ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 357

สรุปบท บทที่ 357 โรงเหล้า: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

ตอน บทที่ 357 โรงเหล้า จาก ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 357 โรงเหล้า คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายประวัติศาสตร์ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน ที่เขียนโดย ฝูเชิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

คืนนี้ตาแก่เฉินดื่มเหล้าไปไม่น้อย ตอนที่กลับไปก็มีสภาพเมาเละไปทั้งตัว คำพูดคำจาก็เลอะเทอะยุ่งเหยิงไปหมด

ส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นคำพูดทำนองที่ว่าลูกชายของเขาตั้งกี่คน ยังไม่ดีเท่าหลานสาวตัวน้อย ๆ แค่คนเดียวด้วยซ้ำ แล้วก็พร่ำรำพันเรื่องที่การอบรมสั่งสอนของเขามันล้มเหลวสิ้นดี ไม่ได้ทำหน้าที่ของคนเป็นพ่อให้ดี

ทั้งลู่ม่านและเฉินจื่ออานต่างก็จนใจกับเรื่องนี้มากจริง ๆ ตาแก่เฉินพูดได้ถูกต้องแล้ว เขาไม่ได้อบรมสั่งสอนลูกให้ดี แต่ตอนนี้เขาค้นพบแล้วว่าตัวเองผิด นี่ก็นับได้ว่าเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งแล้ว

หลังจากชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดจาหว่านล้อมแล้ว ก็พาเขาไปส่งกลับบ้าน

ที่เรือนฝั่งตะวันตก หยวนซื่อยังคงร้องไห้อยู่ เฉินหลี่ซื่อก็นั่งบ่นนั่งด่าอยู่ที่หน้าประตูไม่เลิก ดูไปแล้วเหมือนว่าอาหารเย็นจะยังไม่ได้ทำด้วย

เมื่อเห็นว่าตาแก่เฉินดื่มจนเมากลับมา เฉินหลี่ซื่อก็จงใจเมินเฉยใส่เขา เฉินจื่ออานขมวดคิ้วมุ่น ช่วยพยุงตาแก่เฉินเข้าไปนอนเสร็จค่อยเดินออกมา

เขาเอาอาหารที่ห่อมายื่นส่งให้กับเฉินหลี่ซื่อ “พี่หลิวให้ข้านำกลับมาให้ พวกแม่เอาไปกินเถอะ!”

เฉินหลี่ซื่อแค่นเสียงในคออย่างไม่สบอารมณ์ “อย่างนางจะมีของดี ๆ อะไรได้ ? เจ้ามันแล้งน้ำใจนัก ค่ำแล้วแม่ของเจ้ายังไม่ได้กินข้าวกินปลา เจ้าก็ไม่รู้จักสั่งให้สาวใช้ที่บ้านเอามาส่งให้”

เฉินจื่ออานถึงกับพูดไม่ออก ตัดสินใจเมินนางไปเลยตรง ๆ

เฉินหลี่ซื่อปากด่าไปพลาง มือก็เปิดกล่องอาหารไปพลาง อาหารในนั้นดีมากอย่างไม่น่าเชื่อ ดมดูแล้วกลิ่นก็หอมไม่เลวเลยทีเดียว

ในใจนางรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย แม่อดีตสะใภ้ที่ดูแล้วเป็นตัวไร้ประโยชน์ที่สุดคนนี้ ตอนนี้ใช้ชีวิตดีขนาดนี้แล้วรึ?

ที่ด้านหลัง มีเสียงของเฉินหลิ่วเอ๋อดังขึ้น “แม่ ใครมารึ? ข้าหิวจะแย่แล้ว!”

“มาเถอะ มีของกินแล้ว!” เฉินหลี่ซื่อพูด วางความคิดเหล่านั้นลง หันหลังหิ้วกล่องอาหารเข้าไปข้างใน สุดท้าย หยวนซื่อก็ไม่มีใครสนใจไยดีโดยสิ้นเชิง

วันรุ่งขึ้น เมื่อลู่ม่านตื่นขึ้นมา ก็เห็นว่าเหอฮัวมาถึงเรียบร้อยแล้ว

หลิวซื่อดูคล้ายว่าจะยังกังวลเรื่องลูกสาวอยู่บ้างเล็กน้อย นางจึงตามมาด้วย สองคนแม่ลูกแต่งตัวสะอาดสะอ้านดูคล่องตัว โดยเฉพาะเหอฮัวที่วันนี้ปล่อยผมทรงซาลาเปาคู่นั้นลงมาแล้ว แล้วหวีใหม่เป็นทรงที่ดูแล้วเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก

“พี่หลิว มากันแล้วรึ!” ลู่ม่านพูดด้วยรอยยิ้ม “พอดีเลย ไปกินข้าวเช้าด้วยกันก่อนค่อยไปเถอะนะ!”

พวกหลิวซื่อเองก็ไม่มัวมาเกรงใจอะไรแล้ว ก่อนหน้านี้พวกนางก็เคยอาศัยอยู่ที่นี่มาระยะหนึ่ง ค่อนข้างจะคุ้นเคยกับอะไรที่นี่พอสมควร หลังกินข้าวเสร็จ เฉินจื่ออานยังคงอยู่บ้านอ่านหนังสือ ทั้งสามคนพร้อมด้วยเหอเยว่ก็มุ่งหน้าไปที่ตำบล

ที่ร้านม่านเซินในตำบลนั้น เป็นเพราะหลังจากที่เฉินจูชิงถูกย้ายไป ผู้ดูแลร้านคนใหม่จะอย่างไรก็ยังไม่ประสีประสามากนัก ดังนั้นถ้าช่วงนี้ลู่ม่านมีเวลา ก็จะกลับมาที่ตำบลเพื่อช่วยชี้แนะให้ด้วยตัวเองอยู่เสมอ

ตอนที่ไปถึงที่นั่น ร้านก็เปิดแล้ว ลู่ม่านจอดรถม้าไว้ที่หน้าประตู เข้าไปเปิดประชุมเช้ากับพนักงานทุกคนเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ถึงค่อยออกมา

เมื่อเห็นเหอฮัวจ้องมองตัวเองด้วยสายตาที่วาววับเป็นประกาย ลู่ม่านก็ใจอ่อนยวบลงไปทันที ยื่นมือออกไปลูบ ๆ ที่หัวของเหอฮัวแล้วถามว่า “เป็นอะไรไปรึ? ทำไมมองข้าแบบนี้ล่ะ?”

“น้าสาม ท่านเก่งมาก ทำไมถึงทำอะไรเป็นหมดเลยล่ะ? ข้าดูท่านประชุม ดูมีมาดทั้งยังดึงดูดใจกว่าผู้ใหญ่บ้านในหมู่บ้านของพวกเราอีก!”

ลู่ม่านหลุดขำออกมาเลยทีเดียว “นี่ล้วนเป็นเพราะประสบการณ์ทั้งนั้นแหล่ะ ในอนาคตเมื่อเจ้าเปิดร้านของตัวเองไปนาน ๆ เจ้าก็จะรู้เอง”

“ถ้าอย่างนั้นน้าสามต้องสอนข้าให้ดี ๆ นะเจ้าคะ!” เหอฮัวพูดจาออดอ้อน

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้วล่ะ!” ลู่ม่านพูดจบ ก็พาเหอฮัวกับหลิวซื่อไปที่ร้านคนกลาง

นายหน้าในร้านคนกลางผู้นั้น ก่อนหน้านี้เคยช่วยซื้อข้าวของให้ลู่ม่านมากมายหลายอย่าง มีทั้งที่ดิน บ้าน รวมถึงคน ดังนั้นพอตอนนี้ได้เจอลู่ม่าน เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นยินดีมาก

"ลู่อันเหริน รีบเข้ามานั่งข้างในเถอะ" เขารู้ดีว่า ทันทีที่ลู่ม่านมาจะต้องมีการค้าขายให้ได้ทำแน่ ๆ

จากนั้นก็รีบกล่าวแสดงความยินดี "ลู่อันเหรินมีตำแหน่งขุนนางอย่างเป็นทางการแล้ว ข้ายังไม่ได้แสดงความยินดีกับอันเหรินเลยนะขอรับ!"

บังเอิญว่า ทางลู่ม่านก็มีธุระที่ต้องไปทำพอดี จึงแยกตัวไปก่อน

หลิวซื่อกับเหอฮัวสองคนใช้เวลาทำความสะอาดไปครึ่งค่อนวัน ถึงทำให้ข้างในร้านสะอาดสะอ้านจนน่าพอใจ รอจนถึงตอนที่ลู่ม่านจัดการธุระเสร็จกลับมา ก็เห็นว่าห้องโถงที่เดิมทีเป็นสีเทาขมุกขมัวนั้น ดูสว่างไสวขึ้นมาแบบทันตาเลยทีเดียว

“พี่หลิว พวกเจ้าก็ช่างร้ายกาจเหลือเกินแล้ว!”

หลิวซื่อรู้สึกขัดเขิน “นี่มันนับว่าร้ายกาจได้เสียที่ไหนล่ะ ก็แค่งานที่ทำแบบเอาเป็นเอาตายมาตลอดเท่านั้นเอง ก่อนหน้านี้ข้าก็เคยทำจนชินแล้วล่ะ!”

“ดู ๆ ไปนี่ก็ใช้ได้แล้วล่ะนะ ระยะแรกพวกเจ้าก็คงยังไม่รับสมัครคน ไม่สู้กลับไปแล้ว ก็หาเวลาเพื่อกำหนดฤกษ์ยามดี ๆ เพื่อเป็นวันเปิดร้านสักหน่อยเถอะ!”

“ข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน!” หลิวซื่อพูด “ติดแค่ว่าที่นี่ไม่มีที่ที่ให้พักได้ ยังต้องกลับไปทุกวัน ข้ากำลังคิดอยู่ว่า ข้าควรต้องซื้อเกวียนเทียมวัวสักเล่มก่อนน่าจะดีกว่า! จากนี้เวลาจะขนจะลากข้าวของอะไรก็สะดวกกว่าเยอะ”

“แต่ว่า พวกเจ้าขับเกวียนไม่เป็นไม่ใช่รึ?” ลู่ม่านถาม

“ข้าขับได้!” หลิวซื่อพูด

ลู่ม่านได้เปิดหูเปิดตาเปลี่ยนแปลงมุมมองใหม่แล้วจริง ๆ  “พี่หลิว เจ้าขับเกวียนเทียมวัวเป็นด้วยรึ?” นี่เท่ากับนักขับหญิงคนแรกที่ขับรถเป็นหลังการปฏิรูปเลยเชียวนะ! ช่างเป็นอะไรที่เจ๋งเป้งสุดยอดจริง ๆ

“เป็นนิดหน่อย!” หลิวซื่อพูดอย่างขัดเขิน “เพิ่งได้เรียนรู้มาเมื่อไม่นานนี้เอง!”

ความสนใจของลู่ม่านไปจดจ่ออยู่กับความจริงที่ว่านางขับเกวียนเป็น จึงไม่ถามไถ่อะไรมากมาย ก็พาพวกหลิวซื่อไปซื้อเกวียนอย่างมีความสุข

จะดีจะร้ายที่บ้านของลู่ม่านก็มีเกวียนอยู่หลายเล่ม จึงนับว่าพอจะมีประสบการณ์กับสิ่งเหล่านี้อยู่บ้าง สุดท้าย ก็เลือกได้วัวที่อยู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์มาตัวหนึ่ง แล้วสั่งติดตั้งเพิงหลังคาที่สามารถกำบังลมและฝนได้

"ทำแบบนี้ วันหลังเวลาจะไปส่งเหล้า ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนแดดส่องแล้วล่ะ!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน