สรุปตอน บทที่ 361 รับตัวเจ้าสาว – จากเรื่อง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง
ตอน บทที่ 361 รับตัวเจ้าสาว ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดยนักเขียน ฝูเชิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ในมือเฉินจื่ออานหอบหนังสือกองใหญ่ กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือพลางเดินเข้าไปข้างใน
พอเห็นลู่ม่าน เขาก็รีบเดินขึ้นมาข้างหน้าแล้วพูดว่า "เสี่ยวม่าน ทำไมวันนี้เจ้ากลับค่ำขนาดนี้ล่ะ? ไม่เป็นไรใช่หรือไม่?"
“ไม่เป็นไรหรอก!” ลู่ม่านพูดแบบจงใจหลีกเลี่ยงปัญหาสำคัญ ก่อนจะมองหนังสือในมือของเฉินจื่ออานอีก "นี่คืออะไรรึ?"
“อ๋อ นี่เป็นหนังสือของจื่อคังน่ะ พ่อรู้ว่าฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ก็จะมีการจัดสอบช่วงฤดูใบไม้ผลิแล้ว ก็เลยเอาหนังสือของจื่อคังมาให้ข้า บอกว่าจะได้เอาไว้ใช้”
ลู่ม่าน ".....เจ้าคิดว่ามันใช้ได้จริง ๆ น่ะหรือ?"
เจ้าเฉินจื่ออานคนนี้สอบตกจากรายชื่อไปแล้วด้วยซ้ำ ลู่ม่านจะบอกว่าตัวเองเชื่อโชคลางก็ยังรู้สึกกระดากปากเลยด้วย
“พูดไปแล้ว มันก็เป็นเจตนาดีของพ่อกับแม่ล่ะนะ แค่เอากลับมาวางไว้ในห้องหนังสือก็พอ ข้ามีหนังสือของตัวเองอยู่ อย่างไรก็ไม่อ่านอยู่แล้ว”
ตอนนี้เฉินจื่ออานดูเหมือนแยกแยะทุกอย่างได้ดีกว่าเมื่อก่อน ลู่ม่านจึงรู้สึกวางใจลงได้มาก
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกัน เหอเย่วกับเฉินจูชิงก็ออกมาจากข้างใน พอเห็นว่าในที่สุดบนใบหน้าของเหอเย่วก็มีรอยยิ้ม ลู่ม่านจึงรู้ว่าเฉินจูชิงง้อนางสำเร็จแล้ว จึงจงใจยิ้มแล้วพูดว่า
“วันมะรืนนี้ก็จะถึงวันแต่งงานแล้ว เจ้าสาวต้องหน้าตาสดใสมีความสุขแบบนี้สิถึงจะดี!”
“พี่เสี่ยวม่าน!” เหอเย่วกระเง้ากระงอด
“เอาเถอะ คืนนี้เรื่องงานในบ้านไม่ต้องให้เจ้ากังวลอะไรทั้งนั้น เจ้ากลับไปกับจูชิงเถอะ ไปทำอาหารอร่อย ๆ ให้ปู่ของเจ้ากิน!” ลู่ม่านพูดจบ ก็ผลักเหอเย่วออกไปตรง ๆ แล้วกลับบ้านพร้อมกับเฉินจื่ออาน
แค่พริบตาเดียวก็ถึงวันแต่งงานของเหอเย่วแล้ว ในช่วงหนึ่งปีมานี้ นางนับว่าเป็นคนในครอบครัว ทั้งยังเป็นเพื่อนที่สำคัญมาก ๆ ในชีวิตยุคโบราณของลู่ม่าน ยิ่งไปกว่านั้น นางยังเคยถึงขั้นยอมเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อช่วยชีวิตของนางไว้ด้วย! ลู่ม่านจึงเตรียมสินเดิมเจ้าสาวให้แบบยึดตามมาตรฐานข้อกำหนดของน้องสาวคนหนึ่งที่ได้ออกเรือน
มีสินเดิมรวมทั้งหมดหกหาบ หาบแรกเป็นส่วนเครื่องประดับหัว ได้แก่พวกเงินทองเครื่องประดับ กับโฉนดที่ดินบางส่วน ไม่มาก แค่ราว ๆ ยี่สิบไร่ เหตุผลหลักคือเหอเย่วไม่มีทรัพย์สินอะไรที่นี่เลย ลู่ม่านจึงซื้อหลักทรัพย์เล็ก ๆ น้อย ๆ ให้นาง ก็นับว่าเป็นการทำให้นางเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอะไรบางอย่างได้บ้าง หาบที่สองเป็นพวกผ้าไหมแพรพรรณกับของใช้จิปาถะ หาบที่สามเป็นของตกแต่งบ้านอะไรพวกนั้น พอดีว่าที่ร้านม่านเซินของลู่ม่านก็ทำของพวกนี้อยู่ ราคาจึงไม่แพง
หาบที่สี่เป็นพวกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกับน้ำหอม เพราะหวังว่าในอนาคต เหอเย่วจะสามารถเป็นแม่บ้านสาวสวยคนหนึ่งขึ้นมาได้
สองหาบสุดท้าย เป็นชุดอ่างน้ำสืบสกุล*ที่จัดเตรียมตามประเพณีประจำท้องถิ่น และพวกผ้าเอี๊ยมสีแดงอะไรเหล่านั้น
เรียกว่าจัดเตรียมทุกอย่างพร้อมพรั่งดีมาก
เช้าตรู่ทันทีที่ตื่นขึ้นมา ลู่ม่านก็ไปที่ห้องของเหอเย่วด้วยตัวเอง หลังจากแต่งงานไปก็จะไม่เหมือนเดิมแล้ว แม้ว่าจะยังอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันก็จริง แต่ลู่ม่านก็ยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่บ้างเล็ก ๆ
นางช่วยแต่งหน้าให้เหอเย่วด้วยตัวเอง ลู่ม่านยิ้มพลางพูดว่า “ถ้าในอนาคตเฉินจูชิงกล้ารังแกเจ้า จะต้องมาบอกข้าให้ได้นะ แล้วข้าจะไปบอกพี่จื่ออานของเจ้าให้ช่วยสั่งสอนเขาให้เอง!”
“ข้าจะบอกแน่นอนเจ้าค่ะ!” เหอเย่วเริ่มรู้สึกมีอารมณ์อ่อนไหวขึ้นมา “ในช่วงครึ่งปีมานี้ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เสี่ยวม่าน เกรงว่าทั้งข้าและปู่ก็คงต้องไปปรโลกกันตั้งนานแล้ว ไหนเลยจะยังมีโอกาสได้แต่งงานแบบนี้?” นางพูดพลางคุกเข่าลงโขกหัวคำนับให้ลู่ม่าน
ยายอิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็ถอนหายใจอย่างปลาบปลื้มยินดีไม่น้อย ฮูหยินเป็นคนใจดีมีเมตตา แม่นางเสี่ยวเย่วช่างมีวาสนาที่ดีนัก สินเจ้าสาวมากมายมหาศาลเช่นนี้ หากเป็นเด็กสาวชาวไร่ชาวนาธรรมดา ๆ ก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำ!
ขอบตาของเหอเย่วยิ่งแดงก่ำขึ้นมา “ขอบคุณเจ้าค่ะพี่เสี่ยวม่าน”
“เจ้าจนเรียกข้าว่าพี่สาวแล้ว แค่เตรียมสินเจ้าสาวให้แค่นี้ยังต้องขอบคุณอะไรอีกล่ะ? รีบเช็ดน้ำตาเร็วเข้า วันนี้เจ้าเป็นเจ้าสาวนะ ถ้าแต่งหน้าแล้วร้องไห้จนหน้าลายพร้อย มันก็ไม่สวยแล้วน่ะสิ!”
ตอนนี้เอง เหอเย่วถึงได้หลุดหัวเราะออกมา
ขณะที่ทั้งสามคนกำลังคุยกัน ข้างนอกก็มีเสียงของตาเกาดังแว่วมา "เจ้าบ่าวมารับตัวเจ้าสาวแล้ว!"
“มาแล้ว ๆ!” ลู่ม่านพูดพลางหัวเราะ รีบตรวจดูความเรียบร้อยของเครื่องสำอางบนใบหน้าของเหอเย่วอีกครั้ง ก่อนจะคลุมผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว
ที่ด้านนอกประตู มีเสียงที่ร่าเริงเกินจะควบคุมได้ของเฉินจูชิงดังเข้ามาว่า “ฮูหยิน ข้ามารับเสี่ยวเย่วแล้วขอรับ”
มันจะง่ายดายขนาดนั้นได้อย่างไรล่ะ? จู่ ๆ ลู่ม่านก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงคล้ายจะรู้แจ้งไปถึงจิตวิญญาณว่า “มารับเสี่ยวเย่วน่ะได้ แต่เจ้าต้องตอบคำถามของข้าสามข้อมาให้ได้ก่อน”
“ฮูหยิน นี่นับเป็นสี่คำถามแล้วกระมัง?” ข้างนอกมีเสียงคนตะโกนเข้ามาด้วยความไม่พอใจ
ลู่ม่านจงใจเมินพวกเขา “ข้าบอกว่ามันเป็นหนึ่งคำถาม มันก็ต้องเป็นหนึ่งคำถาม รีบตอบมาเร็วเข้า ครั้งนี้ข้าจะให้เวลาเจ้า ข้าจะนับถึงยี่สิบ เจ้าต้องตอบคำถามมา!”
พูดจบ ลู่ม่านก็เริ่มนับทันที
เวลานี้ข้างนอกยิ่งสับสนอลหม่านขึ้นกว่าเมื่อครู่แล้ว เพราะว่ากันตามจริงมีคนที่รู้จักเหอเย่วไม่มาก มีเพียงเฉินจูชิงเท่านั้นแล้วที่รู้ดี!
ครั้งนี้ เหอเย่วไม่ได้หยุดลู่ม่านแล้ว อันที่จริงหลังจากที่นางอยู่กับลู่ม่านไปนาน ๆ เข้า ความคิดหลายอย่างของนางก็เริ่มเป็นเหมือนกับลู่ม่าน ถ้าจนถึงตอนนี้ยังไม่เข้าใจกระจ่างชัดอีก แล้วจะต้องรอถึงเมื่อไหร่ล่ะ?
ตอนที่ลู่ม่านนับจนถึงสิบเจ็ด เฉินจูชิงค่อยเริ่มตอบคำถาม
“คนที่ข้าจะแต่งด้วยมีชื่อว่าเหอเย่ว วันเดือนปีเกิดของนางคือวันนี้ นี่ก็คือเหตุผลที่ข้าเลือกวันนี้เป็นวันแต่งงาน เพราะข้าหวังว่าชีวิตที่เหลือนับจากนี้ของนาง โดยเริ่มต้นจากวันนี้ไป จะเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่.....”
ทุกคำที่เขาพูดมาช่างซาบซึ้งกินใจอย่างยิ่ง ลู่ม่านได้ฟังก็ถึงกับใจอ่อนระทวยเลยทีเดียว เจ้าหนุ่มเฉินจูชิงคนนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ พอหันหน้ากลับไปมอง ก็เห็นว่าขอบตาของเหอเย่วแดงเรื่อไปหมด
ลู่ม่านรีบเก็บความซาบซึ้งกลับลงไปไว้ในหัวใจลึก ๆ แล้วพูดต่อไปว่า “ถึงแม้ว่าเจ้าจะพูดได้น่าประทับใจมาก แต่เจ้ายังตอบคำถามข้าไม่ครบ นางชอบกินอะไร? ชอบทำอะไร? เจ้ายังไม่ได้ตอบเจ้ายังมีเวลาเหลืออีกสามวินาที”
"สาม……"
“นางชอบกินเนื้อย่างที่ฮูหยินทำ เรื่องที่ชอบทำ ก็คือได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้ข้างกายฮูหยิน!”
ลู่ม่านถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ หันไปมองเหอเย่วแล้วถามว่า “ที่เขาพูดมาเป็นความจริงรึ?”
เหอเย่วพยักหน้ารับ "อื้ม ถูกแล้วเจ้าค่ะ!"
ลู่ม่านถึงกับพูดไม่ออก “ ที่เจ้าชอบกินเนื้อย่างที่ข้าทำ เรื่องนี้ข้าก็พอจะเข้าใจได้นะ เพราะถึงอย่างไรฝีมือทำอาหารของข้าก็ไม่เลวจริง ๆ แต่เจ้าจำเป็นต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องอยู่ปรนนิบัติรับใช้ข้างกายข้าไปตลอดชีวิตหรอก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เป็นพอ.ที่กลับกรอก เป็นที่พึ่งไม่ได้เลย ยอกจะออกจากครอบครัวเลวๆนี่ไม่จริงอีก ภาระของนางเอก ถ่วงแข้งถ่วงขาจริงๆ...
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...