ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 359

สรุปบท บทที่ 359 คุณหนูชุยผู้น่าสงสาร: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

ตอน บทที่ 359 คุณหนูชุยผู้น่าสงสาร จาก ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 359 คุณหนูชุยผู้น่าสงสาร คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายประวัติศาสตร์ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน ที่เขียนโดย ฝูเชิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

หลังได้รับคำยืนยันจากอาจารย์โจว ในที่สุดเฉินจื่ออานก็นับว่าได้ข้อสรุปในใจแล้ว

ลู่ม่านดีใจมาก จึงเข้าครัวด้วยตัวเองแล้วเชิญผู้ใหญ่บ้านเฉินกับอาจารย์โจวมากินมื้อค่ำดี ๆ ด้วยกันสักมื้อ หลังจากนั้น เฉินจื่ออานก็เรียนหนังสืออยู่บ้านได้อย่างสบายใจ

ระดับความเข้มข้นเพิ่มสูงกว่าแต่ก่อนมาก ในแต่ละวันเขาจะพักผ่อนแค่หนึ่งถึงสองชั่วยามเท่านั้น

เพื่อจะดูแลด้านโภชนาการให้เขา เสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ลู่ม่านก็พยายามปรับลดจำนวนงานให้น้อยลงอย่างเต็มที่ ส่งมอบไปให้กับคนงานระดับล่างทำต่อ จากนั้นก็อยู่บ้านทำอาหารให้เฉินจื่ออานกินทุกวันอย่างสบายใจ

เมื่อไหร่ที่มีเวลาว่าง ลู่ม่านก็จะไปที่ตัวอำเภอเพื่ออธิบายและส่งมอบงาน

เนื่องจากช่วงหลายวันมานี้ เฉินจูชิงยุ่งอยู่กับการเตรียมงานแต่ง งานในอำเภอจึงต้องระงับไว้ก่อน ตอนนี้ลู่ม่านให้ตงจื่ออยู่ดูแลความเรียบร้อยที่นั่น ตงจื่อก็ฉลาดใช้ได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะแค่วิ่งส่งของอย่างเดียว แต่ก็ค่อนข้างมีหูตาว่องไว ได้เห็นเฉินจูชิงจัดการนั่นนี่ ก็เรียนรู้มาได้ไม่น้อย

ลู่ม่านเห็นว่าเขาทำได้ดี หลังจากจัดเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ให้เขาช่วยดูแลทางนั้นต่อ ในใจคิดว่าถ้าเขาทำได้ดี แล้วในอนาคตถ้าหากเฉินจูชิงอยากกลับตำบลชางผิง งานทางนั้นก็จะส่งมอบไปให้ตงจื่อเป็นคนดูแล เท่านี้นางก็คงจะวางใจได้มากทีเดียว

หลังจากมอบหมายงานเรียบร้อย ลู่ม่านก็เรียกเหอเย่วมา เตรียมตัวจะออกไปซื้อของเพื่อให้เป็นรางวัลแก่พวกคนงานในร้านสักหน่อย

เดิมทีก็คิดว่าจะเลี้ยงข้าวอยู่เหมือนกัน แต่เพราะเคยพาไปกินที่ภัตตาคารเฟิ่งหลายที่อยู่ใกล้ ๆ กันมาหลายครั้งแล้ว ถ้าลู่ม่านจะเข้าครัวทำอาหารเอง ก็ไม่ค่อยมีเวลาอีก จึงตัดสินใจว่ายังไงก็ซื้อของให้พวกนางแทนน่าจะดีกว่า ถือว่าเป็นสินน้ำใจ

ที่ผ่านมา รางวัลที่ลู่ม่านให้จะเป็นของที่ใช้ได้จริงทั้งหมด ถ้าไม่ใช่ให้เงินทองตรง ๆ ก็จะเป็นพวกอาหารไม่ก็เครื่องดื่มตลอด ดังนั้นในครั้งนี้ลู่ม่านก็ชัดเจนไม่มีเปลี่ยน นางตรงไปที่ร้านขายเนื้อหมูสั่งให้ตัดแบ่งเนื้อจำนวนหลายสิบชั่ง รวมถึงซื้อไก่มาด้วยจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็ขอให้เจ้าของร้านช่วยจัดเตรียมให้อย่างเรียบร้อย

เจ้าของร้านเป็นหญิงร่างอ้วนที่น่าจะอยู่ในวัยห้าสิบขึ้นไป เป็นคนเสียงดังเอะอะ ทั้งยังมีนิสัยชอบซุบซิบนินทา

ระหว่างที่กำลังรอ ก็ได้ยินเจ้าของร้านคนนั้นคุยกับร้านเพื่อนบ้านที่อยู่ข้าง ๆ กันว่า “หลังจากเกิดเรื่องขึ้นเมื่อปีที่แล้ว พวกเราต่างก็คิดว่าคุณหนูชุยคงตายไปแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยนะว่านางจะถูกคุณชายตระกูลฉินนั่นพาตัวไป!”

เมื่อได้ยินดังนั้น ลู่ม่านก็ตะลึงไปเลย คุณหนูชุยคนนี้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมจู่ ๆ ถึงถูกเปิดเผยตัวตนออกมาแบบนี้ล่ะ?

“ก็นั่นน่ะสิ คิดไม่ถึงเลยนะว่าเดิมทีคุณหนูลูกเศรษฐีที่มีทั้งความรู้ ทั้งรู้จักเหตุผลคนหนึ่งจะกลายเป็นคนบ้าคลุ้มคลั่งขนาดนั้นได้ ตระกูลฉินนี่มันเกินไปแล้วจริง ๆ!”

“เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลฉินที่ว่านี้รึ?”

ลู่ม่านจงใจถาม

สองคนนั้นหันไปมองหน้ากัน ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “ฮูหยินท่านนี้ เจ้าคงไม่ใช่คนในอำเภอของเรากระมัง? เรื่องนี้เล่าลือกันจนมันกระฉ่อนไปทั่วทั้งอำเภอแล้ว เจ้าไม่รู้หรอกรึ?”

“ข้าไม่ใช่คนอำเภอนี้จริง ๆ นั่นแหล่ะ แค่ผ่านมาที่นี่เฉย ๆ” ลู่ม่านตอบ

“ข้าถึงว่าน่ะสิ!” พี่สาวร่างอ้วนเจ้าของร้านขายหมูผู้นั้นดูกระตือรือร้นอย่างยิ่ง นางเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ลู่ม่านฟังอย่างรวดเร็ว

โดยรวม ๆ แล้วเรื่องราวก็เหมือนกับที่ลู่ม่านรู้อยู่ก่อนแล้ว คือคุณหนูชุยถูกตระกูลฉินหลอก ตั้งท้องแล้วก็สูญเสียลูกไป

“เรื่องนี้ เป็นตระกูลฉินเปิดเผยออกมาเองรึ?” ในเมื่อคุณหนูชุยไปแล้ว นอกจากตระกูลฉินเอง ยังจะมีใครพูดเรื่องนี้อีกล่ะ?

“จะเป็นไปได้อย่างไรล่ะ!” พี่สาวร่างอ้วนพูดด้วยท่าทางราวกับจะตำหนิว่าเจ้าช่างไม่รู้ความเอาเสียเลย “ตระกูลฉินนั่นทำเรื่องผิดศีลธรรมขนาดนี้ น่ากลัวว่าคงอยากอุบให้เงียบสนิทชนิดกลืนลงท้องไป รอวันเอาลงหลุมให้มันเน่าไปพร้อม ๆ กับศพตัวเองล่ะไม่ว่า จะเอาออกมาป่าวประกาศให้คนรู้ได้อย่างไรล่ะ? เรื่องนี้เป็นเพราะยายชุยผู้นั้นกระจายข่าวออกมาต่างหาก”

หัวใจของลู่ม่านถึงกับหดเกร็ง หันไปมองประสานสายตากับเหอเย่วแวบหนึ่ง

ยายชุยกับคุณหนูชุยไม่ใช่ว่าไปกันหมดแล้วหรอกเหรอ ? ทำไมถึงกลับมาอีกล่ะ?

“สมน้ำหน้า!” เหอเย่วกัดฟันพูด ลู่ม่านปรายตามองนางแวบหนึ่ง แม่สาวน้อยคนนี้ยิ่งนับวันก็ยิ่งอารมณ์ร้ายขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสิ

แม้ว่านางเองก็คิดว่าคุณชายฉินนั่น สมควรให้คนรู้สึกสมน้ำหน้าจริง ๆ แต่ต่อหน้าคนตั้งเยอะขนาดนี้ ยังไงก็ยับยั้งตัวเองหน่อย รอกลับถึงบ้านก่อนค่อยด่าก็ได้มั้ง?

ในฐานะผู้หญิง ไม่ว่าใครก็ต้องรู้สึกเห็นอกเห็นใจคุณหนูชุย ดังนั้น เมื่อพูดถึงตระกูลฉินกับคุณชายฉินนั่นแล้ว โดยพื้นฐานก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีอะไรให้แต่แรกแล้ว

“แล้วตอนนี้คุณหนูชุยเป็นอย่างไรบ้างรึ?” ลู่ม่านถามอย่างร้อนใจ แม้ว่าช่วงเวลาที่ได้ผูกพันใกล้ชิดกับคุณหนูชุยจะไม่มาก แต่ถึงอย่างไรก็ได้มารู้จักกันช่วงระยะเวลาหนึ่ง เดิมทีลู่ม่านยังคิดอยู่ว่าตัวเองสามารถช่วยนางขึ้นมาจากกลางทะเลทุกข์ได้สำเร็จแล้วแท้ ๆ

คิดไม่ถึงว่า สุดท้ายกลับทำลายความฝันอันงดงามที่นางถักทอขึ้นมาเองลงไปแบบไม่มีเหลือ

ต่อให้ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้า แต่เจ้ากลับต้องตายเพราะข้า ความรู้สึกประเภทนี้ เป็นอะไรที่น่าเศร้าจริง ๆ

“ยายชุยนำกลับไปฝังแล้วล่ะ ฝังไว้ที่สุสานศพไร้ญาติทางตอนใต้ของเมืองนี่แหล่ะ!”

ถึงกับต้องฝังในสุสานศพไร้ญาติเลยรึ? แต่พอมาคิดดูอีกทีก็เห็นว่าน่าจะถูก เพราะตระกูลชุยล่มสลายไปนานแล้ว เลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลชุยก็ไม่มีเหลือแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการที่นางต้องตายในสถานการณ์ลักษณะนี้ ก็ทำได้แค่ฝังในสุสานศพไร้ญาติเท่านั้นแล้ว

เมื่อนำเนื้อหมูและไก่ที่หั่นเป็นชิ้นแล้วกลับไป ลู่ม่านก็ส่งของเหล่านั้นไปที่ร้าน ฝากฝังงานเสร็จก็กลับไปทันที

หลังออกจากตัวเมือง ลู่ม่านสั่งให้เหอเย่วขับรถม้าไปทางตอนใต้ของเมือง ทางตอนใต้ของเมืองเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างรกร้าง เต็มไปด้วยภูเขาและวัชพืช

ช่วงเวลาย่ำค่ำโพล้เพล้ ภายในสุสานศพไร้ญาติมีเสียงสายลมพัดคำรามดังหวีดหวิว รอบด้านรกร้างว่างเปล่าจนสุดสายตา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน