หลังจากกลับไปแล้วหลิวซื่อก็ไปดูฤกษ์ยาม บอกว่าหลังจากนี้ไปอีกสามวันนับเป็นวันดี อีกทั้งไม่มีอะไรที่ต้องตระเตรียมแล้ว จึงตัดสินใจว่าเป็นอีกสามวันหลังจากนี้
เหอฮัวไปที่โรงงานเพื่อขอลาออกจากงาน เหยาซื่อได้ยินว่านางกำลังจะเปิดร้านของตัวเอง ก็รู้สึกยินดีมาก
อันที่จริงถ้าจะพูดไป ร้านของเหยาซื่อก็เริ่มดีวันดีคืนขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว สามารถสร้างบ้านหลังใหญ่ในหมู่บ้านได้แล้วด้วย ถ้าลาออกแล้วกลับไปอยู่บ้านดูร้านเลี้ยงลูก ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีมากทางหนึ่งเลยทีเดียว
ติดอยู่ที่ว่า หลังจากที่ได้เห็นสถานการณ์ของหลิวซื่อแล้ว ผู้หญิงหลายคนในหมู่บ้านก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเข้มแข็ง พร้อมจะยืนหยัดด้วยตัวเองขึ้นมา
เริ่มไม่ยินดีอยู่กับบ้านแบบเปล่าประโยชน์ อีกทั้งทุกวันที่ออกมาทำงาน มีผู้หญิงหลายคนอยู่รวมกัน ว่ากันตามจริงแล้วก็เป็นอะไรที่สนุกมากเลยทีเดียว
สามวันต่อมา ร้านของหลิวซื่อก็เปิดเต็มตัว ตั้งชื่อให้ว่าไป่ฮัวเนี่ยง
พวกลู่ม่านก็ไปร่วมงานเปิดร้านด้วย หลิวซื่อก็เป็นงานดีมาก นางให้เหล้าที่เตรียมไว้ล่วงหน้ากับทุกคนในหมู่บ้านที่ไปสนับสนุนนาง เป็นของขวัญเพื่อแสดงความขอบคุณ
เป็นเพราะใจที่พร้อมสู้และการพัฒนาตัวไม่หยุดยั้งของหลิวซื่อ หลายคนในหมู่บ้านจึงเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อนาง
ตอนที่กลับมา เหอเยว่อดทอดถอนใจอย่างปลงตกไม่ได้ “พี่หลิวช่างเป็นคนที่เก่งกาจน่าทึ่งจริง ๆ ถ้าข้าต้องไปจนถึงระดับที่นางเคยเผชิญนั่น ข้าก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะเป็นอย่างไรบ้าง?”
ลู่ม่านกลับไม่คิดอย่างนั้น “เรื่องแบบนี้เราไม่สามารถคาดเดาได้หรอก เพราะศักยภาพของคนจำนวนมาก จะถูกกระตุ้นขึ้นมาได้เฉพาะในยามที่ตกอยู่ในสภาวะวิกฤติ ดังนั้น ถ้ายังไม่ถึงตาตัวเอง เจ้าก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าเจ้ามีศักยภาพมากแค่ไหน!”
“นั่นก็จริงอยู่ เมื่อก่อนพี่หลิวก็เป็นคนที่อ่อนแอมากเลยนี่นะ!” เหอเย่วพูด
ลู่ม่านพยักหน้า พอได้เห็นท่าทางคร่ำเคร่งของเหอเย่ว จู่ ๆ ก็นึกอยากหัวเราะขึ้นมา “เจ้าเป็นอะไรไปน่ะ? ตัวเองเป็นคนที่กำลังจะได้แต่งงานอยู่แล้ว จะคิดเรื่องพรรค์นี้ไปทำไมกัน? ถ้าเฉินจูชิงกล้าทำแบบนั้นกับเจ้าล่ะก็ ข้าจะตีขาเขาให้หักเลยคอยดู!”
“พี่เสี่ยวม่าน!” เหอเย่วกระเง้ากระงอด
“หรือข้าพูดไม่ถูกล่ะ?” ลู่ม่านยังคงหัวเราะไม่หยุด ทุกครั้งที่ได้พูดคุยกับแม่สาวน้อยไร้เดียงสาคนนี้ ลู่ม่านจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก
“ไม่ถูก ถูกสิ… อั้ยหยา พี่เสี่ยวม่าน พี่นิสัยไม่ดีเลย!” เหอเย่วดูจะตกอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปหมด
ลู่ม่านเห็นนางเหมือนไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงแล้วจริง ๆ ก็ยิ้มแล้วพูดว่า "ก็ได้ ๆ"
ระหว่างดึงม่านหน้ารถลงมา ลู่ม่านพลันเหลือบไปเห็นเกวียนเทียมวัวเล่มหนึ่งวิ่งโคลงเคลงไปมาอยู่ด้านหลังไว ๆ ก็รู้สึกคุ้นตามาก
พอมองดูอีกครั้ง นางก็ยิ่งประหลาดใจ “เฉินจูชิงมาแล้วรึ?”
เหอเย่วคิดว่าลู่ม่านยังแกล้งหยอกล้อนางอยู่ ก็โอดครวญขึ้นมาทันที “พี่เสี่ยวม่าน พี่ไม่ได้บอกหรือว่าจะไม่พูดแล้วน่ะ?”
“เฉินจูชิงกลับมาแล้วจริง ๆ!” ลู่ม่านพูดเสียงจริงจัง
เหอเย่วมองตามเสียงไป ก็เห็นว่าเฉินจูชิงขับเกวียนตรงเข้ามาหา ใบหน้าพลันแดงก่ำ เหอเย่วรีบเก็บสายตากลับมา ก่อนจะเร่งความเร็วรถให้เร็วขึ้น
ลู่ม่านถึงกับพูดไม่ออก แม่สาวน้อยคนนี้นี่นะ! แต่เมื่อคิดได้ว่าพวกเขายังเด็กคงจะรู้สึกเขินอาย นางจึงไม่พูดอะไรอีก
รอจนมาถึงหน้าประตูบ้าน จอดรถเรียบร้อยดีแล้ว เฉินจูชิงถึงค่อย ๆ ขับเกวียนเข้ามา
หลังจากลงจากรถ เขาก็ตรงไปที่ด้านข้างของรถม้า ก่อนจะช่วยพยุงเงาร่างที่สั่นเทาร่างหนึ่งออกมา เหอเย่วผงะไปชั่วครู่ แล้วรีบวิ่งเข้าไปคว้าแขนของชายชราคนนั้นเอาไว้จนแน่น
“ปู่!”
คนที่มาคือเหอซาน ทั้งคู่ไม่ได้เจอกันมาระยะหนึ่งแล้ว เขาดูคล้ำและผอมลงกว่าเมื่อก่อน แต่อารมณ์กลับสดชื่นกระปรี้กระเปร่าไม่เลว พอได้พบหน้าเหอเย่วเขาก็ดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่
“เสี่ยวเย่ว ปู่คิดว่าชีวิตนี้พวกเราจะไม่มีโอกาสได้พบหน้ากันอีกแล้ว ใครจะรู้ว่าเจ้าหนุ่มจูชิงคนนี้จะไปรับปู่ที่บ้านเกิด พอข้ารู้ว่าพวกเจ้ากำลังจะแต่งงานกันแล้ว จึงตั้งใจมาที่นี่โดยเฉพาะเลยนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...
บทที่241-311 หายค่ะ...