ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 358

สรุปบท บทที่ 358 สอบเอินเคอ: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

อ่านสรุป บทที่ 358 สอบเอินเคอ จาก ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง

บทที่ บทที่ 358 สอบเอินเคอ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายประวัติศาสตร์ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ฝูเชิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

หลังจากกลับไปแล้วหลิวซื่อก็ไปดูฤกษ์ยาม บอกว่าหลังจากนี้ไปอีกสามวันนับเป็นวันดี อีกทั้งไม่มีอะไรที่ต้องตระเตรียมแล้ว จึงตัดสินใจว่าเป็นอีกสามวันหลังจากนี้

เหอฮัวไปที่โรงงานเพื่อขอลาออกจากงาน เหยาซื่อได้ยินว่านางกำลังจะเปิดร้านของตัวเอง ก็รู้สึกยินดีมาก

อันที่จริงถ้าจะพูดไป ร้านของเหยาซื่อก็เริ่มดีวันดีคืนขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว สามารถสร้างบ้านหลังใหญ่ในหมู่บ้านได้แล้วด้วย ถ้าลาออกแล้วกลับไปอยู่บ้านดูร้านเลี้ยงลูก ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีมากทางหนึ่งเลยทีเดียว

ติดอยู่ที่ว่า หลังจากที่ได้เห็นสถานการณ์ของหลิวซื่อแล้ว ผู้หญิงหลายคนในหมู่บ้านก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเข้มแข็ง พร้อมจะยืนหยัดด้วยตัวเองขึ้นมา

เริ่มไม่ยินดีอยู่กับบ้านแบบเปล่าประโยชน์ อีกทั้งทุกวันที่ออกมาทำงาน มีผู้หญิงหลายคนอยู่รวมกัน ว่ากันตามจริงแล้วก็เป็นอะไรที่สนุกมากเลยทีเดียว

สามวันต่อมา ร้านของหลิวซื่อก็เปิดเต็มตัว ตั้งชื่อให้ว่าไป่ฮัวเนี่ยง

พวกลู่ม่านก็ไปร่วมงานเปิดร้านด้วย หลิวซื่อก็เป็นงานดีมาก นางให้เหล้าที่เตรียมไว้ล่วงหน้ากับทุกคนในหมู่บ้านที่ไปสนับสนุนนาง เป็นของขวัญเพื่อแสดงความขอบคุณ

เป็นเพราะใจที่พร้อมสู้และการพัฒนาตัวไม่หยุดยั้งของหลิวซื่อ หลายคนในหมู่บ้านจึงเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อนาง

ตอนที่กลับมา เหอเยว่อดทอดถอนใจอย่างปลงตกไม่ได้ “พี่หลิวช่างเป็นคนที่เก่งกาจน่าทึ่งจริง ๆ ถ้าข้าต้องไปจนถึงระดับที่นางเคยเผชิญนั่น ข้าก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะเป็นอย่างไรบ้าง?”

ลู่ม่านกลับไม่คิดอย่างนั้น “เรื่องแบบนี้เราไม่สามารถคาดเดาได้หรอก เพราะศักยภาพของคนจำนวนมาก จะถูกกระตุ้นขึ้นมาได้เฉพาะในยามที่ตกอยู่ในสภาวะวิกฤติ ดังนั้น ถ้ายังไม่ถึงตาตัวเอง เจ้าก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าเจ้ามีศักยภาพมากแค่ไหน!”

“นั่นก็จริงอยู่ เมื่อก่อนพี่หลิวก็เป็นคนที่อ่อนแอมากเลยนี่นะ!” เหอเย่วพูด

ลู่ม่านพยักหน้า พอได้เห็นท่าทางคร่ำเคร่งของเหอเย่ว จู่ ๆ ก็นึกอยากหัวเราะขึ้นมา “เจ้าเป็นอะไรไปน่ะ? ตัวเองเป็นคนที่กำลังจะได้แต่งงานอยู่แล้ว จะคิดเรื่องพรรค์นี้ไปทำไมกัน? ถ้าเฉินจูชิงกล้าทำแบบนั้นกับเจ้าล่ะก็ ข้าจะตีขาเขาให้หักเลยคอยดู!”

“พี่เสี่ยวม่าน!” เหอเย่วกระเง้ากระงอด

“หรือข้าพูดไม่ถูกล่ะ?” ลู่ม่านยังคงหัวเราะไม่หยุด ทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับแม่สาวน้อยไร้เดียงสาคนนี้ ลู่ม่านจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก

“ไม่ถูก ถูกสิ… อั้ยหยา พี่เสี่ยวม่าน พี่นิสัยไม่ดีเลย!” เหอเย่วดูจะตกอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปหมด

ลู่ม่านเห็นนางเหมือนไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงแล้วจริง ๆ ก็ยิ้มแล้วพูดว่า "ก็ได้ ๆ"

ระหว่างดึงม่านหน้ารถลงมา ลู่ม่านพลันเหลือบไปเห็นเกวียนเทียมวัวเล่มหนึ่งวิ่งโคลงเคลงไปมาอยู่ด้านหลังไว ๆ ก็รู้สึกคุ้นตามาก

พอมองดูอีกครั้ง นางก็ยิ่งประหลาดใจ “เฉินจูชิงมาแล้วรึ?”

เหอเย่วคิดว่าลู่ม่านยังแกล้งหยอกล้อนางอยู่ ก็โอดครวญขึ้นมาทันที “พี่เสี่ยวม่าน พี่ไม่ได้บอกหรือว่าจะไม่พูดแล้วน่ะ?”

“เฉินจูชิงกลับมาแล้วจริง ๆ!” ลู่ม่านพูดเสียงจริงจัง

เหอเย่วมองตามเสียงไป ก็เห็นว่าเฉินจูชิงขับเกวียนตรงเข้ามาหา ใบหน้าพลันแดงก่ำ เหอเย่วรีบเก็บสายตากลับมา ก่อนจะเร่งความเร็วรถให้เร็วขึ้น

ลู่ม่านถึงกับพูดไม่ออก แม่สาวน้อยคนนี้นี่นะ! แต่เมื่อคิดได้ว่าพวกเขายังเด็กคงจะรู้สึกเขินอาย นางจึงไม่พูดอะไรอีก

รอจนมาถึงหน้าประตูบ้าน จอดรถเรียบร้อยดีแล้ว เฉินจูชิงถึงค่อย ๆ ขับเกวียนเข้ามา

หลังจากลงจากรถ เขาก็ตรงไปที่ด้านข้างของรถม้า ก่อนจะช่วยพยุงเงาร่างที่สั่นเทาร่างหนึ่งออกมา เหอเย่วผงะไปชั่วครู่ แล้วรีบวิ่งเข้าไปคว้าแขนของชายชราคนนั้นเอาไว้จนแน่น

“ปู่!”

คนที่มาคือเหอซาน ทั้งคู่ไม่ได้เจอกันมาระยะหนึ่งแล้ว เขาดูคล้ำและผอมลงกว่าเมื่อก่อน แต่อารมณ์กลับสดชื่นกระปรี้กระเปร่าไม่เลว พอได้พบหน้าเหอเย่วเขาก็ดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่

“เสี่ยวเย่ว ปู่คิดว่าชีวิตนี้พวกเราจะไม่มีโอกาสได้พบหน้ากันอีกแล้ว ใครจะรู้ว่าเจ้าหนุ่มจูชิงคนนี้จะไปรับปู่ที่บ้านเกิด พอข้ารู้ว่าพวกเจ้ากำลังจะแต่งงานกันแล้ว จึงตั้งใจมาที่นี่โดยเฉพาะเลยนะ”

เดิมทีลู่ม่านกำลังจะออกไป แต่พอได้ยินคำพูดนี้ก็เดินกลับมาใหม่

“เป็นข่าวดีอะไรรึ?” เฉินจื่ออานถาม

ผู้ใหญ่บ้านเฉินไม่ได้พูดในทันที แต่กลับทำเป็นอุบไว้ให้อยากรู้ “ด้วยความที่ก่อนหน้านี้จื่ออานเคยเป็นซือหนงแล้วทำงานได้ดีมาก แต่เป็นเพราะเรื่องของผู้ว่าการอำเภอจึงถูกไล่ออกจากตำแหน่งขุนนาง หลายคนต่างก็รู้สึกว่าน่าเสียดาย หลายวันมานี้ ข้าไปเดินเล่นรอบ ๆ หมู่บ้าน มีหลายคนถามข้าว่าตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”

จื่ออานยิ้มรับ “บ้านมีกฎบ้าน ประเทศชาติมีกฎหมาย”

“พูดแบบนั้นมันก็ถูก แต่ว่านะจื่ออาน คนอย่างเจ้าไม่ได้เป็นขุนนางมันน่าเสียดายเกินไปแล้ว ตอนนี้เจ้ามาอยู่บ้านกำลังจดจ่ออยู่กับการอ่านหนังสือ คงคิดจะเข้าร่วมการจัดสอบสอบช่วงฤดูใบไม้ผลิในอีกสามปีข้างหน้าใช่หรือไม่?”

“อื้ม!” เฉินจื่ออานพยักหน้า "ข้าอยากลองดูสักตั้ง!"

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว! เจ้าไม่ได้โกหกลุง ลุงดีใจมาก ติดแค่ว่าระยะเวลาสามปีอย่างไรก็นานเกินไป ถ้าเป็นการสอบคัดเลือกช่วงวสันต์ที่จัดขึ้นในปีหน้า เจ้ามีความมั่นใจมากน้อยแค่ไหนรึ?”

“ปีหน้า?” เฉินจื่ออานตกใจจนผงะ “นี่.…”

แต่ลู่ม่านกลับได้รับคำบอกใบ้ลาง ๆ “ลุงผู้ใหญ่ ความหมายของลุงคือจะบอกว่าในฤดูใบไม้ผลิหน้า จะมีการสอบคัดเลือกช่วงวสันต์หรือเจ้าคะ?”

“ใช่แล้วล่ะ ปีนี้ทางเหนือได้รับชัยชนะติดต่อกัน ฮ่องเต้ทรงพระเกษมสำราญมากจึงโปรดเกล้าให้มีการจัดสอบเอินเคอ* ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ถึงตอนนี้ยังมีเวลาอีกสามเดือนกว่า ๆ ก็จะจัดการสอบคัดเลือกช่วงฤดูใบไม้ผลิแล้ว! ที่ข้ามาก็เพื่อจะบอกให้จื่ออานเตรียมตัวให้พร้อม ปีหน้าก็ลองลงสนามสอบดูเถอะ!"

เฉินจื่ออานกลับมีท่าทีลังเลขึ้นมาอย่างกะทันหัน “ข้าเพิ่งจะอ่านหนังสือมาได้ไม่ถึงปี ต่อให้เป็นฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ข้าก็มีเวลาแค่ปีกว่า ๆ เท่านั้นเอง คนอื่น ๆ เขาต่างก็ตรากตรำร่ำเรียนกันมาเป็นสิบ ๆ ปี ข้า....."

"จื่ออาน ไปลองดูเถอะนะ!"ลู่ม่านพูดด้วยรอยยิ้ม “คนอื่นตรากตรำร่ำเรียนมาสิบปี แต่ก็ไม่ได้มีประสบการณ์มากเท่าเจ้าหรอกนะ ใคร ๆ ต่างก็พูดว่าอ่านหนังสือหมื่นเล่ม ยังไม่สู้ได้ออกเดินทางหมื่นลี้ เจ้าไม่เพียงผ่านการเดินทางมาแล้วมากมายหลายเส้นทาง หนึ่งปีมานี้ เจ้าทั้งเป็นซือหนง ได้เข้าร่วมทำอะไรมากมายหลายอย่าง ในแง่ของความรู้ทางวิชาการ เจ้าก็ไม่มีทางทำได้ด้อยไปกว่าคนอื่นหรอก!”

“ฮูหยินพูดได้ถูกต้อง!” เสียงของอาจารย์โจวดังแว่วมาจากด้านนอก “ในความคิดของข้า ความรู้ที่เจ้าสะสมมาไม่ได้น้อยไปกว่าของคนอื่นเลย พอดีว่าตอนนี้ที่โรงเรียนของข้าใกล้จะปิดเทอมแล้ว จากนี้ ข้าสามารถอยู่บ้านคอยให้คำแนะนำเพิ่มเติมแก่เจ้าได้ พอปีหน้าจัดสอบคัดเลือกช่วงวสันต์ เจ้าก็ลองลงสนามสอบดูสักตั้งเถอะนะ"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน