ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 356

สรุปบท บทที่ 356 หลิวซื่อเลี้ยงข้าว: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

อ่านสรุป บทที่ 356 หลิวซื่อเลี้ยงข้าว จาก ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง

บทที่ บทที่ 356 หลิวซื่อเลี้ยงข้าว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายประวัติศาสตร์ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ฝูเชิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ทั้งสองคนกลับไปคุยกับเหอเย่วครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปยังบ้านของหลิวซื่อ

เมื่อมองจากที่ไกล ๆ ก็เห็นควันสีเขียวลอยโขมงขึ้นมาจากหลังคา พอเปิดประตูเข้าไป ก็เห็นว่าในส่วนลานบ้านเก็บกวาดอย่างสะอาดสะอ้าน มีกลิ่นหอมของเหล้าลอยมาจาง ๆ

บรรดาเหล้าที่ถูกเอาไปยังจวนกั๋วกงก่อนหน้านี้ ในเวลาต่อมาก็ได้รับคำสั่งซื้อจากทางเมืองหลวงไม่น้อยเลยทีเดียว

ชื่อของหลิวซื่อก็ถูกแขวนไว้ว่าเป็นหนึ่งในผู้มีฝีมือของหมู่บ้านไป่ฮัว มีส่วนช่วยทำร่วมกัน

บนโต๊ะที่อยู่ในลานบ้าน มีอาหารหลายจานวางเรียงรายอยู่ ทั้งยังมีการจัดวางจานเปล่าเอาไว้ด้วย ซึ่งดูแล้วให้ความรู้สึกที่พิเศษมาก ๆ

หลิวซื่อได้ยินเสียงคนแว่วมาทักทาย หันไปเห็นลู่ม่านกำลังจ้องมองพวกจานที่จัดวางไว้ด้วยท่าทางเหม่อลอย ก็พูดอย่างเก้อเขินนิด ๆ ว่า “ช่วงนี้ข้ามีเวลาเยอะ เลยคิดว่าอยากจะลองทำอาหารที่มันหลากหลายดูสักหน่อย ในร้านอาหารของคนอื่นเขา ก็ไม่ใช่ว่าทำแบบนี้กันทั้งนั้นหรอกรึ?”

“ดีมากเลยล่ะ!” ลู่ม่านพูดอย่างจริงใจ พอจะมองออกอยู่ว่า ชีวิตในตอนนี้ของหลิวซื่อ ถ้าจะใช้คำพูดแบบยุคปัจจุบันมาอธิบาย นางก็เป็นชนชั้นนายทุนระดับเริ่มต้นแล้ว

พอมาคิดถึงตัวเองบ้าง ยังแบกหนี้ก้อนเบ้อเริ่มอยู่เลยเหอะ!

ลู่ม่านแอบเช็ดน้ำตาอันขมขื่นอย่างเงียบ ๆ แล้วพูดว่า "ข้าช่วยเจ้าดีกว่านะ!"

หลิ่วซื่อเตรียมการขั้นพื้นฐานไว้พอสมควรแล้ว ไหนเลยจะต้องการความช่วยเหลือของลู่ม่านอีก ลู่ม่านจึงแค่ช่วยนางหั่นต้นหอมสองสามต้น อยู่คุยเป็นเพื่อนนางครู่หนึ่ง

เมื่อเห็นหลิวซื่อก้มหน้าก้มตาทำงานไม่หยุด ลู่ม่านก็ถามขึ้นโดยไม่รู้ตัวว่า

“พี่หลิว เมื่อบ่ายพี่ได้ออกบ้านไปบ้างหรือไม่?”

หลิวซื่อชะงักไปครู่หนึ่ง พูดด้วยเสียงแผ่วต่ำว่า “เจ้าจะพูดถึงเรื่องทางบ้านเฉินนั่นสินะ? ข้ารู้แล้วล่ะ! เดิมทีข้าคิดว่าจะไปเรียกทุกคนเอง พอไปถึงหน้าประตูก็เห็นแล้ว เลยไม่ได้เข้าไป!”

ลู่ม่านพยักหน้า พอมองดูรูปลักษณ์ในตอนนี้ของหลิวซื่ออีกครั้ง ก็เห็นว่าสว่างสดใสขึ้นมากจริง ๆ

ก่อนหน้านี้ในบ้านเฉิน งานที่นางทำเป็นงานที่เหนื่อยยากลำบากที่สุด ทุกวันต้องเผชิญทั้งสายลมทั้งแสงแดด แม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้สวมใส่ผ้าไหมผ้าต่วนอะไร แต่ผิวของนางก็ขาวเนียนละเอียดน่าสัมผัส ทำให้ดูแล้วอ่อนกว่าวัยไปหลายปีเลยทีเดียว

ก็ถือว่านางไว้หน้าคนบ้านเฉินพอสมควรแล้วล่ะ ถ้านางเข้าไปจริง ๆ น่ากลัวว่าคงยิ่งทำให้พวกนางอับอายขายหน้าขึ้นกว่าเดิมแน่

ลู่ม่านคิดอย่างนี้ จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก กลับเป็นฝ่ายหลิวซื่อที่พูดขึ้นเองว่า “หยวนซื่อนั่นเป็นอย่างไรบ้างแล้วล่ะ?”

ลู่ม่านถึงกับผงะ กำลังคิดว่าหลิ่วซื่อผู้นี้ช่างมีหัวใจที่โอบอ้อมอารีดั่งแม่พระจริง ๆ แต่หลิวซื่อกลับถอนหายใจออกมาอย่างกะทันหัน

“ในฐานะอดีตลูกสะใภ้ของบ้านเฉิน ข้าไม่สงสารนางหรอก ที่นางมีวันนี้ ก็เป็นเพราะผลกรรมของนางเอง แต่ในฐานะผู้หญิงเหมือนกัน ข้าก็สงสารนางอยู่บ้างนิดหน่อย สถานการณ์ของนางตอนนี้ ไม่เหมือนกับข้าในตอนนั้นหรอกหรือ? ความเจ็บปวดแบบนี้ไม่มีใครเข้าใจได้หรอก จะมีก็แต่คนที่เคยประสบกับมันมาแล้วอย่างพวกเราเท่านั้นแหล่ะ ถึงจะเข้าใจมันได้”

ลู่ม่านรู้ดี ว่านางหวนนึกถึงสถานการณ์อันสิ้นหวังของตัวเองเมื่อตอนแรกขึ้นมาอีกแล้ว จึงอดทอดถอนใจอย่างหมองเศร้าไม่ได้ "ตอนนี้เจ้าเดินออกมาแล้ว ไม่ใช่ว่าดีขึ้นแล้วหรอกหรือ?"

“ใช่แล้ว!” หลิวซื่อเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม “ข้าหวังเหลือเกินว่า ผู้หญิงเราทุกคนจะสามารถเดินออกมาจากสถานการณ์อันสิ้นหวัง แล้วเปลี่ยนตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นได้”

ที่ด้านนอกมีเสียงของเหอฮัวดังขึ้น หลิวซื่อรีบเช็ดมือแล้วเดินออกไป “ไปเรียกปู่กับย่าของเจ้ามาแล้วหรือยัง?”

“เรียกแล้วเจ้าค่ะ! อีกเดี๋ยวก็ถึงแล้ว”

“ดี!” หลิวซื่อพูดจบ ก็หันไปสั่งเหอฮัวอีกครั้ง “ไปที่ห้องชั้นในแล้วเอาเหล้าออกมา รอปู่ของเจ้ามาแล้ว ค่อยเอาให้ปู่เจ้าดื่ม”

สำหรับตาแก่เฉิน พวกรุ่นเยาว์ก็ยังเคารพเขาอยู่ไม่น้อย

เหอฮัวหมุนตัวเดินเข้าไปทันที

เพียงไม่นาน อาหารทุกอย่างก็พร้อม นอกจากไก่ ปลา เนื้อ และไข่จานใหญ่สองสามจานแล้ว ยังมีอาหารมังสวิรัติ รวมถึงอาหารที่ปรุงโดยไม่ต้องใช้ความร้อนด้วยจำนวนหนึ่ง จัดวางเรียงรายจนเต็มโต๊ะใหญ่ ดูคึกคักยิ่งกว่าช่วงที่ฉลองปีใหม่เมื่อสมัยก่อนเสียอีก

หลังจากจัดโต๊ะเสร็จ หลิวซื่อก็เข้าไปในบ้านแล้วจุดโคมไฟ ในลานบ้านสว่างจ้าด้วยแสงไฟอันเรืองรอง

ทันทีที่ตาแก่เฉินเข้าประตูมา ก็เห็นพวกลู่ม่านนั่งล้อมวงกันเป็นกลุ่มภายใต้แสงไฟเรื่อเรือง ทุกคนกำลังคุยเรื่องตลกอะไรบางอย่างด้วยกัน บนใบหน้าของทุกคนล้วนประดับไปด้วยรอยยิ้ม

เมื่อลองเทียบกับที่บ้านของตัวเองอีกครั้ง เฉินหลิ่วเอ๋อที่ตอนนี้ซังกะตายไร้ความรู้สึก เฉินหลี่ซื่อที่เอาแต่ก่นด่าสาปแช่งไม่หยุด ทั้งยังมีหยวนซื่อที่เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ไม่เลิกอยู่ที่นั่นอีก ทำให้เขาทุกข์อกทุกข์ใจจนเกินจะทนรับไหวแล้วจริง ๆ

“ในเมื่อเหอฮัวอยากทำ พี่หลิวก็สนับสนุนนางเถอะ พอดีว่าพรุ่งนี้ข้าจะไปที่ตัวตำบล ถ้าตอนนี้พวกเจ้าจะเปิดร้านในตัวตำบล ข้าสามารถพาเหอฮัวไปดูสถานที่ได้นะ”

“นี่...มันจะรบกวนเจ้ามากเกินไปหรือเปล่า?” หลิวซื่อพูดอย่างลังเล

“ไม่หรอก!” ลู่ม่านพูดด้วยรอยยิ้ม "ข้าชอบเหอฮัวมากเลยนะ!"

“ขอบคุณเจ้าค่ะน้าสาม!” เหอฮัวก็พูดด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

นี่ต่างหากถึงจะเป็นบรรยากาศของครอบครัวที่อยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้า ในใจของตาแก่เฉินเต็มไปด้วยอารมณ์สะท้อนใจ “ข้าก็จะสนับสนุนเหอฮัวด้วย!” พูดพลาง ก็ล้วงมืออย่างงก ๆ เงิ่น ๆ ไปหยิบเหรียญเงินก้วนหนึ่งออกมา แล้วส่งไปให้เหอฮัว

พอกวาดตามองดูแวบหนึ่ง น่าจะมีอยู่หลายร้อยเหวิน "นี่ให้เหอฮัว"

เหอฮัวได้รับความเอ็นดูอย่างไม่คาดคิดจนรู้สึกตกตะลึง “ปู่ นี่เป็นเงินของปู่ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก!”

“ทำไมจะรับไม่ได้ล่ะ? เจ้าเป็นหลานสาวของปู่ ตอนนี้เจ้าจะเริ่มทำงานแล้ว ปู่จะไม่ช่วยเจ้าได้อย่างไรกัน? ติดแค่ว่าตอนนี้ปู่ไม่มีกำลังอะไรแล้ว เจ้าไม่รังเกียจที่มันน้อยเกินไปก็ดีแล้วล่ะ!”

เฉินจื่ออานก็รู้สึกซาบซึ้งใจเช่นกัน เมื่อเห็นท่าทางของตาแก่เฉินที่ดูเหมือนว่าจะคิดได้แล้วจริง ๆ ก่อนหน้านี้ เคยมีใครเห็นเขาให้เงินลูกชายคนอื่นนอกจากเฉินจื่อคังเสียที่ไหนล่ะ?

ตอนนี้แม้กระทั่งหลานสาวตัวน้อยที่แต่ก่อนไม่ได้รับความโปรดปรานที่สุด ก็ยังได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ช่างแตกต่างไปจากเดิมมากจริง ๆ

“ปู่ให้เจ้า เจ้าก็รับไว้เถอะนะ!” เฉินจื่ออานกล่าว

ตอนนี้เองเหอฮัวค่อยพยักหน้า ก่อนจะรับเงินมาจากมือตาแก่เฉิน "ขอบคุณเจ้าค่ะปู่!"

“เด็กดี ตั้งใจทำให้ดีล่ะ รอเจ้าเปิดร้านเมื่อไหร่ ปู่จะไปซื้อเหล้าดื่ม!”

“ได้เลย!” เหอฮัวพูดด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน