ต้องไปเรียกแล้ว วันนี้แม่ของข้าจะทำอาหารกินที่บ้าน บอกว่าให้ไปชวนพวกปู่มากินด้วยกัน พวกท่านก็มาด้วยเถอะนะ!”

ลู่ม่านตกตะลึง เฉินจื่ออานที่อยู่ข้าง ๆ ตอบรับขึ้นมาประโยคหนึ่ง “ได้ อีกเดี๋ยวพวกเราจะไปนะ”

เหอฮัวยกยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินตรงกลับไปทางบ้านหลังเก่า

รอจนนางไปแล้ว ลู่ม่านค่อยถามขึ้นว่า “ทำไมถึงชวนไปกินข้าวล่ะนี่?”

เฉินจื่ออานบีบจมูกของลู่ม่านอย่างนึกเอ็นดู เวลาปกตินางมักจะฉลาดทันคนอยู่เสมอ ยากมากที่จะแสดงสีหน้าที่ดูสับสนงงงันแบบนี้ ดูไปแล้วช่างน่ารักจริง ๆ

“เจ้าลืมไปแล้วรึ? ตอนแรกที่พวกเขาหย่ากัน ไม่ได้พูดไว้หรอกหรือว่าเหอฮัวเป็นลูกหลานบ้านเฉิน จะออกไปจากหมู่บ้านไม่ได้ นอกจากนี้ ทุก ๆ เดือนพวกเราต้องมาพบหน้ากัน กินข้าวด้วยกันสักมื้อ ช่วงหลายเดือนก่อนหน้านี้พี่สะใภ้รองยังลำบากไม่พร้อม ดังนั้นทางพ่อก็เลยไม่มีข้อเรียกร้องอะไร แค่ให้พี่สะใภ้รองพาลูกกลับไปให้เขาเห็นหน้าบ้างก็พอ แต่ตอนนี้พี่สะใภ้รองอยู่ดีกินดีแล้ว บางทีอาจจะไม่อยากไปบ้านเก่า แล้วต้องระวังสีหน้ากันอีกก็ได้นะ?”

ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง ลู่ม่านลืมไปแล้วจริง ๆ นั่นแหล่ะ

“ถ้าอย่างนั้นก็อยากไปดูให้เห็นจริง ๆ แล้วล่ะ ข้ารอคอยว่าจะได้เห็นพี่สะใภ้รองเวลาอยู่ต่อหน้าคนบ้านเฉิน แล้วมีท่าทีไม่ถึงกับอ่อนน้อมถ่อมตน แต่ก็ไม่ถึงกับเย่อหยิ่งสักครั้งจริง ๆ” เวลาอยู่ในที่ส่วนตัว ทั้งลู่ม่านและเฉินจื่ออานต่างก็ยังเรียกหลิวซื่อว่าพี่สะใภ้รองตลอด

นี่คือการให้เกียรติหลิวซื่ออย่างหนึ่ง เป็นการเรียกด้วยความเคารพที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ติดแค่เวลาอยู่ต่อหน้าธารกำนัล เพื่อป้องกันไม่ให้คนเข้าใจผิดถึงจะเปลี่ยนเป็นพี่หลิว

พูดจบ นางก็นึกขึ้นมาได้ว่าเฉินจื่ออานก็เป็นคนบ้านเฉิน จึงอดแลบลิ้นออกมาไม่ได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน