คืนนี้ตาแก่เฉินดื่มเหล้าไปไม่น้อย ตอนที่กลับไปก็มีสภาพเมาเละไปทั้งตัว คำพูดคำจาก็เลอะเทอะยุ่งเหยิงไปหมด
ส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นคำพูดทำนองที่ว่าลูกชายของเขาตั้งกี่คน ยังไม่ดีเท่าหลานสาวตัวน้อย ๆ แค่คนเดียวด้วยซ้ำ แล้วก็พร่ำรำพันเรื่องที่การอบรมสั่งสอนของเขามันล้มเหลวสิ้นดี ไม่ได้ทำหน้าที่ของคนเป็นพ่อให้ดี
ทั้งลู่ม่านและเฉินจื่ออานต่างก็จนใจกับเรื่องนี้มากจริง ๆ ตาแก่เฉินพูดได้ถูกต้องแล้ว เขาไม่ได้อบรมสั่งสอนลูกให้ดี แต่ตอนนี้เขาค้นพบแล้วว่าตัวเองผิด นี่ก็นับได้ว่าเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งแล้ว
หลังจากชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดจาหว่านล้อมแล้ว ก็พาเขาไปส่งกลับบ้าน
ที่เรือนฝั่งตะวันตก หยวนซื่อยังคงร้องไห้อยู่ เฉินหลี่ซื่อก็นั่งบ่นนั่งด่าอยู่ที่หน้าประตูไม่เลิก ดูไปแล้วเหมือนว่าอาหารเย็นจะยังไม่ได้ทำด้วย
เมื่อเห็นว่าตาแก่เฉินดื่มจนเมากลับมา เฉินหลี่ซื่อก็จงใจเมินเฉยใส่เขา เฉินจื่ออานขมวดคิ้วมุ่น ช่วยพยุงตาแก่เฉินเข้าไปนอนเสร็จค่อยเดินออกมา
เขาเอาอาหารที่ห่อมายื่นส่งให้กับเฉินหลี่ซื่อ “พี่หลิวให้ข้านำกลับมาให้ พวกแม่เอาไปกินเถอะ!”
เฉินหลี่ซื่อแค่นเสียงในคออย่างไม่สบอารมณ์ “อย่างนางจะมีของดี ๆ อะไรได้ ? เจ้ามันแล้งน้ำใจนัก ค่ำแล้วแม่ของเจ้ายังไม่ได้กินข้าวกินปลา เจ้าก็ไม่รู้จักสั่งให้สาวใช้ที่บ้านเอามาส่งให้”
เฉินจื่ออานถึงกับพูดไม่ออก ตัดสินใจเมินนางไปเลยตรง ๆ
เฉินหลี่ซื่อปากด่าไปพลาง มือก็เปิดกล่องอาหารไปพลาง อาหารในนั้นดีมากอย่างไม่น่าเชื่อ ดมดูแล้วกลิ่นก็หอมไม่เลวเลยทีเดียว
ในใจนางรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย แม่อดีตสะใภ้ที่ดูแล้วเป็นตัวไร้ประโยชน์ที่สุดคนนี้ ตอนนี้ใช้ชีวิตดีขนาดนี้แล้วรึ?
ที่ด้านหลัง มีเสียงของเฉินหลิ่วเอ๋อดังขึ้น “แม่ ใครมารึ? ข้าหิวจะแย่แล้ว!”
“มาเถอะ มีของกินแล้ว!” เฉินหลี่ซื่อพูด วางความคิดเหล่านั้นลง หันหลังหิ้วกล่องอาหารเข้าไปข้างใน สุดท้าย หยวนซื่อก็ไม่มีใครสนใจไยดีโดยสิ้นเชิง
วันรุ่งขึ้น เมื่อลู่ม่านตื่นขึ้นมา ก็เห็นว่าเหอฮัวมาถึงเรียบร้อยแล้ว
หลิวซื่อดูคล้ายว่าจะยังกังวลเรื่องลูกสาวอยู่บ้างเล็กน้อย นางจึงตามมาด้วย สองคนแม่ลูกแต่งตัวสะอาดสะอ้านดูคล่องตัว โดยเฉพาะเหอฮัวที่วันนี้ปล่อยผมทรงซาลาเปาคู่นั้นลงมาแล้ว แล้วหวีใหม่เป็นทรงที่ดูแล้วเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก
“พี่หลิว มากันแล้วรึ!” ลู่ม่านพูดด้วยรอยยิ้ม “พอดีเลย ไปกินข้าวเช้าด้วยกันก่อนค่อยไปเถอะนะ!”
พวกหลิวซื่อเองก็ไม่มัวมาเกรงใจอะไรแล้ว ก่อนหน้านี้พวกนางก็เคยอาศัยอยู่ที่นี่มาระยะหนึ่ง ค่อนข้างจะคุ้นเคยกับอะไรที่นี่พอสมควร หลังกินข้าวเสร็จ เฉินจื่ออานยังคงอยู่บ้านอ่านหนังสือ ทั้งสามคนพร้อมด้วยเหอเยว่ก็มุ่งหน้าไปที่ตำบล
ที่ร้านม่านเซินในตำบลนั้น เป็นเพราะหลังจากที่เฉินจูชิงถูกย้ายไป ผู้ดูแลร้านคนใหม่จะอย่างไรก็ยังไม่ประสีประสามากนัก ดังนั้นถ้าช่วงนี้ลู่ม่านมีเวลา ก็จะกลับมาที่ตำบลเพื่อช่วยชี้แนะให้ด้วยตัวเองอยู่เสมอ
ตอนที่ไปถึงที่นั่น ร้านก็เปิดแล้ว ลู่ม่านจอดรถม้าไว้ที่หน้าประตู เข้าไปเปิดประชุมเช้ากับพนักงานทุกคนเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ถึงค่อยออกมา
เมื่อเห็นเหอฮัวจ้องมองตัวเองด้วยสายตาที่วาววับเป็นประกาย ลู่ม่านก็ใจอ่อนยวบลงไปทันที ยื่นมือออกไปลูบ ๆ ที่หัวของเหอฮัวแล้วถามว่า “เป็นอะไรไปรึ? ทำไมมองข้าแบบนี้ล่ะ?”
“น้าสาม ท่านเก่งมาก ทำไมถึงทำอะไรเป็นหมดเลยล่ะ? ข้าดูท่านประชุม ดูมีมาดทั้งยังดึงดูดใจกว่าผู้ใหญ่บ้านในหมู่บ้านของพวกเราอีก!”
ลู่ม่านหลุดขำออกมาเลยทีเดียว “นี่ล้วนเป็นเพราะประสบการณ์ทั้งนั้นแหล่ะ ในอนาคตเมื่อเจ้าเปิดร้านของตัวเองไปนาน ๆ เจ้าก็จะรู้เอง”
“ถ้าอย่างนั้นน้าสามต้องสอนข้าให้ดี ๆ นะเจ้าคะ!” เหอฮัวพูดจาออดอ้อน
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้วล่ะ!” ลู่ม่านพูดจบ ก็พาเหอฮัวกับหลิวซื่อไปที่ร้านคนกลาง
นายหน้าในร้านคนกลางผู้นั้น ก่อนหน้านี้เคยช่วยซื้อข้าวของให้ลู่ม่านมากมายหลายอย่าง มีทั้งที่ดิน บ้าน รวมถึงคน ดังนั้นพอตอนนี้ได้เจอลู่ม่าน เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นยินดีมาก
"ลู่อันเหริน รีบเข้ามานั่งข้างในเถอะ" เขารู้ดีว่า ทันทีที่ลู่ม่านมาจะต้องมีการค้าขายให้ได้ทำแน่ ๆ
จากนั้นก็รีบกล่าวแสดงความยินดี "ลู่อันเหรินมีตำแหน่งขุนนางอย่างเป็นทางการแล้ว ข้ายังไม่ได้แสดงความยินดีกับอันเหรินเลยนะขอรับ!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...
บทที่241-311 หายค่ะ...